คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2350 วิชากลืนวิญญาณ
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2350 วิชากลืนวิญญาณ
นั่นเรียกว่า “ปาก” ทันใดนั้นปากของเด็กร่างทองคนนั้นเต็มไปด้วยฟันแหลมคม
หัวของอสรพิษสีเลือดยังคงดิ้นอยู่ในปากเด็กร่างสีทองอย่างบ้าคลั่ง เลือดสีดำไหลออกมาจากปากแผลพุ่งสูงหลายจั้ง
แสงคริสตัลในร่างกายของเขาไหลเวียนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพิษของงูสีเลือดตัวนั้นถูกขับออกมา
เมื่อชายชราเห็นดังนั้น เขาก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะคิดหาวิธีอื่นๆ เด็กร่างสีทองก็แผ่ปราณไอเย็นออกมา และมองมาชายชราด้วยสายตาเย็นชา
ตอนนั้นเอง ชายชราก็รู้สึกหนาวสันหลัง กระบี่ผลึกแสงสองเล่มก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
กระบี่แสงทั้งสองดูไม่ธรรมดา แต่หลังจากที่มันขยับเล็กน้อย มันก็เคลื่อนมาอยู่ด้านหน้าของชายชราด้วยความเร็วที่ไม่น่าเชื่อ
“ตู้ม”
ทันทีกระทบกับม่านแสงสีเขียวก็เกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้น จากนั้นมันก็ค่อยๆ แตกละเอียด
แสงกระบี่ส่องประกายอีกครั้ง ตอนนั้นชายชราก็สัมผัสได้ถึงไอเย็นบริเวณใบหน้า เขาตกใจอย่างมาก และไม่คิดจะยั้งมืออีกต่อไป รัศมีลำแสงทั้งห้าก็เกิดการควบแน่นบริเวณระหว่างคิ้ว จากนั้นก็กลายเป็นเกราะห้าสี พร้อมขยายขนาดเพิ่มขึ้นหลายจั้ง จนสามารถปกป้องร่างทั้งร่างของชายชราเอาไว้ได้
พื้นผิวของเกราะยักษ์มีอักขระวิญญาณอันละเอียดอ่อนอยู่ และมีอักษรรูนที่ดูงดงามจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
“ตู้มๆ” เสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้ง ปราณกระบี่ผลึกแสงสองเล่มโจมตีไปที่เกราะยักษ์อย่างแรง
ผลก็คือทันทีที่กระบี่เล่มแรกสัมผัสกับเกราะยักษ์ก็เกิดประกายแสงและระลอกคลื่นที่รุนแรง
แม้ว่ากระบี่เล่มนั้นจะหายไปแล้ว แต่ที่เกราะยักษ์ก็มีรอยแตกขนาดใหญ่อยู่
และเมื่อการโจมตีของกระบี่เล่มที่สองโจมตีไปที่จุดเดิม เกราะยักษ์ห้าสีก็ทนแรงโจมตีที่มหาศาลเช่นนี้ไม่ไหวจึงแตกสลายออกมาเป็นเสี่ยงๆ
การลงกระบี่ครั้งที่สองก็ไม่มีอะไรมาขวางกั้นแล้ว จึงโจมตีถึงตัวคนด้านในได้โดยตรง
การเคลื่อนไหวทั้งหมดดูซับซ้อนอย่างมาก แต่ความจริงมันเกิดขึ้นเสี้ยววินาทีเท่านั้น
ในความรู้สึกของชายชราเขาเพิ่งหยิบเกราะห้าสีขึ้นมาป้องกัน เสี้ยวต่อมาก็แตกเป็นสองส่วนเสียแล้ว หลังจากรับไอเย็นมา ดวงตาของเขาทั้งสองก็ดำมืดไปหมด
หากมองจากมุมมองคนภายนอก รอบคอของชายชราคนนั้นมีแสงคริสตัลรายล้อมอยู่ จากนั้นศีรษะของเขาก็หล่นลงพื้น
แทบจะในเวลาเดียวกัน เงาของมังกรยักษ์มีเกล็ดสีชาดจู่ๆ ก็ระเบิดตัวเอง เสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่วทุกสารทิศ จากนั้นก็หายไปพร้อมกับสายฟ้า
ตอนนั้นเองมีลูกบอลแสงสีแดงชาดลอยออกมาจากร่างไร้หัวของชายชรา ไม่ทันไรมันก็หายไปพร้อมกับสายฟ้าโดยไม่ทราบทิศทาง
แต่เด็กชายร่างสีทองคนนั้นก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมแล้ว หลังจากมีระลอกคลื่นเกิดขึ้น เขาก็หายตัวไปหยุดที่ด้านหน้าของบอลแสงสีแดงชาดลูกนั้น
เขายกแขนขึ้นข้างหนึ่งจากนั้นก็กระแทกอากาศแรงๆ จนลูกนั้นตกลงพื้น
หลังจากที่ลูกบอลสีแดงตกลงไปที่พื้นแล้ว จิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดก็ปรากฏขึ้นมา ความสูงเท่าๆ กับเด็กชายร่างสีทองเลยทีเดียว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย แต่ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ทันใดนั้นจิตวิญญาณขั้นก่อกำเนิดดวงนี้ก็กัดฟันกร๊อด มือเล็กๆ ของเขาก็บีบที่ร่างวิญญาณโดยตรง ในขณะเดียวกันก็มีประจุสายฟ้าสีชาดปรากฏขึ้น เหมือนว่านี่จะเป็นวิชาลึกลับอะไรสักอย่างกๆ็กๆ
แต่ในตอนนั้นเอง ปราณกระบี่ผลึกแสงก็โผล่ขึ้นมาที่ด้านหลังของจิตวิญญาณนั้น พร้อมกับโจมตีจากด้านหลังอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง
“ฉึก”
หลังจากหมอกสีเลือดกระจายตัวออกไป ใบหน้าของชายชราที่แอบอยู่ด้านในก็มีสีหน้าเหลือเชื่อ จากนั้นเสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้น ร่างของเขาถูกแยกเป็นสองส่วน แสงวิญญาณดวงเล็กดวงน้อยก็ถูกสลายจนสิ้น
บรรพชนสายฟ้าสีเลือดที่โด่งดังก็จบชีวิตลงด้วยน้ำมือของราชาแมลงกลืนทองคำอย่างง่ายดายเช่นนี้
ในตอนนั้นเองเซวี่ยพั่วที่ถอยหลังออกมาหลบด้านข้างนานแล้วก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นางเดินขึ้นมา ทำความเคารพให้กับราชาแมลงกลืนทองคำ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความยินดี “ขอบคุณผู้อาวุโสมากที่ช่วยเหลือ หากไม่ได้ท่านผู้น้อยคงต้องตายด้วยน้ำมือของคนผู้นี้แน่นอน”
“ข้าแค่ทำตามที่นายท่านสั่งเท่านั้น เรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็จัดการธุระของเจ้าต่อเถอะ ข้าจะไปคอยระวังในที่ลับให้” เด็กร่างกายสีทองส่งเสียงพูดแผ่วเบา เขาหยิบสร้อยข้อมือที่ติดอยู่กับศพของชายชราออกมา เมื่อเขาขยับตัวอีกครั้ง เขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ในตอนนี้ราชาแมลงกลืนทองคำเมื่อเทียบกับตอนแรกตอนนี้เขาพัฒนาจนมีสติปัญญาแล้ว
หลังจากนางโค้งคำนับเด็กชายร่างสีทองเสร็จแล้ว นางก็เหลือบไปมองหุ่นเชิดสองตัวที่อยู่บนพื้นด้วยความเสียดาย แต่นางก็ต้องเดินทางออกจากสถานที่แห่งนี้แล้ว
แม้ว่าระยะที่ผ่านมานี้นางจะไม่ได้แตะต้องเขตอาคมต้องห้ามที่แข็งแกร่งเลย แต่ตอนนี้นางยังสัมผัสอะไรไม่ได้เลย นางเชื่อว่าร่างหลักของนางจะไม่ได้ถูกขังไว้ในบริเวณนี้แน่นอน นางจึงรีบไปที่สถานที่ต่อไป
แต่หลังจากที่เห็นพลังอันยอดเยี่ยมของท่านอาวุโสราชาแมลงกลืนทองคำแล้ว ในที่สุดนางก็มีความกล้าที่จะสำรวจในพื้นที่ที่ลึกขึ้น
…สิบวันต่อมา บริเวณใกล้ประตูใหญ่ที่ด้านนอกเทือกเขาวั่นเย่ว์ เดิมทีได้รวบรวมผู้บำเพ็ญเพียรนับพันคนอยู่ที่นี่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาทั้งหมดจึงถอยห่างออกไปหลายสิบลี้ บางคนก็มองที่ประตูบานยักษ์แล้วใช้นิ้วชี้พร้อมซุบซิบอะไรบางอย่าง
ที่ชายขอบเหลืองเพียงห้าหกร้อยคนเท่านั้น และเห็นได้ชัดว่าคนพวกนี้คือพวกเดียวกัน เป็นคนของนภาสีเลือด เขากำลังวางเขตอาคมขนาดใหญ่อยู่ กินพื้นที่กว้างมาก
คนเหล่านี้แต่งกายเหมือนกัน ที่แขนเสื้อมีรอยสัญลักษณ์เดียวกัน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นลูกศิษย์ระดับสูงสำนักโลหิตกระดูก
ด้านหน้าของคนเหล่านี้ มีชายสองคนยืนอยู่
คนหนึ่งสวมชุดขนนกสีขาว เป็นชายชราที่มีจมูกทรงนกแก้ว ที่ปลายจมูกงองุ้มเข้าด้านในคล้ายแม่มด
ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงอัปลักษณ์ รูปร่างอ้วนเตี้ย มีอักขระวิญญาณสีดำอยู่ที่ข้างแก้ม
แต่ปราณบนร่างกายของพวกเขาทั้งสองดูน่ากลัวอย่างมาก ที่จริงแล้วเขาเป็นมหาเมธีที่มีฝีมือยากจะคาดเดา
ในเวลานี้ทั้งสองกำลังดูเหล่าลูกศิษย์วางเขตอาคมอย่างไม่หยุดหย่อน พร้อมคุยกันเองด้วย แต่ไม่รู้ว่าคุยกันเรื่องอะไร
“หึ ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนอย่างตาแก่เซียวที่อยู่เมืองเซวียเฮ่อและไม่ยอมออกจากที่นั่นแม้แต่ครึ่งก้าว ต้องเกิดปัญหาอะไรขึ้นอย่างแน่นอน แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะมีกุญแจที่แท้จริงของพระราชวังเทียนติ่ง และเขาก็ไม่ยอมบอกข้าแม้แต่น้อย หากไม่ใช่ว่าได้ข่าวลือมาจากฮูหยินวั่นฮวา เกรงว่าตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้เรื่องนี้” ชายชราจมูกนกแก้วส่งเสียงหึในลำคอแล้วพูดกับผู้หญิงคนนั้น
“ฮ่าๆ สมแล้วที่เป็นตาแก่เซียว แม้ว่าเราจะเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่ก็ไม่ค่อยสนิทกับเขามากเท่าไหร่ หากวันนี้พวกเราได้กุญแจที่แท้จริงของพระราชวังเทียนติ่งมา ก็เกรงว่าจะต้องปกปิดเหมือนเขานั่นแหละ ในเมื่อสมบัติมีมากมายขนาดนั้น กลืนลงท้องคนเดียวดีกว่ามาหารสาม แบบนั้นความแตกต่างมันเยอะเกินไป” ใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นดูน่าเกลียด และน้ำเสียงของนางกลับหวานและไพเราะอย่างมากเหมือนกับเสียงของสาววัยสิบหกสิบเจ็ดเลย
ทั้งคนนี้คือผู้อาวุโสระดับมหาเมธีของสำนักโลหิตกระดูก
“นั่นก็เป็นเรื่องจริง ได้ยินมาว่าด้านในของพระราชวังเทียนติ่งได้ซ่อนผ้าเหลืองของอรหันต์เทียนติ่งเอาไว้ด้วย หลังจากที่พวกเรารู้เรื่อง จะไม่ได้รับการอนุญาตให้เข้าพระราชวังเทียนติ่งตามลำพังแน่นอน แต่จะว่าไปแล้ว ว่ากันว่าแม่กุญแจที่แท้จริงของพระราชวังเทียนติ่งมีมากกว่าหนึ่งที่ ต่อให้เราไม่ลงมือแย่งมา จะต้องมีมหาเมธีคนอื่นทำเรื่องเช่นนี้แน่นอน ตาแก่เซียวปกปิดเรื่องนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ฉลาดแล้ว” ชายชราจมูกนกแก้วหัวเราะเย็นๆ จากนั้นก็พูดขึ้น
“ช่างเถอะ พูดเรื่องนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ แม้ว่าพวกเราจะได้ข้อมูลมาแล้ว แต่ก็มาสายไปหนึ่งก้าว คนที่มีกุญแจก็เข้าไปได้หลายวันแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเราจึงได้แต่วางเขตอาคมเช่นนี้ต่อไป รอคนพวกนั้นออกมาแล้ว ค่อยจัดการพวกเขา” หญิงสาวคนนั้นพูดเสียงเบา
“เดิมทีข้าก็มีประสบการณ์คล้ายกันแบบนี้แล้ว ตำแหน่งการออกมาของคนพวกนั้นน่าจะเป็นการสุ่ม การที่คนจะมาปรากฏตัวที่นี่มีเพียงสองสามส่วนเท่านั้น เกรงว่าส่วนใหญ่จะถูกส่งไปที่อื่นมากกว่า” ชายจมูกนกแก้วแสดงความคิดเห็นเล็กน้อย
“สองสามส่วนก็ดีมากแล้ว หากทุกคนมาปรากฏตัวที่นี่หมด เกรงว่าข้ากับเจ้าแล้วใช้พลังแห่งเขตอาคมก็ไม่แน่ว่าจะสามารถต้านทานคนเยอะขนาดนั้นได้ ท้ายที่สุดแล้วคนที่เข้าไปด้านในได้ ก็ต้องมีฝีมือไม่ด้อยไปกว่าพวกเราหรอก ถ้าคนน้อยลงนิดหน่อย พวกเราก็สามารถแบ่งปันสมบัติกันได้ และเขตอาคมนี้ เมื่อถึงเวลาก็ไม่ต้องใช้มันมาก ให้มันเป็นไม้ต่อของพวกเราก็พอ” ผู้หญิงคนนั้นตอบอย่างมั่นใจ
“หากเป็นตามที่สหายคิด ข้าก็คิดอยู่แล้วว่าทำไมต้องเอาลูกศิษย์มามากมายขนาดนี้ เป็นแผนการที่ยอดเยี่ยมไปเลย” ชายจมูกนกแก้วยิ้มขึ้น
…เสียงดังโครมครามสั่นสะเทือนฟ้าดิน หานลี่ที่อยู่ในร่างของวานรยักษ์กำลังทำลายกำแพงคริสตัลจนมันแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
หลังจากลิงยักษ์ตัวนั้นก้าวขาใหญ่ๆ แล้วเข้าไปยืนที่เขตอาคมส่งตัวที่เดิมทีกำแพงคริสตัลนี้ปกป้องไว้อยู่ หลังจากที่ร่างของเขาเลือนราง ตัวของเขาก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
วินาทีถัดไปหานลี่ก็กลายเป็นลำแสง และปรากฏตัวอีกครั้งที่บนท้องฟ้าเหนือเนินเขาที่สูงกว่าพันจั้ง วงแหวนแสงด้านล่างฝ่าเท้าของเขาก็ส่งเสียงดัง “ตึง” และสลายหายไป
หลังจากวานรยักษ์ตัวนั้นใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ เขาก็เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้อย่างชัดเจน
แม้ว่าเขาลูกนี้จะไม่นับว่าสูง แต่พื้นที่ของมันก็นับว่าไม่เล็ก ด้านล่างมีม่านแสงปกคลุมเมืองทั้งหมดนั้น ที่นั่นคือที่ที่เขาเพิ่งจากมา
หานลี่มองไปที่พื้นที่ของแต่ละส่วนอย่างครุ่นคิด ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้แล้ว ว่าเขาจำเป็นต้องเดินทางไปที่ไหนสักแห่ง
แต่ในตอนนั้นเองด้านข้างของเขาก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น กลางอากาศห่างออกไปไม่กี่ลี้ มีเขตอาคมแสงโผล่ขึ้นมา และมีนักพรตสามคนปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากหานลี่มองรูปร่างของนักพรตทั้งสามคนอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็หรี่ตาลงเล็กน้อย
เมื่อตอนที่วงแหวนแห่งแสงใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาหายไป พวกเขาก็สามารถมองเห็นหานลี่ที่อยู่ในร่างของวานรยักษ์ได้อย่างชัดเจน หลังจากจ้องกันไปมาด้วยความตกใจสักพัก เขาก็บินตรงมาอยู่ที่ด้านหน้าของหานลี่
ปราณของพวกเขาทั้งสามแข็งแกร่งขึ้น เขาไม่ได้ซ่อนความเกลียดชังของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
สายตาของหานลี่ที่อยู่ในร่างของวานรยักษ์ส่องประกายความเย็นชา ทันใดนั้นเขาก็ยกแขนขึ้น ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยขนของเขาก็โจมตีไปที่ผู้อาวุโสทั้งสามอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง
“ตู้ม” หลังจากส่งเสียงดังสนั่น จากนั้นก็มีพลังที่กลายเป็นพายุขนาดใหญ่โจมตีไปที่ชายชราทั้งสามอย่างรุนแรง
“นี่หมายความว่าอย่างไรหรือ? เจ้าอยากสู้กับพวกเราทั้งสามหรือ”
ชายชราทั้งสามหลบซ้ายหลีกขวา เขาเลี่ยงพายุที่พัดมาอย่างบ้าคลั่ง ในขณะเดียวกันหนึ่งในพวกเขาก็ถามขึ้นมาอย่างดุร้าย