คุณชายมาดเข้มกับคุณหนูสุดแสบ - 112:เขาจะไปต่างประเทศแล้ว
สมองพิงกี้สับสนไปหมด จะทำตามสัญญา ต่อหรือไม่ จะเข้าใกล้ต่อหรือไม่?
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเควินกับลิสาตัดขาดกัน จริงหรือเปล่า?
แต่ตอนนี้ข้างกายเขายังมีขวัญฤดีอีกคน
นึง
เหมือนยังจะเป็นตัวเลือกที่คุณหญิงหทัย รัตน์จะเอามาเป็นลูกสะใภ้ด้วย
ความสัมพันธ์นี้ยุ่งเหยิงมาก เธอไม่อยาก เป็นวีรสตรีนักสู้ที่มีเสี้ยนหนาม
ถึงแม้ร่างกายดีขึ้นไม่น้อยแล้ว แต่ร่างกาย พิงกี้ก็ยังไม่ได้มีเรี่ยวแรงขึ้นมาในทันที
เธอตัดสินใจจะไม่คิดเรื่องปวดหัวพวกนี้
ครั้งนี้ เธอเสียใจจริงๆ ไม่เพียงแต่เสียใจ
แต่ยังเสียสขภาพกายด้วย
ก่อน
คืนนั้นเธอถูกเควินทารุณขนาดนั้น เขาเอา เธออย่างโหดอยู่ท่ามกลางสายฝน
เขาไม่สนคําขอร้องของเธอ เธอทั้งกลัว และกระวนกระวาย
วันที่สองร่างกายก็ไม่ค่อยสบายแล้ว แบบ ทนมาจนถึงเมื่อวาน
ก็ถูกคุณหญิงหทัยรัตน์แกล้งเปิดกระจก รถให้น้ำฝนสาดเข้ามาอีก
ไข้หวัดใหญ่ตามเธอมาอย่างดุดัน จนแทบ จะเอาชีวิตเธอไปครึ่งชีวิต
แต่ว่า…….ถ้าไม่ใช่เควินมาทันท่วงที เธอ คงไข้ขึ้นสมองจนเป็นเอ๋อแล้ว
คิดแบบนี้แล้ว พิงกี้ก็อดยิ้มไม่ได้อีกแล้ว
ทึ่งไปครู่นึง เธอตบแก้มที่แดงร้อน แอบด่า ตัวเองไปคำนึง
“แค่ดีกับเธอหน่อยก็หวั่นไหวแล้ว ความมุ่ง มั่นไม่หนักแน่นจริงๆเลย!
ตอนเย็นที่พิงกี้กลับมา ดุสิตก็กลับมาแล้ว
“เถ้าแก่คะ คุณมาดูความคืบหน้าของงาน หรือคะ?ถ้ามีความคิดและคําแนะนำ
ฉันยินดีที่จะรับฟังคำติชมของคุณค่ะ”
เถ้าแก่มาแล้ว พิงกี้ไม่ทักทายไม่ได้ เธอรีบ ยิ้มแย้มต้อนรับ
ดุสิตมองเธอไปทีนึง “เธอใส่แมสปิดปาก ทำไม?”
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้ามีผมยาวสลวยถึงเอว เธอใช้ที่มัดผมมัดเป็นหัวลูกชิ้นที่น่ารัก
ดูเรียบร้อยสะอาดสะอ้าน ใบหน้าใส่แมส ปิดปากอันใหญ่ ปิดครึ่งค่อนหน้าของเธอไว้
ยิ่งทําให้ดวงตาแวววาวของเธอดูใหญ่ขึ้น
มาอีก
ดูแล้วเหมือนผอมไปเยอะเลย ทั้งๆที่ไม่ได้ เจอแค่ไม่กี่วัน
“ห้า?” พิงกี้คิดไม่ถึงว่าเขาจะให้ความ สนใจเรื่องนี้
เธอใส่แมสปิดปากเพราะยังมีอาการไออยู่ ไม่อยากแพร่เชื้อให้คนอื่น
“เป็นหวัดนิดหน่อยค่ะ เลยต้องระมัดระวัง ตัวเองหน่อย”พิงกี้พูดอย่างขี้เล่น
“นี่ก็เพราะคิดเผื่อเจ้านายเลยนะคะ เพื่อให้ บาร์มีความคืบหน้าอย่างไวๆๆ
เลยต้องคำนึงถึงสุขอนามัยที่ดีของช่าง
“เธอนี่ปากหวานจริงๆ “ดุสิยโบกมืออย่างขึ้ เกียจ เอาหล่ะ ฉันไปแล้ว”เขามารอบนี้เพื่ออะไร? ไม่สนใจดุสิตที่ไม่ จริงจังกับงาน พิงกี้อินกับการตกแต่งบาร์
และทุ่มเทเข้าไปกับงานเต็มที่ ทำทีเดียว จนถึงใกล้ค่ำ เธอส่งช่างคนสุดท้ายเสร็จ
เตรียมตัวจะออกไปหาอะไรกินหน่อย จะ ได้เติมพลังให้ตัวเอง
เพิ่งปิดประตู เธอก็ได้ยินข้างหลังมีเสียงที่ คุ้นเคยดังขึ้นมา
“เสร็จงานแล้วหรอ ไปทานข้าวด้วยกัน
หันหน้าไปดู พิงกี้เซอร์ไพรส์จนตาค้าง“พี่ มานพ!”
คิดไม่ถึงว่ามานพจะหามาถึงที่นี่ พิงกี้มัวแต่ เซอร์ไพรส์จนลืมเรื่องอึดอัดใจครั้งนั้นไปเลย
เห็นสายตาเธอมีความรื่นรมย์ ใบหน้าที่ หล่อใสของมานพก็มีรอยยิ้มขึ้นมา
เขาลูบหัวเธอด้วยความเอ็นดู “ช่วงนี้ ลําบากเลยมากเลยหรือ? ดูเธอผอมไปนะ”
ได้ยินดุสิตบอกว่าเธอกลับมาแล้ว แถมยัง ไม่สบายผอมลง เขาไม่คิดลังเลก็ขับรถมานี่เลย
การปกปิดเก็บกดของก่อนหน้านั้นกลาย เป็นสูญเปล่าหมด การตัดสินใจที่ยังไม่เด็ดขาด
พริบตาเดียวก็เด็ดขาด แค่เพราะ….อยาก มาเจอหน้าเธอครั้งสุดท้าย
“ลำบากอะไร นี่เรียกว่าลดน้ำหนักอย่างได้ ผลต่างหาก! “พิงกี้พูดตัวเองเสร็จ
และถามเขาด้วยความเป็นห่วง “พี่เป็นยังไง
แผลบาดเจ็บที่ร่างกายหายดีหรือยัง? ฉัน
บ้างไม่ได้ไปเยี่ยมพี่นานเลย ฉัน….
พูดถึงตรงนี้ก็พูดไม่ออกแล้ว ไม่รู้จะหาเหตุ ผลอะไร ที่จริงเธอตั้งใจหลบหน้าเขา
ความเซอร์ไพรส์จางหายไป พิงกี้ก็คิดถึง เรื่องอึดอัดใจครั้งนั้นอีก
สายตาเธอหลบหลีกและอึดอัดขึ้นมา
“ยัยเด็กคนนี้หนิ ชาตินี้ก็ลืมเรื่องที่พี่ขาย หน้าครั้งนั้นไม่ได้ใช่ไหม?
ครั้งนั้นเป็นแค่อุบัติเหตุ!” ขนตาที่งอนยาว ทำให้ใต้หนังตามีเงาอ่อนๆที่เลือนลาง
มานพยิ้มอย่างจนปัญญา “ขอให้หลังจาก นี้หลายปี
ต่อหน้าพี่เธอจะทำตัวเป็นธรรมชาติกว่านี้
หน่อย”
“หลังจากนี้หลายปี?” พิงกี้ไม่ เข้าใจ ทําไมต้องหลายปีด้วย?
ถึงเธอตั้งใจหลบหน้าเขา ไม่ก็เคยคิดว่าจะ หลบหลายปีไม่เจอหน้าเขาซะหน่อย
“พี่จะไปต่างประเทศแล้ว ทำธุรกิจอยู่ใน ประเทศก็รู้สึกไม่มีการพัฒนาอะไร
พี่กะว่าจะไปลองดูที่ต่างประเทศ ที่มีเพื่อน สมัยเรียนมหาลัยอยู่ที่นั่น
พอดีช่วงนี้เขาติดต่อมาหาพี่ อยากร่วมมือ ทำโครงการกับพี่หนึ่งโครงการ
“พิงกี้สายตามืดมน เสียดายไม่อยาก ให้เขาไป“พี่จะไปจริงหรอ?”
“ใช่ พรุ่งนี้ก็ไปแล้ว”
“พี่มานพ พี่ไม่คิดดูอีกทีหรอ?”
“พิงกี้ พี่ขอโทษที่ทำให้น้ำพักน้ำแรงเธอ สูญเปล่า ภาพวาดฝาผนังที่เธอวาดสวยมาก
ออกแบบได้ทันสมัยมาก เสียดายที่ที่จะไป
ต่างประเทศแล้ว
ไม่สามารถใช้ที่ๆเธอจัดเตรียมให้พี่ได้ เจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง
มานพสายตาอ่อนโยน ราวกับเหล้าเก่าที่มี ความนุ่มนวลอยู่ข้างใน
“พิงกี้ แต่พี่จะเก็บเธอไว้ในใจตลอด
สายตาหมนหม่องไปครู่นึง มานพเปิดปาก
พูด
“พี่อยากกลายเป็นคนแข็งแกร่งเพียงพอที่ จะปกป้องเธอ
ไม่อยากให้เธอเสียสละเพื่อใดๆทั้ง สิ้น” คำนี้จำเป็นต้องพูด
ถึงจะทำให้พิงกี้คิดหนักขึ้น หรือแม้กระทั่ง ทำให้เธอโทษตัวเอง
แต่เขายิ่งกลัวเธอไม่รู้ความคิดลึกๆในใจ เขา ทำให้การจากไปของเขาไม่มีความหมาย
พิงกี้ก้มหน้าอย่างตกที่นั่งลำบากตลอด พอได้ยินคำนี้ ทันใดนั้น
เธอเงยหน้ามองไปที่เขา อ้าปากเล็กน้อย
หรือว่า……เขารู้เรื่องที่ชาตรีบังคับเธอ
แล้ว?
และแล้ว….
“ถ้าพี่ไป เรื่องบางเรื่องเธอไม่ต้องลำบาก ใจอีก รับปากพี่ ท่าเรื่องที่เธออยากทำ
“เธอไม่รักพี่ไม่เป็นไร พี่ก็ไม่เสียใจที่เคย บอกรักเธอ พี่แค่อยากให้เธอรู้ไว้ตอนที่เธอหมดหนทางที่จะไป พี่จะเป็น ถนนเส้นนั้นที่ให้เธอเดินอย่างวางใจ”
“เธอเชื่อใจพี่ได้”
พิงกี้อึ้งไปครู่นึง การจากไปของมานพ ทำให้เธอไม่รู้จะคล้อยตามใครดี
เธอสำนึกผิดอยู่ เพราะว่าเธอมีใจหลบหน้า เขาตลอดหรือเปล่า
ไม่ได้จัดการความสัมพันธ์ของมานพให้
เสร็จ
เพื่อดูแลความรู้สึกเธอ เพราะฉะนั้นเขาจึง จะไปต่างประเทศ
เธอละอายแก่ใจมาก ตัดสินใจไม่ถูกมาส
องสามวัน
สุดท้ายก็โทรหาน้ำหวานเพื่อสารภาพความ
ผิด
สําหรับเรื่องนี้ น้ำหวานทิ้งท้ายด้วยคําพูดที่
ยาวเหยียด
“พิงกี้เพื่อนรัก ฉันขอเตือนเธออย่าเห็นตัว เองสําคัญขนาดนั้น!
พวกผู้ชายไม่เหมือนกับผู้หญิงอย่างพวก เราหรอก ผู้หญิงมีแต่เรื่องความรัก
แต่ผู้ชายใฝ่ฝันแต่เรื่องที่ทำให้มีความ สุข เฮ้อ ! ประเทศ พี่ชายฉันก็แค่อยากไปลองดูที่ต่าง
อยากมีการงานที่เจริญรุ่งเรือง นี่มันเกี่ยว อะไรกับเธอ? เธอคิดว่ามีแต่เธอสวยอยู่
คนเดียวหรอ จะบอกให้ฉันยังเป็นเจ้าหญิง น้อยของพี่ชายฉันด้วยซ้ำไป!
พิงกี้ “.……….”
“ใช่แล้ว เมื่อวานฉันไม่รู้เธอให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล ตอนที่ฉันไปหาเธอที่บาร์
เห็นข้างนอกมีคนตามหาเธออยู่สองคน พอดี มีอยู่คนนึงชื่อน้ำผึ้ง
นางบอกว่าเธอแบล็คลิสนาง ติดต่อเธอไม่ ได้ บอกว่ามีเรื่องด่วนจะหาเธอ
ให้เธอรีบติดต่อกลับด่วน