คุณทนาย จดทะเบียนสมรสกัน - ตอนที่ 27 แม่สามีที่หน้าไม่อาย
แต่ฉันต้องใช้คอม
มีโน้ตบุ๊ค เตชิตทำหน้าเหมือนรำคาญบอกเธออย่าพูดมากให้รีบเดินไป
นัชชาได้แต่เดินไปตามที่เขาบอก
เวลาค่อยๆผ่านไปจากทุ่มครึ่งเป็นสองทุ่มครึ่ง ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วโมงนัชชารู้สึกเมื่อยคอมาก แต่ก็แอบเหล่มองผู้ชายที่เปิดดูเอกสารอยู่ เธอปิดเอกสาร หาท่าทางที่เหมาะสมแล้วงีบสักพัก
หลังจากที่ตาปิด สมองก็ปิดไปด้วย ไม่ถึงสองนาทีนัชชาก็หลับเป็นตายไปเลย
ทางด้านเตชิตที่กำลังดูเอกสารอยู่ ก็ได้ยินเสียงกรนเบาๆจากเธอ
เขาเงยหน้าดูนาฬิกา ใกล้จะสามทุ่ม เขาวางเอกสารฉบับสุดท้ายในมือ เดินเข้าไปหาผู้หญิงที่ม้วนตัวนอนอยู่ที่โซฟา
ไฟที่เปิดทิ้งไว้ตรงหัวโต๊ะ แสงที่แย้งเข้าตาไม่มีผลกับเธอเพราะเธอค่อนข้างหลับลึก ขนตางอนหนา กับผิวหน้าที่ขาวสว่าง ริมฝีปากชมพูสวยกับเสียงหายใจเบาๆ
เตชิตยกมือไปจับริมฝีปากของเธอแต่เธอก็ไม่รู้สึกตื่นตัว
เธอคือคนแรกที่กล้านอนในเวลาทำงานต่อหน้าต่อตาเขา
เตชิตเลียริมฝีปากตัวเอง ช่างเถอะ ให้เธอนอนพักสักหน่อย
…
นัชชาตื่นมาอีกทีก็ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว เธอตกใจกลัว เห็นเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ตายแล้วๆ ฉันยังทำไม่เสร็จ
เตชิตดึงเธอให้ลุกขึ้น เดี๋ยวฉันไปส่ง
ฉันคงยังไม่กลับ จัดการเอกสารให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน พูดอยู่ดีเธอก็เริ่มเดินออกจากห้อง
ผู้ชายเดินไปขวางเธอไว้ กดเสียงต่ำลง นัชชา
ทุกครั้งที่เขาเรียกชื่อเต็มเธอ นัชชาจะรู้สึกกลัว บวกกับสีหน้าไม่พอใจของเขาตอนนี้ เธอยิ่งกลัวไปใหญ่
ถ้าระหว่างโดนหัวหน้าด่ากับโดนเตชิตรังแก เธอเลือกอย่างหน้าแบบไม่ลังเล ทำงานไม่เสร็จอย่างมากก็แค่โดนด่าแต่ถ้าไม่ทำตามเตชิต เธออาจจะไม่ได้ตายดี
ยิ่งไปกว่านั้นดวิษก็โทรมามากกว่า 20 สายแล้วด้วย
กลับก็กลับ
นัชชาหยิบกระเป๋าเดินออกจากเตนัทพร้อมกับเตชิต หลังจากขึ้นรถเธอก็นอนต่อ เตชิตก็ไม่ได้เรียก ตลอดทางเงียบก็จะมีไฟส่องมาจากรถตรงข้ามบ้างในบางครั้ง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถถูกจอดอยู่หน้าประตูนิเวศน์วิลล่า เตชิตปลุกผู้หญิงตัวน้อยที่นอนอยู่ข้างคนขับ นัชชาตื่นมาด้วยความงัวเงีย มองออกไปนอกหน้าตาก็เห็นว่าตัวเองถึงบ้านแล้ว เธอปลดเข็มขัดนิรภัย เปิดประตูลงรถ บอกลาผู้ชายที่อยู่ในรถผ่านกระจก ขับช้าๆหน่อย ระวังๆด้วย ฉันเข้าบ้านก่อนนะ
เตชิตมองร่างผู้หญิงตรงหน้าที่มีไฟข้างทางส่องอยู่ข้างหลังเธอ ในใจรู้สึกแปลกๆ เหมือนตัวเองกำลังเอาสัตว์เลี้ยงที่เคยเลี้ยงส่งต่อให้คนอื่นยังไงอย่างนั้น
เตชิตไม่อยากมองหน้าเธอไปมากกว่านี้กลัวว่าจะกลับใจ เข้าไปเถอะ
ไม่ถึงสองนาที ร่างเล็กก็เดินหายพ้นจากสายตา เหลือทิ้งไว้เพียงไฟที่ส่องลงบนทางเดิน
เตชิตหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดเขาลดกระจกพ้นควันออกมา เรื่องหย่าของนัชชาเขาไม่เคยคิดที่จะรีบจัดการ แต่คืนนี้เขาตัดสินใจที่จะรีบจัดการให้เรียบร้อย
เห็นผู้หญิงของตัวเองต้องกลับบ้านคนอื่น เขาก็เกิดรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
แต่นัชชากลับไม่คิดว่าเธอจะมีผลกับการใช้ชีวิตของเขา คืนนี้ที่เรียกให้เธอขึ้นไปคงเพราะเขามีแผน แต่พอเห็นเธอเหนื่อยแล้วเผลอหลับไป เขาก็ไม่อยากที่จะปลุกเธอ
เตชิตหัวเราะเยาะตัวเอง เขากลายเป็นคนที่ดูแลเอาใจใส่คนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
…
นัชชาเปิดประตูเข้าไปก็เจอผู้ชายกับผู้หญิงนั่งอยู่บนโซฟา จรรยากับดวิษ
เวลานี้จรรยายังอยู่ นัชชารู้สึกได้ว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่
ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเขาทั้งสองหันกลับมามอง ดวิษยังนั่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน แต่เป็นจรรยาที่เดินเข้ามาหาเธอ พอเอ่ยปากพูดก็ทำให้คนฟังรู้สึกไม่สบายหู ทำไม ดึกขนาดนี้เพิ่งเลิกงานล่ะ
คำนี้ สิบเปอร์เซ็นต์เป็นห่วง อีกเก้าสิบเปอร์เซ็นต์คือสงสัย
นัชชาก้มเปลี่ยนรองเท้า ตอบด้วยเสียงนิ่งๆ ทำงานล่วงเวลา
งานเยอะขนาดนี้ก็ไม่เห็นเธอจะได้เงินเยอะแยะขนาดนั้น เป็นผู้หญิงออกนอกคอกทำตัวงามหน้าตลอด ใครจะว่าไปทำงานจริงหรือไปทำอย่างอื่นกันแน่ ดวิษต่อว่าเธอ รถทิมเบนท์ลีย์คันเมื่อกี้ของใคร
นัชชาตกใจดวิษเห็นว่าเตชิตส่งเธอกลับมา ในใจเริ่มตื่นเต้น เธอก้มหน้าปิดบัง
ลูกค้า
ลูกค้าส่งเธอถึงบ้านเหรอ ดวิษลุกขึ้นยืนชี้มาที่นัชชา เธอแยกห้องนอนกับฉัน แต่กลับไปกับลูกค้าดึกดื่น นัชชาเธอคิดว่าฉันโง่เหรอ
ถึงนัชชาจะรู้สึกไม่สบายใจแต่พอดวิษพูดแบบนี้เธอก็เริ่มโกรธ ดวิษ นายยังมีหน้ามาว่าฉันเหรอ
จรรยาเห็นก็รีบไปปกป้องลูกชายตัวเอง นัชชา เธอพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ดวิษเขาก็เป็นสามีของเธอ เธอกลับบ้านเวลานี้มันก็ดึกไปจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นเป็นสามีภรรยากันมีที่ไหนแยกกันนอน
เหอะ! นัชชายิ้มเยาะเย้ย ไม่แปลกที่จรรยามาถึงบ้าน ตั้งใจมาพูดเรื่องนี้สินะ เขาอยากอุ้มหลานมากแค่ไหนเธอรู้ดี แต่แค่เมื่อก่อนดวิษไม่แตะต้องหรือทำอะไรเธอ พอมาตอนนี้เขากลับสนใจเรื่องนี้ขึ้นมา
เขาเห็นเธอเป็นตัวอะไร
นัชชาตอบแบบไร้อารมณ์ ถ้าเขายังไม่เลิกยุ่งกับปณิตา ฉันไม่มีทางให้เขาแตะต้องตัวฉัน
ระยะเวลาหนึ่งปีในการแต่งงาน เธอคิดแค่ว่าถ้าเธอยังรักทุกอย่างก็ไม่ใช่ปัญหา แต่วันนี้ความรักของเธอแตกสลายไปแล้ว เธอก็ไม่อยากบังคับฝืนใจตัวเอง
จรรยารู้ตัวก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เกิดถ้าสองคนหย่ากันขึ้นมาจริงๆ พอถึงเวลาก็ต้องมีการแบ่งสมบัติกัน อดทนหน่อยให้ลมพายุผ่านไปก่อน
เห็นนัชชาเดินขึ้นบันไดไป ดวิษก็ถีบโซฟาไปทีหนึ่ง
จรรยาพูดปลอบ ลูกใจเย็นๆ ถ้าหากนัชชาไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับบ้านเรา นั่นแปลว่าเธอมีสองใจ ลูกก็รับมือไว้สองทาง ทางปณิตาลูกจัดการเอง แม่จะไม่ยุ่ง
ดวิษฟังแล้วอารมณ์เสีย ตาก็มองขึ้นไปที่ชั้นสอง ไม่นานเขาจะต้องทำให้นัชชาคุกเข่าขอร้องเขาให้ได้