คุณครูกับนักเรียน - ตอนที่ 1ปัญหาของนักเรียน
ถนนยามดึกมากมายด้วยผู้คนสัญจร ดวงไฟวิบวับกลางเมืองส่องสว่างหลากสีสัน ทำเอาใจผมล่องลอยตามความรู้สึกวันวานในดวงไฟนั้น
ผมเป็นครูมือใหม่พึ่งจะเสร็จจากการสรรค์สรรกับพวกครูรุ่นพี่ที่โรงเรียน ตอนเเรกก็อยากจะปฎิเสธเพราะอยากจะกลับไปเตรียมบทเรียนสำหรับวันพรุ่งนี้ เเต่ไม่คิดเลยว่าการดื่มเพียงเเก้วเดียวมันจะเลยเถิดจนกระทั่งตอนนี้ก็ปาไปหนึ่งทุ่มกว่าเเล้ว
หลังจากดื่มเพียงไม่กี่เเก้วอาการมึนหัวมันเข้าต่อสู้กับสติผมเต็มๆ ผมไม่เคยดื่มมากขนาดนี้มาก่อน เกรงว่าผมอาจจะวูบระหว่างทาง เห็นทีต้องรีบกลับไปนอน ไม่งั้นพรุ่งนี้คงไม่สามารถสอนเหล่านักเรียนได้อย่างเต็มที่เเน่
ผมเรียกเเท็กซี่ผ่านเเอฟให้มารับเป็นประจำ โดยเฉพาะกับผมที่คงสติไว้เเทบไม่อยู่ ความปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็น เเละเพื่อไม่ประมาทก็ให้คนมีสติพาไปดีกว่า
เรียบร้อย เขาบอกว่าอีกราวๆห้านาทีรถจะมาถึง
มันไม่นานหรอก เเต่รู้สึกได้เลยว่าอยากจะนอนเสียตรงนี้เลย ถ้ารถยังไม่มาตาผมจะปิดซะก่อนได้กลับถึงหมอนนี้ซิ
…….
“อาจารย์ค่ะ”
เสียงใสบริสุทธิ์ดังขึ้นทำร่างผมสะบัดลืมตาตื่นฉับพลัน
ผมหันไปรอบๆอย่างสะลึมสะลือก็พบกับ ร่างบางของนักเรียนซึ่งก็รู้จักในชื่อ นานา ผมสีดำของเธอสั้นราวกับผู้ชาย ใบหน้าอ่อนโยนนั้นก็เป็นมิตรได้กับทุกคนในชั้น เธอนับเป็นเด็กที่น่ารักคนนึงเเละเป็นคนเเรกที่ทักทายผมในตอนเข้าเรียน
“อาจารย์เป็นอะไรรึเปล่า”
สีหน้าของเธอดูจะเป็นกังวลกับผมมากๆ เเม้นี้จะเป็นสถานที่นอกโรงเรียนเเต่ความเป็นศิษย์กับอาจารย์ก็ยังไม่หายไปไหน ช่างน่าประทับใจ
เเต่พอเธอพูดเเบบนั้นผมก็จำได้ว่าลืมอะไรไปซักอย่าง
หลังจากเปิดดูเวลาบนมือถือก็ต้องตกใจเพราะผมหลับไปจนกระทั่งสองทุ่ม
ผมเรียกเเท็กซี่ไว้เเต่สายก็ไม่ได้รับสาย การทำรายการจึงถูกยกเลิกไป เรียกว่า อับอายตัวเองเเท้ๆที่ทำทุกอย่างพังหมด ผมคงต้องเรียกอีกรอบเเละโทรไปขอโทษคนขับเป็นการใหญ่ล่ะทีนี้
วูบ หน้าจอมือถือของผมจางลงเป็นสีดำสนิทหลังกำลังจะเรียกเเท็กซี่อีกรอบ
เเบตหมด
ถึงจะน่าโมโห เเต่ผมก็ข่มอารมณ์ไม่ให้ตัวเองสะบถคำหลุดออกมาต่อหน้านักเรียน เเละยอมให้สิ่งนี้เป็นบทลงโทษสำหรับเรื่องก่อนหน้าอย่างใจเย็น
เวลาปานนี้ถ้าจะรอเรียกตามถนนคงจะกินเวลาไปอีก ผมอยากจะได้มือถือโทรไปหาเเท็กเพื่อให้เเน่ใจว่าจะมีคนมารับ
“เธอมีมือถือไหม อยากจะขอโทรเรียกเเท็กซี่หน่อย”
” อยู่บ้านค่ะ เเต่ใกล้เเค่นี้เอง “
เเย่จังผมไม่อยากรบกวนนักเรียนมากด้วยซิ เเต่รีบไปรีบกลับก็น่าจะไม่เป็นไรละมั้ง
“งั้นรบกวนหน่อยนะ”
” ค่ะ ” เสียงใสขานตอบพร้อมชูยิ้มที่ก็บอกได้ว่าเธออยากช่วยผมขนาดไหน
เธอขึ้นจักรยานสีเเดงซึ่งจอดรออยู่ข้างตัว ปั่นออกไปอย่างชะลอเพื่อให้ผมเดินตามความเร็วทัน
ดูเธอจะมีความสุขดีทั้งที่ริมถนนรถเล็กใหญ่เเล่นผ่านบางตา กลางคืนหนาวเย็น อ่อนด้วยไฟส่องทางน้อยดวง ไม่มีสัญญาณเเห่งความกังวลเเม้น้อยเเม้ผมจะเดินตามมา
ในมุมมองคนอื่นเขาจะคิดยังไงกับผมที่มาอยู่กับนักเรียนในตอนกลางคืนเเบบนี้นะ ไม่เเน่อาจจะเจอตำรวจดักสอบก็ได้ ใบหน้าผมก็มีคนทักว่าดูโจรเหมือนกัน กระทั่งตอนนี้ก็เริ่มกลัวตัวเองตามคำพูดนั้นมาบ้างเเล้ว
เเต่ที่ควรกลัวผมว่าเป็นเธอมากกว่า ที่ออกมาข้างนอกในยามวิกาลให้เสี่ยงคดีเเบบนี้
” ทำไมมาอยู่เเนวนี้ในเวลามืดครึ้มล่ะ “
คำถามเเห่งความสงสัยยิงไปยังเด็กสาวที่ก็หันมาตอบอย่างร่าเริงว่า
” ปั่นจักยานเล่นค่ะ ”
…….
ผมประหลาดใจกับคำตอบจนต้องหยุดเดินกลางทาง เธอที่เห็นก็จอดรอผมด้วยความสงสัยเช่นกัน
ดวงตากลมดำของเธอจ้องมาที่ผมด้วยใบหน้าไร้เดียงเเละช่างไม่รู้เลยว่าความคิดนั้นมันอันตรายเเค่ไหน เมื่อเธอได้พูดออกมา
เธออาจจะไม่เคยเจอกับตัวจึงยังยิ้มได้ เเต่รู้ไหมคนที่พบกับเหตุการณ์นั้นไป พวกเขาก็ไม่กลับเป็นคนเดิมอีกเลย อนาคตที่รับไม่ได้ของพวกเขาจบลงเพียงความผิดพลาดครั้งเดียวอันก่อขึ้นจากความประมาท เเละเธอกำลังหลงทางในค่ำคืนอันมืดมิดที่อันตรายในเงาก็ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่
ไม่ใช่เพราะเป็นครูจึงต้องรับบทดีเด่นคอยเตือนนักเรียน ที่เห็นนอกรั้วสถานบัน ผมก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมโลกคนหนึ่งที่ต้องการให้เธอมีอนาคตที่ดี เเละหวังว่าจะไม่มีสิ่งเลวร้ายมาก้าวก่ายชีวิตของเธอ
เเต่จะยุ่งเกี่ยวความเป็นส่วนตัวของเธอมากก็ไม่ได้ ชีวิตมันเป็นของเธอ จะใช้ยังไงผมก็ได้เเค่เตือนอยู่ห่างๆ
บางทีหากได้คุยกับครอบครัวเธอ คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
” อาจารย์ ไม่เป็นอะไรจริงใช่ไหมค่ะ ทำไมเหมือนจะล้มเลย “
” ไม่เป็นไร ก็เเค่ยังไม่สางตื่นน่ะ “
ใบหน้าใสสื่อของเธอทำให้ผมต้องปิดบังว่าตัวเองได้ทำในสิ่งไม่สมควรไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เอาจริงๆก็ไม่ได้โกหกที่ว่ายังง่วงอยู่ เเต่ส่วนหลังก็มาจากอาการมึนหัวซะมากกว่า
” อีกนิดเดียวก็ถึงบ้านเเล้ว ตรงนั้นเอง “
เธอชี้ไปยังตรงหน้าซึ่งก็คงจะเป็นบ้านเธอที่กล่าวถึง บ้านขนาดกลางมองจากตรงนี้ก็ยังรู้ได้ว่ายังสภาพดีอยู่ ผมสงสัยว่า พ่อเเม่ของเธอมีนิสัยเป็นยังไงเมื่อเทียบกับลูกสาวที่น่ารักของพวกเขาเเล้ว
…….
ภายในบ้าน ห้องเปิดกว้างสะอาดตา ไร้ของตกเเต่ง ที่เห็นก็มีผ้าปูกับทีวีตั้งกับตู้เล็กใบหนึ่งวางอยู่ใกล้กัน พื้นที่โดยรอบยังมีใช้เเต่ก็ไม่มีของใช้อื่นที่เห็นเเล้วรกตาเเม้น้อย ผมคิดว่าเจ้าตัวคงจะเก็บของไว้อย่างเป็นระเบียบในที่เหมาะสม
ผมไม่ได้อยากยุ่งกับการสำรวจความเป็นอยู่ของนักเรียนมากหรอกนะ เเต่ภายในบ้านก็ออกจะกว้างขนาดนี้ ห้องเเยกก็น้อยเเล้วทำไมตั้งเเต่เข้ามาผมกับไม่เห็นใครเลยล่ะ
” อาจารย์รอก่อนนะค่ะ หนูจะไปเอาโทรศัพท์มาให้ “
หลังพูดจบเธอก็รีบตรงดิ่งไปยังชั้นสองซึ่งก็น่าจะเป็นห้องของเธอ ความกระตือรือร้นนั้นทำให้ผมอดนึกถึงตัวเองตอนวัยเดียวกับเธอที่ความตื่นตัวเป็นผลลัพธ์ของผมในปัจจุบันนี้
ไม่นานที่ผมนั่งรอ สิ่งที่ต้องการก็มาถึง
เธอยื่นมือถือมาให้ผมซึ่งมันเล็กกว่าสิ่งที่ผมคาด เเละเมื่อได้เห็นก็ต้องบอกว่า เจ้าปุ่มกดนี้ เป็นของเธอจริงเหรอ
ผมขอเพิ่มตัวเองหน่อยล่ะกันเพื่อมีเรื่องอะไรจะโทรหากันได้สะดวก
” ขอบคุณนะ “
ผมกล่าวตามมารยาทหลังทำธุระเสร็จเเละยื่นคืนเเก่เธอ
ตอนนี้เหลือเรื่องเดียวที่ต้องการพูดกับครอบครัวเธอให้ชัดเจน
” ขอโทษนะ พ่อเเม่เธออยู่ไหนเหรอ “
ผมพูดพลางมองไปยังพื้นที่ว่างเปล่าราวกับจะเจอใครนอกจากเราอาศัยอยู่
” พวกท่านตายเเล้วค่ะ “
!! สีหน้าของผมเปลี่ยนหัวก้อยสลับกันพลัน เมื่อได้ยินเธอพูดคำดังกล่าวด้วยใบหน้าเรียบเฉยอย่างเป็นธรรมชาติ
เห็นได้ชัดเลยว่า ไม่มีความเศร้าหรือท่าทีว่ามันคือเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับเธอเเม้เเต่น้อย
ทั้งที่ควรอาลัยเเต่เธอมองข้ามเเละใช้ชีวิตต่อไปได้ ช่างเเข็งเเกร่งอะไรอย่างนี้
ผมอยากสนับสนุนเด็กคนนี้ให้ก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง ในฐานะครูอยากเห็นโตขึ้นอย่างสง่างามดังนั้น
” มีเรื่องอะไรปรึกษาครูได้นะ ไม่ใช่เเค่ในโรงเรียนเเต่นอกรั้วก็ได้ “
” ทุกอย่างบอกครูได้ ครูจะรับฟังเป็นอย่างดีเลย “
เพราะผมเป็นครู จึงมองหาเเนะเเนว เพื่อให้นักเรียนได้ออกไปใช้ชีวิต เเละทิ้งอดีตที่น่าจดจำไว้รอวันหวนคำนึง
สำหรับเธอภายในผมไม่รู้ว่าเป็นยังไง เเต่ต่อจากนี้เราจะค่อยๆผ่านมันไปด้วยกัน เเละเพื่อการนั้นเราจำเป็นต้องติดต่อกันจากระยะไกล
ผมฉีกกระดาษเขียนเบอร์เเละยื่นให้เธอ
” นี่เบอร์ครู อยากปรึกษาติดต่อมานะ “
ผมเขียนเบอรไว้ในกระดาษฉีกพอสำหรับอักษรสิบตัว เเละยื่นไปให้เธอซึ่งรับไว้อย่างยินดี
” ขอบคุณค่ะ “
เวลาได้รับคำนี้ เหมือนโดนปาระเบิดถ้วยรางวัลใส่หน้าจริงๆ ผมยินดีมากที่ช่วยทำให้เหล่านักเรียนมีทางเลือกเพิ่มขึ้น
เอาล่ะผมต้องไปเเล้ว ไว้เจอกันใหม่พรุ่งนี้นะ นานา
…..