คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality - ตอนที่ 2434 ได้รับ
- Home
- คัมภีร์วิถีเซียน A Record of a Mortal’s Journey to Immortality
- ตอนที่ 2434 ได้รับ
ตอนที่ 2434 ได้รับ
หลังจากนั้นหนึ่งเดือน ในเมืองแห่งนี้ที่ดูเหมือนธรรมดา แต่ผู้คนที่เดินกวัดไกว่ไปมา บางคนก็มีเขาบนหัว บางคนบนใบหน้ามีเกล็ดมังกรปรากฏออกมา
นอกจากนี้ก็ยังมีคนส่วนน้อยที่มีพลังแข็งแกร่ง เขาใช้วิธีต่างๆ เพื่อปกปิดรูปสักษณ์ของตัวเองเอาไว้ ที่ถนนการค้าสายหลักที่ทิศตะวันออก ไม่เช่นนั้นในปกติหากเข้าออกร้านลึกลับก็จะไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีนัก
“อะไรนะ? ผู้อาวุโสต้องการทองแก่นวายุหนึ่งหมื่นกิโล?” ภายในร้านสลัวแห่งหนึ่ง ชายวัยกลางคนมีเขาสีม่วงที่เป็นเถ้าแก่ของร้าน มองลูกค้าที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกใจ
แม้ว่าช่วงนี้จะมีลูกค้ากระเป๋าหนักออกมาซื้อของจำนวนมาก จนทำให้เขาเห็นเรื่องแปลกเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว แต่คนที่หน้าเขากลับต้องการจำนวนมาก จึงทำให้เขารู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
“ทำไม ร้านของเจ้าไม่มีของหรือ? ข้าได้ยินมาว่าร้านแห่งนี้เป็นร้านขายทองแก่นวายุที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกาะมังกรแล้วไม่ใช่หรือ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาของจำนวนนี้มาให้ข้าได้หรือไม่” คนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเจ้าของร้านพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ทั่วทั้งร่างกายปกคลุมด้วยแสงสีเขียวอ่อน เดิมทีไม่มีทางมองออกว่าเขาอายุเท่าไหร่ จึงทำให้รู้สึกลึกลับอย่างมาก
“หากผู้อาวุโสมาก่อนหน้านี้สักครึ่งเดือนล่ะก็ ร้านของข้าพอจะมีของจำนวนนั้นอยู่ แต่ตอนนี้ในคลังมีเพียงสี่พันกิโลเท่านั้น ครึ่งเดือนก่อนมีผู้อาวุโสหลายท่านซื้อไปก่อนแล้ว” เจ้าของร้านวัยกลางคนพูดขึ้นอย่างมีมารยาท
คนที่อยู่ตรงหน้ามือเติบขนาดนี้ ต้องเป็นผู้แข็งแกร่งจากด้านนอกเกาะอย่างไม่ต้องสงสัย ในฐานะที่สายเลือดของเขาเป็นมังกรระดับกลาง จึงไม่กล้าตัดเยื่อใยไมตรี
“สี่พันกิโลก็ได้ เหลือเท่าไหร่เอามาให้ข้าให้หมด อ่ะนี่เงินของเจ้า” หลังจากอีกฝ่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ พร้อมสะบัดแขนเสื้อออก แหวนวงหนึ่งก็ลอยออกมา
“ได้ขอรับ ผุ้อาวุโสโปรดดรอสักครู่ ข้าน้อยจะรีบไปนับของมาให้เดี๋ยวนี้” หลังจากเจ้าของร้านตรวจสอบของในแหวนมิติแล้ว เขาก็รีบตอบตกลงทันที
จากนั้นเขาก็หยิบจานทรงกลมที่พกติดตัวออกมา และพูดให้ลูกค้ารอด้านในสักครู่
หลังจากนั้นชั่วหนึ่งจิบชา ภายในเขตอาคมลึกลับขนาดเล็ก ในห้องรับรองแห่งหนึ่งของร้านค้า ม่านแสงสว่างขึ้น มังกรหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ปรากฏตัวออกมา
อีกไม่กี่ก้าวเข้าจะเดินเข้าไปในร้านค้าแล้ว จากนั้นเขาก็หยิบสร้อยข้อมือมิติสีเขียวสามอันที่หน้าตาเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยนออกมาจากอ้อมแขน พร้อมมอบให้กับเจ้าของร้านวัยกลางคน
“ผู้อาวุโสโปรดตรวจสอบ จำนวนถูกต้องหรือไม่” แต่เจ้าของร้านกลับเก็บสร้อยข้อมือมิติลงแล้วนำไปมอบให้ลูกค้าทันที
“ข้าเชื่อใจในชื่อเสียงของท่าน ไม่ต้องนับหรอก” ชายหนุ่มที่มีแสงสีเขียวกล่าวขึ้นเสียงเรียบ พร้อมโบกมือเล็กน้อย จากนั้นแสงสีเขียวลอยออกไป จากนั้นสร้อยข้อมือมิติทั้งสามก็มาอยู่ในมือของเขา เขาไม่ตรวจสอบอะไรจริงๆ แล้วเดินออกไปทันที
ตอนนี้เหลือเพียงมังกรสองตัวที่มองหน้ากันไปมาเท่านั้น
“คนคนนี้มือเติบมากเลยนะ ทองแก่นวายุจำนวนมากขนาดนั้นคาดไม่ถึงว่าจะไม่มองสักหน่อยเลย” หลังมังกรหนุ่มร่างสูงใหญ่ถอนหายใจออกมาแล้ว เขาก็พูดขึ้นด้วยอารมณ์เสียใจ
“เจ้าจะไปรู้อะไร คนพวกนั้นสามารถมาที่เกาะมังกรได้จะต้องเป็นคนที่มีความเกี่ยวข้องกับเผ่ามังกรแน่นอน อีกทั้งคนระดับพวกเขายังต้องกลัวโดนพวกเราหลอกด้วยหรือ? ถ้าเขาเอาไปบอกผู้จัดงาน ข้ากับเจ้าจะมีอาหารดีๆ กินอยู่หรือไม่” เจ้าของร้านวัยกลางคนกลอกตาแล้วพูดขึ้น
หลังจากมังกรหนุ่มไตร่ตรองดูแล้ว ก็พยักหน้าทันทีประมาณเข้าใจแล้ว
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง แสงสีเขียวด้านนอกตรอกการค้าก็พุ่งออกไปแล้วตกลงที่เนินเขาแห่งหนึ่ง หลังจากแสงสว่างหายไป ก็มีชายชุดสีเขียวคนหนึ่งปรากฏขึ้นมา ชายคนนั้นคือ หานลี่นั่นเอง
เขาหยิบสร้อยข้อมือมิติขึ้นมาใหม่อีกรอบ หลังจากที่เขาตรวจสอบคร่าวๆ แล้ว ใบหน้าของเขาก็แสดงความพึงพอใจ รวบรวมแสงขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวมุ่งหน้าไปยังส่วนอื่นของเกาะมังกร
สามเดือนต่อมา
สายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งมุ่งหน้าข้ามเทือกเขาสีแดงชาด หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มุ่งหน้าไปสู่เทือกเขาธรรมดาๆ ลูกหนึ่ง
ใจกลางเทือกเขานั้น มีแท่นบูชาแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ที่นั่นมีชายหญิงห้าคนนั่งอยู่ ด้วยรูปลักษณ์และเสื้อผ้าที่แตกต่างกัน
มีเด็กหญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าอายุจะประมาณเจ็ดแปดขวบ ชายชราผิวสีเขียวมรกต สามีภรรยาคู่หนึ่งอายุประมาณสามสิบปี และชายฉกรรจ์อีกหนึ่งคนที่มีรอยสักรอยดอกไม้จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน
รุ้งสีเขียวบินวนอยู่กลางอากาศหนึ่งรอบ จากนั้นก็ลงอยู่หยุดตรงกลางแท่นอย่างแม่นยำ จากนั้นหานลี่ก็ค่อยๆ เดินมา
หานลี่กวาดสายตาไปมองคนอื่นๆ แล้วยิ้มออกมาน้อยๆ เขาลงมานั่งสมาธิโดยไม่ห่างจากเด็กผู้หญิงคนนั้นมาก
ส่วนคนเหล่านั้นก็ไม่ได้แปลกใจกับการปรากฏตัวของหานลี่ พวกเขานั่งอยู่ที่เดิมอย่างเงียบๆ ไม่ขยับไปไหน
หลังจากนั้นไม่นาน กลางอากาศในระยะที่ห่างออกไป คาดไม่ถึงว่าจะมีรุ้งห้าสีปรากฏขึ้นมา
หลังจากรุ้งทั้งห้านั้นส่องสว่างอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อมันมาถึงที่น่านฟ้าเหนือหุบเขา แสงก็ค่อยๆ จางลง กลายเป็นสาวงามผู้หนึ่งสวมเสื้อผ้าสีสดใส
ผู้หญิงคนนั้นค่อยร่อนจากกลางอากาศลงมาอย่างช้าๆ ใบหน้าเย็นชามองผู้อื่นซ้ายขวา จากนั้นก็หาพื้นที่ว่างนั่งจับจอง
“จำนวนคนเพียงพอแล้ว เช่นนั้นพวกเราเริ่มการแลกเปลี่ยนเลยเถอะ หากทุกคนไม่มีความเห็นกันล่ะก็ เช่นนั้นข้าขอโยนอิฐล่อหยกก่อนแล้วกัน” เมื่อชายชราผิวสีเขียวมรกตเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นนั่งลงแล้ว เขาก็ค่อยๆ พูดขึ้นอย่างช้าๆ
“ในเมื่อสหายยินดีเริ่มก่อน เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ”
“การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับ ผู้ใหญ่หรือเด็ก”
…
หานลี่และคนอื่นๆ ต่างไม่มีความเห็นแย้ง จึงถือว่าเห็นด้วย
ชายชราผู้นั้นก็สะบัดแขนเสื้ออย่างไม่เกรงใจ ใจกลางของแท่นหินนั้นก็มีเสียงดังออกมาทันที จากนั้นที่พื้นก็มีโต๊ะสี่เหลี่ยมสีขาวเรืองแสงออกมา ทันใดนั้นเขาก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา ลำแสงวิญญาณก็โผล่ออกมา ของหลายสิบชิ้นก็ค่อยๆ ทยอยหล่นลงมา
แววตาของหานลี่หรี่ลงเล็กน้อย แค่มองเขาก็รู้ได้ทันทีแล้วของเหล่านั้นมันคืออะไร
นอกเสียจากของนั้นมันอยู่ในกล่องหยกหรือกล่องไม้ ของชิ้นอื่นล้วนเป็นของที่หายากในแดนวิญญาณทั้งนั้น แต่ในจำนวนของเหล่านั้นก็มีของบางอย่างที่เขายังไม่สามารถแยกแยะออก
“สิ่งของเหล่านี้ ข้าต้องการแลกกับไขกระดูกหยินหมื่นปี ไม้เซวียนหยวน วิญญาณมรกตเก้าทวาร แน่นอนว่าหากพวกท่านมีของระดับสมบัติสวรรค์ทมิฬล่ะก็ ข้าก็พอใจจะแลกเปลี่ยนด้วยแน่นอน” หลังจากชายชราใช้มือเปิดกล่องหยกและกล่องไม้แล้ว เขาก็พูดขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
หลังจากคนอื่นๆ มองสมบัติที่อยู่บนโต๊ะแล้ว บ้างก็ไร้สีหน้า บ้างก็ขมวดคิ้ว แต่ยังไม่มีใครพูดอะไรออกไปในทันที
“ทำไมหรือ ของเหล่านี้ของข้าไม่เข้าตาสหายทั้งหลายบ้างเลยหรือ? หากเป็นเช่นนั้นล่ะก็ ข้าคงต้องรีบเก็บมันขึ้นมา แล้วเชิญสหายท่านถัดไปเถอะ” หลังจากชายชรารออยู่สักพัก เมื่อเห็นว่าไม่มีใครต้องการจะแลกเปลี่ยน เขาจะพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน
“สหายไม่ต้องรีบร้อนเช่นนั้น ไม้เซวียนหยวนละก็ ข้ามีหนึ่งแท่ง ไม่รู้ว่าจะเป็นที่พอใจกับสหายหรือไม่” เมื่อได้ยินชายชราพูดขึ้นเช่นนั้น คาดไม่ถึงว่าเด็กหญิงที่ดูเหมือนอายุน้อยที่สุดจะพูดขึ้น น้ำเสียงดูอ่อนโยนอย่างมาก อีกทั้งหลังมือน้อยๆ ร่ายคาถา ทันใดนั้นวัตถุสีดำก็ลอยออกไปทันที
ใบหน้าของชายชรามีความดีใจประดับอยู่ เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นแล้วดูดของสิ่งนั้นเข้ามาในมือทันที หลังจากที่เขาสำรวจคร่าวๆ แล้ว จึงแสดงความผิดหวังออกมาหลายส่วน
“ไม้เซวียนหยวนอันนี้มีขนาดและอายุน้อยไปหน่อย สหายต้องการจะแลกเปลี่ยนกับของสิ่งใด?” หลังจากที่ชายชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เปิดปากถามออกมา
“ข้าต้องการจะใช้ไม้ชิ้นนั้น แลกกับโอสถไท่อี่หนึ่งเม็ดที่อยู่บนโต๊ะ” เด็กผู้หญิงคนนั้นชี้นิ้วไปยังกล่องหยกที่อยู่บนโต๊ะ แล้วตอบอย่างไม่เกรงใจ
“โอสถไท่อี่หนึ่งเม็ดล่ะก็ มูลค่าพอๆ กัน ข้าแลก!” ในครั้งนี้ชายชราตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
เด็กหญิงคนนั้นเม้มปากเล็กน้อย แล้วชี้ไปที่กล่องหยกใบนั้น โอสถสีทองเม็ดหนึ่งก็ลอยขึ้นมากลางอากาศ และบินไปตรงหน้าของนางทันที
เด็กหญิงผู้นั้นคว้าโอสถเอาไว้ในมือ หลังจากที่เขาเก็บของลงไปแล้ว ก็นั่งลงเหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ข้าค่อนข้างสนใจพระราชวังหยกชิ้นนั้น ขอใช้น้ำฮุยหยินหนึ่งขวดที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับไขกระดูกหยินหมื่นปีเป็นอย่างไร?” เมื่อเห็นว่ามีคนเปิดแล้ว ในที่สุดฝ่ายชายจากคู่สามีภรรยาก็พูดขึ้น
“ได้” ชายชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พยักหน้า
เวลาต่อมา คนอื่นๆ ก็เริ่มแลกเปลี่ยนกันอย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้การแลกเปลี่ยนบนโต๊ะล้วนเป็นไปด้วยความราบรื่น
หานลี่ก็แลกของที่เหมือนทองแต่ไม่ใช่ทอง เหมือนหินแต่ไม่ใช่หิน มาหนึ่งชิ้น
หลังจากชายชราถามอีกสามครั้ง และแน่ใจว่าไม่มีใครต้องการแลกเปลี่ยนอะไรอีก จึงเก็บของเหล่านั้นลงมาอย่างเต็มใจ
“ต่อไปสหายคนใดจะยินดีเป็นคนต่อไป” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนถามขึ้น
“หากไม่มีใครแย่งล่ะก็ ข้าเริ่มก่อนก็แล้วกัน” หลังจากหานลี่กวาดตามองไปรอบๆ แล้ว จึงลุกขึ้นยิ้มพร้อมยิ้มน้อยๆ
…
สี่เดือนต่อมา
เหนือทะเลสาบมีเรือลำใหญ่สีเหลืองทองลอยละล่องอยู่ หทารยามสวมชุดเกราะสีขาวเกือบร้อยนาย เดินลาดตระเวนไปมาในบริเวณใกล้เคียง
ในห้องโถงเรือชั้นบนสุดที่ดูโอ่อ่าของเรือยักษ์ลำนั้น หานลี่กับผู้อาวุโสสวมชุดคลุมสีทองยาว กำลังเผชิญหน้ากันอยู่
ด้านหลังของผู้อาวุโสท่านนั้น ยังมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าขาวซีด มุมปากยังคงประดับรอยยิ้ม คนนั้นก็คือฝานเผาจือ คนที่เชิญหานลี่มายังเกาะมังกร
“ถ้าพูดเช่นนี้ สหายหานต้องการจะดูของที่ข้าจะแลกเปลี่ยนก่อนใช่หรือไม่ ถึงจะค่อยตัดสินใจว่าจะแลกกับโอสถวิญญาณแท้หรือไม่” ผู้อาวุโสสวมชุดคลุมสีทอง และมีเขาสีม่วงเหมือนกับฝานเผาจือ ใบหน้าสันกรามเด่นชัด คิ้วคมดั่งดาบ เมื่อพูดออกมา ก็มีความรู้สึกเหมือนไม่ได้โกรธ แต่ก็เหมือนไม่พอใจอยู่
“ผู้อาวุโสได้โปรดให้อภัย! หลายเดือนมานี้ ผู้น้อยแซ่หานเดินทางไปมาทั่วทั้งเกาะมังกรแล้ว อีกทั้งแลกของล้ำค่าในมือของสหายท่านอีกมาก็มาก ได้รับของมามากมาย แต่หากจะพูดถึงของที่สามารถเทียบกับโอสถวิญญาณแท้นั้น กลับยังไม่เห็นเลย ดังนั้นจึงสนใจของที่อยู่ในมือของผุ้อาวุโสจินมาก” หานลี่ตอบกลับอย่างใจเย็น
ฝ่ายตรงข้ามของเขาก็คือ ผุ้อาวุโสจิน หมายเลขหนึ่งของเผ่ามังกร
“หึๆ เป็นเรื่องธรรมดาที่สหายจะคิดเช่นนั้น ความจริงแล้วโอสถวิญญาณแท้ก็ไม่มีประโยชน์ต่อเผ่ามังกรของพวกเราเท่าไหร่ แต่ข้าเตรียมไว้เพื่อตอบแทนน้ำใจสหายในอดีต สำหรับของที่ใช้มาแลกเปลี่ยนกับโอสถวิญญาณแท้เม็ดนั้น พี่หานจะต้องพอใจอย่างแน่นอน ฝานเผาจือ เจ้าไปหยิบของมาให้ข้าสิ” เมื่อผู้อาวุโสจินได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาไม่มีร่องรอยความพึงพอใจ แต่กลับส่งรอยยิ้มเล็กน้อยแล้วสั่งการเด็กหนุ่มผู้นั้น