คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2360 ล่าสมบัติ
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2360 ล่าสมบัติ
เสียงระเบิดรุนแรงสั่นสะเทือนฟ้าดิน
ตอนนั้นเองม่านแสงก็เกิดหลุมหลุมหนึ่งขึ้น ด้านนอกมีรอยแตก จากนั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนแก้วแตกดังต่อเนื่องกันมา
ในตอนนั้นเอง เจดีย์หลังเล็กที่อยู่ในมือของอรหันต์เทียนติ่ง จู่ๆ ก็มีแสงสีขาวส่องสว่างออกมา มันบินออกมาจากด้านในอย่างรวดเร็ว ทำให้รูรั่วนั้นผสานกันอย่างรวดเร็วเหมือนดั่งตอนแรก
“ตู้ม” เสียงหนึ่งดังขึ้น ม่านแสงที่เป็นรูรั่วก็กลับสู่สภาพเดิม ภูเขาสีเขียวก็ถูกโจมตีจนกระเด็นออกมา
เมื่อหานลี่เห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา พร้อมเก็บภูเขาปราณลูกนั้นกลับมาอยู่ในแขนเสื้อ
“พี่หาน รูปปั้นของอรหันต์เทียนติ่งนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ และเจดีย์นี้ก็เป็นดั่งตัวช่วยเสริม ในตอนแรกข้าพยายามใช้ทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถทำลายเขตอาคมต้องห้ามนี้ได้เลย” ปิงพั่วที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นดังนั้น รู้สึกตกใจอย่างมากที่หานลี่เกือบจะทำลายม่านแสงของเจดีย์นี้ได้แล้ว นางจึงอธิบายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เราต้องทำลายรูปปั้นก่อนสินะ” แววตาของหานลี่ดูฮึกเหิมอย่างมาก เขาพูดขึ้นมาเสียงเรียบ
พร้อมคำรามเสียงต่ำ
ร่างกายของหานลี่เปล่งประกายสีทองขึ้นทันที ร่างกายก็ขยายใหญ่ขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ชั่วพริบตาเดียวเขาก็กลายเป็นวานรยักษ์ที่มีความสูงมากกว่าสิบจั้งแล้ว ขณะเดียวกันนั้นเองด้านหลังของเขาก็มีระลอกคลื่นที่น่าหวาดกลัวเกิดขึ้น ร่างพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรก็ปรากฏขึ้นมาพร้อมกันด้วย
“ฟิ้วๆ” เสียงดังขึ้นสองครั้ง
วานรยักษ์ตัวนั้นพลิกฝ่ามือใหญ่ๆ ของเขาขึ้นมา ภูเขาลูกเล็กๆ สีเขียวดำสองลูกก็ปรากฏขึ้นในมือข้างละหนึ่งลูก ชั่วพริบตาเดียวมันก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นมาก
วานรยักษ์สะบัดแขนหนึ่งครั้ง ภูเขาเล็กๆ ทั้งสองลูกก็ลอยออกไปอย่างรุนแรงอีกครั้ง
เพียงแต่เป้าหมายในครั้งนี้คือรูปปั้นของอรหันต์เทียนติ่ง
ทันทีที่ภูเขาลูกเล็กๆ นั้นโจมตี ก็เกิดเงาแสงที่พร่ามัวของกลุ่มแสงสีเขียวดำสองกลุ่ม พร้อมเสียงกรีดร้องดังแสบแก้วหู พริบตาเดียวมันก็ไปอยู่ด้านหน้าของรูปปั้นแล้ว
เมื่อแสงคริสตัลกะพริบออกมา ม่านแสงที่เดิมทีเคยปกคลุมเจดีย์เล็กๆ อันนั้น ก็ขยายร่างเป็นเกราะคริสตัลขนาดใหญ่ปกคลุมรูปปั้นทั้งหมด
ในขณะเดียวกันรูปปั้นนั้นที่เคยยืนนิ่งมาตลอด จู่ๆ กระบี่ที่อยู่ด้านหลังก็เกิดการสั่นสะเทือนขึ้น
“กึกๆ” เสียงดังเกิดสองครั้งติดต่อกัน
ปราณกระบี่สองสายปรากฏออกมาจากรูปปั้นรูปนั้น เพียงแค่พริบตามันก็ฟันไปที่ภูเขาลูกเล็กที่พุ่งตรงมาหาด้วยความเร็วสูง
“ตู้มๆ” เสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้ง
ภูเขาสองลูกนั้นสั่นสะเทือนเล็กน้อย ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ทำให้ปราณกระบี่ทั้งสองสายแตกกระจายและหายไป
เมื่อทั้งสองโจมตีลงไปอีกครั้ง รูปปั้นนั้นก็มีแสงสว่างสีขาวกระจายออกมา
หลังจากม่านแสงค่อยๆ หายไปแล้ว ก็เกิดการสะท้อนกลับแบบเดิมอีกครั้ง
แต่ว่าในครั้ง วานรยักษ์สีทองได้เดินไปด้านหน้าหนึ่งก้าว พร้อมหายไปอย่างไร้ร่องรอย
วินาทีถัดมาเขาก็ปรากฏตัวอยู่เหนือม่านแสงแห่งนั้น สองมือที่เต็มไปด้วยขนปุกปุยก็กำหมัดแน่นขึ้น ทันใดนั้นลำแสงสีทองม่วงก็พุ่งโจมตีเข้าไปอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นเองก็ปรากฏเงาหมัดสีม่วงทองขึ้น พร้อมเสียงกระแทกอย่างรุนแรง หมัดสีม่วงทองนั้นต่อยไปที่ม่านแสงจำนวนนับไม่ถ้วนราวกับฝนตก
แรกเริ่มหมัดนั้นยังไม่สามารถทะลวงเข้าไปในม่านแสงนั้นได้ แต่หลังจากการโจมตีติดต่อกัน การดูดซับพลังสะท้อนกลับก็ช้าลง จึงไม่สามารถป้องกันการโจมตีในระลอกหลังได้
ในตอนนั้นเองม่านแสงก็เกิดระเบิดเสียงดัง กลุ่มหมัดสีม่วงทองก็ระเบิดขึ้นอย่างรุนแรงและบ้าคลั่ง
วานรยักษ์ที่อยู่ด้านบนเห็นดังนั้น ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น ทันใดนั้นเขาก็หยุดปล่อยหมัดออกไป พร้อมยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา
ด้านหลังของเขาก็มีพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกร รูปร่างสีทองปรากฏขึ้น พร้อมรวมร่างตัววานรยักษ์ตนนั้น เมื่อมันขยับแขน แขนทั้งหกข้างที่มันขนยาวสีทองก็กดลงไปที่ม่านแสงด้านล่างทันที
เสียงระเบิดเกิดขึ้นดังมาก
กลางฝ่ามือสีทองทั้งหกมีลูกบอลแสงปรากฏขึ้น หลังจากที่มันควบรวมกันได้แล้ว จากนั้นก็กลายเป็นวงจักรขนาดใหญ่สีทองทันที
ภายในวงจักรสีทองมีอักษรสีทองจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นมา ในขณะเดียวกันก็มีเสียงร่ายคาถาภาษาสันสกฤตดังออกมาจากเขตอาคมด้วย พร้อมว่าปราณที่พัดออกมาอย่างรุนแรง
ดวงตาของรูปปั้นอรหันต์เทียนติ่งเดิมทีเป็นสีขาวขุ่น แต่ในตอนนั้นเองกลับมีแสงคริสตัลสองสาย พุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง พุ่งออกมาโจมตีวงจักรที่ว่านั้น
แต่วงจักรสีทองนั้นเพียงส่งเสียงร้องออกมาเสียงดังเท่านั้น พลังที่รุนแรงของมันพวยพุ่งออกมากระแทกม่านแสงด้วยความรุนแรง จนทำให้มันเกิดความสั่นไหว
“ตู้มๆ” เสียงดังขึ้น
ทันใดนั้นอักขระสีขาวก็ปรากฏขึ้นบนผิวของรูปปั้น พร้อมส่งแสงแสบตาออกมาด้วย หลังจากที่ม่านแสงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แต่มันก็ยังต้านทานความรุนแรงไว้ได้ แม้จะไม่ได้ดีนัก
แต่อย่างไรก็ตามวงจักรลูกนั้นก็ยังหมุนวนไปอย่างต่อเนื่อง ความบ้าคลั่งราวกับคลื่นที่สาดซัด และดูว่ามันจะไม่มีวี่แววที่จะหยุดเลย
ด้วยการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้ แต่รูปปั้นนั้นก็มีความลึกลับอย่างเทียบไม่ได้ มันสามารถรับพลังทั้งหมดนั้นได้อย่างไร
แต่ว่าหลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน ทันทีที่แสงสีขาวบนรูปปั้นอรหันต์เทียนติ่งมาบรรจบกัน อักขระสีขาวที่ผิวของรูปปั้นก็หายไปทั้งหมดแล้ว อีกทั้งหลังจากเสียง “ตู้ม” ก็มีรอยแตกมากมายนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นมา รูปปั้นนั้นแตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เมื่อไม่มีการสนับสนุนจากรูปปั้น เขตอาคมต้องห้ามของเจดีย์สีทองขนาดเล็ก จึงไม่สามารถต้านทานพลังอันมหาศาลได้
หลังจากที่รูปปั้นอรหันต์เทียนติ่งแตก ทันใดนั้นเจดีย์สีทองก็ส่งเสียงหวีดร้องออกมาทันที ม่านแสงคริสตัลก็พังทลายและหายไปในตอนนั้นเอง
หานลี่ที่อยู่ในร่างวานรยักษ์ก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมาทันที เขาพลิกมือที่เต็มไปด้วยขนลง
วงจักรสีทองกับภูเขาเล็กๆ สองลูกก็หายไปในพริบตา ตอนนั้นเองเจดีย์สีทองก็ลอยมาตกที่กลางฝ่ามือของหานลี่อย่างมั่นคง
แม่นางปิงฟั่วใช้เวลานานมากก็ยังไม่สามารถนำสมบัติชิ้นนี้ออกมาได้ แต่หานลี่กลับนำออกมาได้อย่างง่ายดาย
แสงสีทองสว่างวาบ
วานรยักษ์ขนสีทองปรากฏกายอยู่ด้านข้างของแม่นางปิงพั่ว เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา ร่ายกายของเขาก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวเขาก็กลับคืนสู่สภาพมนุษย์เหมือนเดิม
“ปฏิบัติภารกิจลุล่วง ได้ของมาแล้ว แม่นางปิงพั่วลองดูสิ ด้านในนี้มีของวิเศษที่เจ้าต้องการอยู่หรือไม่” หลังจากที่หานลี่ใช้จิตสัมผัสสำรวจด้านในแล้วหนึ่งรอบ เขาก็ส่งไปให้อีกฝ่ายอย่างไม่รีบไม่ร้อน
“ที่สามารถทำลายเขตอาคมต้องห้ามได้ ก็เป็นเพราะความสามารถของสหายคนเดียว น้องสาวจะกล้าเลือกสมบัติก่อนได้อย่างไร พี่หานเลือกของที่ท่านสนใจสักสามชิ้นก่อนสิ แล้วน้องสาวค่อยเลือกก็ได้” เห็นได้ชัดว่าปิงพั่วยังคงตกใจอยู่ เมื่อเห็นการกระทำของหานลี่ นางก็รีบปฏิเสธทันที
“ข้าดูของด้านในมาแล้ว นอกจากม้วนคัมภีร์หยกที่บันทึกวิชาลับเอาไว้ที่ข้าสามารถนำมาศึกษาได้ ชิ้นอื่นล้วนไม่ค่อยมีประโยชน์กับผู้น้อยแซ่หานนัก กลับไปข้าจะต้องไปคัดลอกเนื้อหาจากคัมภีร์หยกม้วนนั้นอยู่แล้ว สหายปิงพั่วไม่ต้องกังวลอะไร” หานลี่หัวเราะเบาๆ เขาสะบัดข้อมือเล็กน้อย เจดีย์สีทองก็ไปอยู่ที่อีกฝ่ายแล้ว
“ขอบคุณในความมีน้ำใจของพี่หานมาก บุญคุณครั้งนี้น้องสาวจะจดจำเอาไว้ จากนี้จะต้องทดแทนแน่นอน” เมื่อแม่นางปิงพั่วเห็นการกระทำของหานลี่ ก็โล่งอก พร้อมพูดขอบคุณอย่างซาบซึ้ง
จากนั้นนางก็ใช้จิตสัมผัสสำรวจคลังสมบัติที่อยู่เจดีย์อย่างถี่ถ้วน ทันทีที่สำรวจเสร็จนางก็หยิบม้วนคัมภีร์หยกสีแดงขึ้นมา พร้อมมอบมันให้กับหานลี่
“ในเมื่อม้วนคัมภีร์หยกเล่มนี้มีประโยชน์ต่อพี่หาน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องคัดลอก พี่หานรับไว้เถอะเจ้าค่ะ” หญิงสาวผู้นั้นพูดด้วยน้ำเสียงปกติ
“ในเมื่อสหายพูดเช่นนั้น ผู้น้อยแซ่หานก็จะไม่เกรงใจแล้วนะ” แววตาของหานลี่เปล่งประกาย เขาไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไป จึงรับม้วนคัมภีร์นั้นมา
เมื่อแม่นางปิงพั่วเห็นดังนั้น จึงหัวเราะเบาๆ
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็รีบออกจากที่นี่กันเถอะเจ้าค่ะ หากเขตอาคมที่อยู่ด้านนอกโดนทำลาย เราอาจจะต้องออกแรงมากกว่าเดิมอีก” หานลี่พูดขึ้น
“พี่หานโปรดรอสักครู่เจ้าค่ะ น้องสาวอยู่ที่นี่มาหลายปีแต่ก็ไม่ได้อยู่อย่างไร้ประโยชน์ จึงสามารถควบคุมพระราชวังเทียนติ่งได้บางส่วนแล้ว ข้าได้ไปติดตั้งของบางอย่างที่ใจกลางของเขตอาคมไว้ก่อน หากเป็นเช่นนั้น หลังจากข้าได้ร่วมร่างกับเซวี่ยพั่ว น้องสาวก็สามารถปิดพระราชวังเทียนติ่งได้ตลอดเวลา ทำให้พวกเราสามารถออกไปได้อย่างง่ายดาย” ปิงพั่วตอบพร้อมรอยยิ้ม
“วิธีนี้เป็นวิธีที่ดี สหายไปจัดการเถอะ” หานลี่ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เขาจึงพยักหน้าทันที
ดังนั้นทั้งสองคนจึงกลายร่างเป็นแสง แล้วบินออกไปที่ห้องโถงตามทางเดิม
จากนั้นไม่นาน ร่างเงาทั้งสองร่างก็ปรากฏตัวขึ้นที่เขตอาคมส่งตัวที่หานลี่ได้เข้ามาครั้งแรกอีกครั้ง
หานลี่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาร่ายคาถา ท่ามกลางความว่างเปล่าก็มีลำแสงวิญญาณปรากฏขึ้น ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
แล้วเดินหายไปในเขตอาคมนี้อย่างไร้ร่องรอย
…
ด้านนอกหอคอยขนาดใหญ่สีเลือด เงาทั้งสามร่างก็ค่อยๆ รวมตัวกันอยู่ที่บริเวณใกล้เคียงของอักษรสีเงินขนาดใหญ่ พวกเขากำลังสนทนากันด้วยความเคร่งขรึม
คนเหล่านั้นคือ เซียวหมิงและสหาย
ในที่สุดบรรพชนมหาเมธีจากแผ่นดินใหญ่นภาสีเลือดก็ทะลวงมาถึงที่นี่ หลังจากผ่านความลำบากมาอย่างมากมาย
“สหายชิงผิง เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าที่นี่คือทางเข้าของศูนย์กลางพระราชวังเทียนติ่ง? เจ้าคงไม่ได้มาผิดที่ใช่หรือไม่ ทำไมพวกเราถึงลองมาหลายวิธีแล้วก็ยังเปิดไม่ได้ล่ะ” เซียวหมิงถามนักพรตชิงผิงด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่มีทางผิดเด็ดขาด แต่เหมือนว่าทางเข้านี้จะโดนคนจัดการไปแล้ว อีกทั้งคาถาเดิมของพวกมันก็โดนทำลายไปมากกว่าครึ่งแล้ว แม้ว่าข้าน้อยจะอ่านอักษรสลักเงินพวกนี้ออก แต่ก็ไม่ได้เข้าใจทั้งหมด เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าน้อยจะลองเปิดมันอีกครั้ง หากยังไม่ได้ผล ก็ต้องใช้แรงพังมันลงไป แม้ว่ามันจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อเขตอาคมต้องห้ามส่วนอื่น แต่เราก็ไม่ต้องสนใจมันมาก” หลังจากนักพรตชิงผิงครุ่นคิดด้วยสีหน้ามีดมน จากนั้นก็กัดฟันพูดขึ้น
“ได้ สหายชิงผิงคงทำดีที่สุดแล้ว หากไม่ได้ล่ะก็ พวกเราจะร่วมมือกันพังทางเข้านี้ซะ” หลังจากเซียวหมิงครุ่นคิดแล้ว เขาก็พยักหน้า
ฮูหยินวั่นฮวาเองก็ไม่มีข้อโต้แย้ง
ดังนั้นนักพรตชิงผิงจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สิบนิ้วสองมือขยับไปมา คาถาของเขาเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วเหมือนวงล้อ ขณะเดียวกันเขาก็ร่ายคาถาออกจากปากมาด้วย
อักขระที่อยู่ด้านหน้าของเขาเริ่มส่องแสงสว่างขึ้น มันเคลื่อนตัวไปตามเสียงสวดคาถา แต่ความเร็วมันก็ลดลงอย่างมาก แทบจะค่อยๆ ปีนขึ้นมาทีละตัวอักษร
“เปิด”
เวลาผ่านไป นักพรตชิงผิงก็ถอนหายใจออกมา พร้อมยกนิ้วขึ้นมาจากแผ่นหิน
หลังจากอักขระรอบข้างค่อยๆ เลือนราง และรวมตัวกันเป็นสายฟ้าพร้อมส่องแสงสีเงินขนาดใหญ่
จากนั้นเขาก็ท่องคาถาออกมาอย่างรวดเร็ว แสงสีเงินก็บินไปรอบๆ
แต่พริบตาต่อมา ก็มีเสียงระเบิดดังลั่น กลุ่มแสงสีเงินแตกออกไป พร้อมกลายเป็นอักษรสีเงินอยู่ตามตำแหน่งเดิม
ราวกับว่าคาถาที่เขาร่ายไปเมื่อก่อนมันไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
เมื่อทั้งสามคนเห็นดังนั้น สีหน้าจึงดูย่ำแย่อย่างมาก