คุณทนาย จดทะเบียนสมรสกัน - ตอนที่ 41 คดีเก่าในครั้งนั้น
นัชชากำมือแน่น และสีหน้าตึงเครียด สวัสดีค่ะ คุณจรณ์
นภันต์หันมามองนัชชาด้วยสายตานิ่งๆ ดูเหมือนว่าคุณจรณ์กับผู้ช่วยเคยรู้จักกันมาก่อนนะครับ
จรณ์ตั้งใจหัวเราะออกมา แล้วผายมือ ไม่ถึงกับรู้จักกัน เคยเจอกันหลายครั้งตอนเธอเรียน เพียงแต่…
เขาจงใจไม่พูดต่อ แล้วมองนัชชาด้วยสายตาลึกซึ้ง
นัชชาไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร เธอเลยรีบพูดขัดก่อน เพียงแต่มันไม่ใช่เรื่องที่น่าจดจำ
จรณ์เปลี่ยนสีหน้า แต่ยังคงยิ้มแบบมีเลศนัย ใช่ แต่มันก็ผ่านไปแล้ว
บรรยากาศในห้องที่เริ่มแปลกเพราะบทสนทนาเมื่อครู่ นภันต์เป็นใครเขารู้สึกได้ว่ามันมีอะไรแปลกๆมากกว่านั้น ในเมื่อรู้จักกัน ก็คงไม่ต้องแนะนำอะไรกันมาก คุณจรณ์เชิญนั่งครับ
นภันต์และจรณ์นั่งลง นัชชานั่งข้างนภันต์แต่ถ้าจริงอย่างที่พูดเธอไม่ต้องพูดอะไร คอยจดบทสนทนาและข้อตกลงที่จรณ์เสนอมาดีกว่า
แต่จรณ์ที่เป็นทนายของบริษัทเจมี่จำกัดก็คงต้องไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นิพิฑร้องเรียนที่นัดนภันต์ออกมาคงจะมาทำข้อตกลงใหม่ที่ดีกับทั้งสองฝ่าย
ทนายนภันต์ คุณก็รู้ถึงแม้นิพิฑจะทำงานที่นี่มาครึ่งชีวิต แต่เขาก็เป็นแค่พนักงานสำรวจธรรมดาไม่ได้เป็นหัวหน้าแผนก แต่เขาต้องการเงินชดเชยล้านกว่าบาท ที่พูดแบบนี้คุณอาจจะคิดว่าเราใจร้าย แต่เศรษฐกิจสังคมตอนนี้ ก็ต้องคำนึงถึงผลดีที่มีต่อบริษัทก่อน เขาต้องการเงินล้านถ้าพูดกันดีๆมันก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตทางเราก็ไม่รู้จะทำยังไง จรณ์เทชาไปด้วยพูดไปด้วย สายตาและสีหน้าเหมือนไม่ใช่เรื่องหรือปัญหาอะไรที่ใหญ่โต
นัชชานึกถึงนิ้วที่ขาดของนิพิฑ รอยยิ้มที่ฝืนยิ้มก็ค่อยๆจางไป
เพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ทำลายนิพิฑแต่เขากลับพูดเหมือนไม่ใช่ปัญหาใหญ่โต
นัชชารู้สึกไม่พอใจ เธอมองนภันต์แต่เขาไม่ตอบสนองอะไร เพียงแค่นั่งฟังเงียบๆจนเขาพูดจบ เธอจึงเปิดปากพูดเบาๆ คุณจรณ์ ฉันเข้าใจสิ่งที่คุณพูด บริษัทมีวิธีและกฎของบริษัท แต่…
นภันต์วางแก้วชาลง จำนวนเงินล้านครั้งนี้ มันเหมาะหรือไม่เหมาะสมคุณรู้ดีอยู่แก่ใจ
จรณ์ยกคิ้วถามแกล้งเหมือนไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ทนายนภันต์พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง
เขายกนิ้วเคาะโต๊ะไปสองที ก็หมายความว่าเงินชดเชยนี้ไม่ว่าจะมองทางไหน ตามหลักบริษัทก็ต้องจ่ายเงินก้อนนี้อยู่แล้ว และมันก็เป็นจำนวนเงินที่เหมาะสมไม่ได้มากเกินไป
ถ้าเมื่อกี้เขาสองคนกำลังต่อยมวยกัน คำพูดนี้นภันต์ก็แสดงให้เห็นถึงการเตรียมตัวมาดีมากแค่ไหน
พอได้ยิน จรณ์ไม่ได้ทำเหมือนไม่รู้เรื่องเมื่อครู่ แล้วแกล้งยิ้มออกมา ฮ่าๆ ทนายนภันต์เป็นเหมือนที่เล่าขานกันมาก็เป็นเพราะแบบนี้เราเลยมาเจอกันในวันนี้ ผมไม่ได้หมายความว่าจะไม่ชดใช้เงินจำนวนนั้นให้ แต่เพราะเขาทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ส่งผลกระทบที่ไม่ดีมากมายให้กับบริษัท หลังจากนี้หวังว่านิพิฑจะให้ความร่วมมือกับทางเรา
แล้วคุณอยากให้เขาร่วมมืออะไรกับบริษัท นัชชาเอ่ยถามขึ้น
เสียงใสพูดขัดขึ้น ทั้งสองนิ่งเงียบด้วยความงง
นภันต์เหล่มองผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอมองหน้าจรณ์ที่อยู่ตรงหน้าด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจ
จรณ์ยกมือมาดันแว่น ชีวิตความเป็นอยู่ของนิพิฑทางเราก็พอรู้ เขายังมีลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่มัธยมต้น ฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยดี เป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยวเป็นความหวังครอบครัว ตอนนี้ทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่เพียงแค่ต้องการเงิน เงินก้อนแค่นี้บริษัทให้ได้ แต่เราขอเรื่องเดียวให้เขาออกมาพูดให้การตามที่บริษัทต้องการ
พูดตามที่พวกคุณต้องการ… นัชชาพูดทวน กดปิดเครื่องบันทึกเสียง คุณจรณ์ เรารับรองได้แค่เขาจะพูดตามความจริงที่เกิดขึ้น แต่ให้พูดตามที่พวกคุณต้องการ ทางเราที่เป็นทนายเราไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายได้
นั่นมันแน่นอน จรณ์เปลี่ยนเรื่อง แต่ที่เราออกมาเจรจากันวันนี้ คำพูดที่อ้อมค้อมแบบนั้นเราก็ไม่จำเป็นต้องพูด
คุณหมายความว่า… นัชชายังไม่มันที่จะพูดจบนภันต์ก็พูดขัดขึ้น
ถ้าหากว่าเป็นข้อตกลงที่คุณต้องการ เราต้องขอกลับไปคุยกับคุณนิพิฑก่อนถึงจะให้คำตอบกับคุณได้
จรณ์พยักหน้ายิ้มรับ ไม่ใช่ปัญหา ทางเราจะรอคำตอบจากคุณ
นัชชาขมวดคิ้วแล้วยกแก้วชาขึ้นมาแอบบีบมือแน่น เธอดื่มครั้งเดียวหมดแก้ว อุณหภูมิอุ่นๆของน้ำชาทำให้ข้างในตัวเธอรู้สึกอุ่นๆร้อนๆไปด้วย แต่ในใจเธอกลับไม่รู้สึกแบบนั้น
นภันต์กับจรณ์คุยกันเกี่ยวกับปัญหาหลายๆอย่าง ก่อนจากกัน จรณ์มองมาทางนัชชา ได้ข่าวว่าคุณนัชชาแต่งงานแล้ว ไม่มีโอกาสไปร่วมแสดงความยินดี ถ้ามีโอกาสหวังว่าจะได้กินข้าวด้วยกัน
นภันต์ตกใจอึ้งมองไปทางนัชชา เธอตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เป็นแค่เรื่องส่วนตัวเล็กๆ ไม่รบกวนคุณดีกว่า
จรณ์หัวเราะเสียงดัง ไม่ได้สนใจที่เธอหักหน้า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ นึกไม่ถึงว่าคุณนัชชาจะกลายมาเป็นทนาย เราอาจจะพบกันบ่อยขึ้น มีอะไรช่วยสอนผมด้วยละ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ
นัชชาแสยะยิ้มตอบ คุณจรณ์เป็นรุ่นพี่ ฉันไม่กล้าหรอกค่ะ
จรณ์ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่ยิ้มให้ แล้วถือกระเป๋าเดินออกจากห้องไปเลย
นัชชามองจนแผ่นหลังเขาหายจากสายตาไป เธอยืนงงๆอยู่กับที่
นภันต์เงยหน้า แล้วเดินไปยืนอยู่หน้าเธอ แล้วถามขึ้น เธอกับจรณ์เคยรู้จักกันเหรอ
นัชชาส่ายหน้า แต่ก็รู้สึกว่ามันไม่ถูก ก็ไม่เชิงว่ารู้จักกัน เขาเป็นคนรับผิดชอบคดีของพ่อฉัน นอกจากเรื่องคดีเราก็ไม่เคยนัดเจอหรือพูดคุยกัน
พ่อของเธอ
ใช่ค่ะ พอนึกถึงเรื่องเมื่อก่อนนัชชาก็รู้สึกโมโห นึกถึงคำพูดเมื่อครู่นัชชาก็อดที่จะถามไม่ได้ เมื่อกี้ ทำไมคุณไม่ปฏิเสธเขาไป
สีหน้านภันต์ดูจริงจังขึ้นมา เราเป็นเพียงทนายมีหน้าที่สู้คดี มันเป็นสิทธิของลูกความว่าเขาจะเลือกทางไหน
สิ่งที่จรณ์เสนอมาถ้าเกิดนิพิฑยอมรับได้ มันก็เป็นเรื่องที่ดีกับทั้งสองฝ่ายถึงเรื่องมันจะไม่ถูกต้อง
ถ้านิพิฑยอมรับก็หมายความว่าบริษัทเจมี่จำกัดใช้เงินล้านนี้เพื่อบิดเบือนความจริง
แล้วมันต่างกับการใช้เงินปิดปากยังไง
แต่นี่เป็นสิทธิของนิพิฑ ทนายอย่างพวกเขาไม่สามารถก้าวก่ายได้
เธอเข้าใจแต่ก็อดรู้สึกไม่พอใจไม่ได้ ฉันขอไปห้องน้ำแปปนึง
พูดจบเธอก็เดินออกไป แต่ยังไม่ทันพ้นประตู นภันต์ก็รั้งข้อมือเธอไว้ เธอแต่งงานแล้วเหรอ