คุณสามีพันล้าน - บทที่ 009 การกลับมาของเปรมา
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 009 การกลับมาของเปรมา
ป้ามะนาวจึงรับรู้มาตั้งนานแล้วว่ามีเด็กสาวอยู่คนหนึ่ง ที่สลักอยู่ในหัวใจทั้งดวงของคุณชายใหญ่อย่างเงียบเชียบ อีกทั้งการมีตัวตนอยู่ตลอดเวลาสิบปี!
“ป้าครับ ผมไปก่อนนะ”
ยศพัฒน์ขี่จักรยานออกไป
เทวิกาเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้เดินเข้าไปอยู่ในโลกของเธอ จึงต้องปล่อยวางฐานอันดรของตนเองเป็นเรื่องปกติ เพื่อผสมโรงเข้าไปอยู่ในชีวิตของเธอโดยการใช้สถานะคนธรรมดา แล้วค่อยจับเธอเป็นเชลยทีละเล็กทีละน้อย
ป้ามะนาวยืนมองคุณชายใหญ่ของตนเองที่อยู่ไกลๆ อย่างเงียบเชียบ
จนเธอตั้งสติได้ พลันตบหน้าขาฉาดใหญ่ อยากจะวิ่งไปถามให้ชัดเจน แต่ก็ไม่เห็นเงาของคุณชายใหญ่มานานแล้ว
“คุณชายใหญ่ไม่ถูกต้องนะ! ไม่ถูกต้อง!”
ป้ามะนาวเดินวนไปมาอย่างร้อนรน
ข่าวคราวที่ทิ้งท้ายไว้ให้ แถมยังพูดไม่ชัดเจนอีก มากระตุกหัวใจของเธอ จนคันคะเยอ แต่กลับไร้วิธีแก้ไขปัญหา!
“ต้องบอกกับคุณหญิงแล้ว คุณหญิงเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องการแต่งงานของคุณชายใหญ่ที่สุด”
ป้ามะนาวบ่นรำพึงรำพันกับตนเอง และเตรียมจะแจ้งข้าวให้กับทางคฤหาสน์ทางนั้น โดยต่อสายเรียบร้อย ทว่าเธอกลับตัดสายทิ้ง
“เรื่องส่วนตัวของคุณชายใหญ่ เขาไม่พูด ฉันก็พูดไม่ได้ เรื่องงานสำคัญที่สุด!”
ป้ามะนาวกลัวว่าการที่ตนเองคาบข่าวไปบอก จะโดนคุณชายใหญ่ไล่ออก
เธอจะไปหางานที่สบายแถมเงินเดือนสูงขนาดนี้ได้ที่ไหนอีก?
……
เครื่องบินลำหนึ่งเดินทางจาก ประเทศ Mค่อยๆ ลดระดับลงและจอดยังสนามบินนานาชาติเมืองแอคเซสซ์
เมื่อประตูห้องโดยสารเปิด ผู้โดยสารบนเครื่องบินก็ทยอยลงจากเครื่องบิน และแยกย้ายกันไปตามวิถีของตนเอง
เปรมาใส่กระโปรงยาวสีพื้น ปล่อยผมยาวหยักศก ใส่แว่นกันแดดสีดำ หลังจากลงเครื่อง จึงสำรวจบริเวณรอบๆ มุมปากประดับรอยยิ้มเล็กน้อย
เมืองแอคเซสซ์ เธอกลับมาแล้วนะ!
พัฒน์ ฉันกลับมาแล้ว!
เปรมาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋า พร้อมทั้งเดินมุ่งหน้า และกดโทรศัพท์หานฤเบศวร์ไปด้วย
นฤเบศวร์กับยศพัฒน์ยังมีเปรมาอีกคน รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เคยเล่นด้วยกันอย่างมีความสุข
เพียงแต่ อายุเพิ่มขึ้นตามวันเวลา นฤเบศวร์กับยศพัฒน์ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นศัตรูไม้เบื่อไม้เมา
เปรมาไม่ได้เข้าข้างเรื่องที่ทั้งสองคนกลายเป็นศัตรูกัน ในทางกลับกันเธออยากจะอาศัยความสามารถของตนเองเพื่อปลดล็อกความแค้นเคืองของผู้ชายทั้งสองคน
“นฤเบศวร์”
เปรมาพูดพร้อมขณะยิ้มอยู่ “ฉันกลับมาแล้ว เพิ่งลงจากเครื่อง นายมารับฉันได้มั้ย?”
นฤเบศวร์ที่กำลังยุ่งหัวหมุน เมื่อได้ยินเปรมากลับมาแล้ว ใบหน้าอันหล่อเหลาก็แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้ม “เธอกลับมาแล้วเหรอ? ทำไมไม่บอกฉันก่อน ฉันจะได้ไปรอเธอที่สนามบินก่อน ไม่มีปัญหา ฉันจะไปรับเธอเดี๋ยวนี้เลย”
“ฉันก็แค่อยากจะเซอร์ไพรส์พวกนายไง”
นฤเบศวร์ละเลยกับคำว่า “พวกนาย” โดยอัตโนมัติ
“ฉันขอหาอะไรกินที่สนามบินก่อน นายค่อยๆ ขับรถมานะ”
อาหารบนเครื่องไม่อร่อยเลย เปรมาไม่ยอมกิน ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว
“ได้ เธอกินอะไรรองท้องไปก่อน อย่าเพิ่งกินจนจุกนะ อีกสักพัก ฉันจะพาเธอไปกินข้าวที่โรงแรมฉัน”
นฤเบศวร์ลุกขึ้นพร้อมทั้งเดินอ้อมออกจากโต๊ะทำงาน
เอกสารที่กองเป็นภูเขาเหล่ากา ยังไม่สำคัญเท่ากับเปรมา
เปรมาลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงลองสอบถามนฤเบศวร์ดู “นฤเบศวร์ ถ้านายอยากจะฉลองต้อนรับฉันจริงๆ ไปที่โรงแรมเมเปิลได้มั้ย? ฉันจะชวนพัฒน์อีกคน”
สีหน้านฤเบศวร์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย แต่ไม่ได้ฝีเท้า
“ยศพัฒน์ไม่มาหรอก ถึงแม้ฉันจะไปจัดงานฉลองต้อนรับเธอที่โรงแรมเมเปิล เธอก็ไม่เจอเขาโดยบังเอิญหรอกน่า”
ยศพัฒน์แทบไม่เคยรักเปรมาเลยสักนิด ซึ่งที่ผ่านเปรมารักเขาข้างเดียวมาตลอด คนในวงในต่างคิดเองเออเองกันทั้งนั้น
ใช่ว่าชายหญิงที่เติบโตมาด้วยกันทุกคนจะกลายเป็นคนรัก หรือสามีภรรยาเสมอไปนี่
คนในวงใน เข้าใจในตัวยศพัฒน์ ยังไม่สู้คู่แข่งอย่างเขาคนนี้เลย
“งั้น ก็ได้ ไปที่โรงแรมนายแล้วกัน”
เปรมาได้ยินคำพูดของนฤเบศวร์ที่ดูไม่สบายใจ จึงไม่ได้ยืนกรานต่อ
เธอไม่ได้กลับประเทศมานานมาก ความขุ่นเคืองของผู้ชายสองคนคงเพิ่มหนักขึ้นแล้วมั้ง
หรือว่าเธอต้องอยู่ข้างกายพวกเขาให้นานๆ หน่อย ถึงสามารถปลดล็อกความแค้นเคืองของพวกเขา
“เปรมา เธอกลับมาครั้งนี้จะอยู่นานขนาดไหน?”
นฤเบศวร์อารมณ์ดีขึ้น พร้อมทั้งถามเธอด้วยรอยยิ้ม
“ฉันย้ายงานกลับมาทำในประเทศแล้ว นอกจากไปดูงาน ก็อยู่ที่เมืองแอคเซสซ์ไม่ได้ไปไหนนะ”
เมื่อสิบปีก่อนเปรมาเดินทางไปต่างประเทศ ความจริงเธอยังถือสัญชาติเป็นคนจีน มีทะเบียนบ้านอยู่ที่เมืองแอคเซสซ์
บรรพบุรุษของตระกูลอริยชัยกุลมีคำสั่งตกทอดต่อกันมา: ตราบใดที่คนรุ่นหลังลูกหลานตระกูลอริยชัยกุลย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ก็ไม่มีสิทธิ์แบ่งมรดกของตระกูลอริยชัยกุล
เธอเตรียมจะเป็นนายหญิงของตระกูลอริยชัยกุลรุ่นต่อไป แล้วจะย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศได้ยังไงกัน?
“จริงเหรอ?”
นฤเบศวร์ดีใจมาก “ยินดีต้อนรับเธอกลับบ้าน จริงๆ แล้ว บ้านเรานี่แหละสบายที่สุดแล้ว”
เปรมายิ้มให้
ความจริงแล้วที่เธออยู่ต่างประเทศเป็นสิบปี ก็มีความรักมาหลายครั้ง แต่ผู้ชายเหล่านั้นยังไม่ยอดเยี่ยมเท่ากับยศพัฒน์ แถมยังสู้นฤเบศวร์ไม่ได้ด้วยซ้ำ
การไม่นำมาเปรียบเทียบก็ไม่รู้สึกเจ็บปวด หลังจากเอามาเปรียบเทียบ จึงเรียนรู้ถึงทะนุถนอมเอาไว้
ปัจจัยนี้เองจึงทำให้เปรมาย้ายงานต่างประเทศกลับมา เพื่อตามจีบยศพัฒน์อีกครั้ง ตราบใดที่สามารถแต่งเข้าตระกูลอริยชัยกุล โดยไม่สนว่าจะใช้วิธีการไหนก็ตาม
……
ท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง
ท้องฟ้าเป็นสีแดงราวเปลวเพลิง
ยศพัฒน์ขี่จักรยานมายังร้าน One Day In Coffee
ช่วงขณะนั้น ในร้านไม่มีลูกค้า
เทวิกานั่งอยู่ที่โต๊ะแคชเชียร์ ซึ่งกำลังเคาะแป้นพิมพ์หน้าคอมพิวเตอร์ ราวกับกำลังเขียนอะไรบางอย่าง เมื่อเห็นยศพัฒน์สะพายกระเป๋าเป้เข้ามา เธอจึงเอ่ยถามทันที “พี่พัฒน์ พี่ขนของมาหมดแล้วเหรอคะ?”
“อื้อ”
เทวิกาจึงปิดไฟล์เอกสาร
ที่เธอกำลังเขียนคือ
เนื่องจากร้านกาแฟยังอยู่ในสภาวะขาดทุน เพื่อหาเงินเพิ่ม เธอที่เป็นหนอนหนังสืออยู่แล้วจึงเริ่มลองเขียน คิดไม่ถึงว่าสามารถเซ็นสัญญาได้อย่างราบรื่น เนื่องจากเป็นมือใหม่ ไม่มีประสบการณ์ใดๆ ราคาอัตราจ้างขั้นต่ำไม่สูงมากนัก หนึ่งพันคำ 150 บาทเท่านั้นเอง บก.บอกว่าเธอเขียนเปิดเรื่องได้น่าทึ่งมาก ถึงยอมทำลายกฎโดยจ่ายเงิน 150 บาทต่อหนึ่งพันคำให้เธอทั้งที่เธอเป็นมือใหม่
ไม่งั้นก็จะได้รับเงิน 50 บาทเมื่อเขียนได้หนึ่งพันคำ
เทวิกาให้ความสำคัญกับงานพาร์ทไทม์ชิ้นนี้มาก
ทุกวันเธอจะตื่นตีสามเพื่อมาเขียน ยามว่างในช่วงกลางวันก็เขียน แต่ต้องเขียนจนดึกดื่นค่อนคืน เพราะว่าทุกวันเธอต้องอัปเดตจำนวนคำให้ได้หนึ่งหมื่นหกพันคำ
นับรวมกันตลอดเวลาหนึ่งเดือน เมื่อหักภาษีแล้ว ค่าต้นฉบับของเธอสามารถจ่ายค่าเช่าร้านได้ แถมยังเหลือเงินเอาไว้ใช้สอยในชีวิตประจำวันอีกห้าพันถึงหนึ่งหมื่นบาท
เธอใช้ชีวิตกระเบียดกระเสียรมาก แฟนที่คบหากันมาสี่ปีจึงไปจับคนรวยกว่า แถมยังรังเกียจที่เธอไม่สามารถช่วยเหลือเขาในเรื่องงาน และไม่สามารถช่วยเหลือค้ำจุนเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของเขาได้
“กนกอร คืนนี้แกเฝ้าร้านนะ ฉันขอพาพี่พัฒน์ไปห้องเช่าฉันก่อน”
กนกอรยิ้มให้ยศพัฒน์ และตกปากรับคำ “ไปเถอะ ตอนนี้ไม่มีลูกค้า ฉันคนเดียวรับมือไหว”
เทวิกาเก็บโน๊ตบุ๊คที่ตนเองแย่งซื้อมาจากเว็บไซต์ Lazada จัดการยัดลงในกระเป๋าคอมพิวเตอร์ และหิ้วกระเป๋าคอมพิวเตอร์เดินอ้อมออกจากโต๊ะแคชเชียร์
“พี่พัฒน์ เราไปกันเถอะ”
ยศพัฒน์พูดกับกนกอรด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณกนกอร ไงก็ต้องรบกวนคุณด้วยนะ”
กนกอรยิ้ม “ฉันเป็นหุ้นส่วนกับเทวิกา ร้านนี้ เป็นของฉันครึ่งหนึ่งเหมือนกัน ช่วยดูร้านให้ตัวเอง ไม่ยุ่งยากอะไรเลย”
ทว่าในใจกำลังกรีดร้อง: สุดหล่อ อย่ายิ้มให้ฉัน โอ๊ยยยย! หล่อเหลือเกิน!
หน้าตาดีกว่าเน็ตไอดอลนักแสดงจากละครเสียอีก
เทวิกานี่ก็ช่างกล้าหาญชาญชัยจริงๆ ผู้ชายหล่อขนาดนี้ ยังจะกล้าไปว่าจ้างมาเป็นผัวอีก
ไม่เสียแรงที่เป็นนักเขียนเลย วงจรสมองช่างแตกต่างกับคนที่เขียนบทความไม่เก่งอย่างเธอโดยสิ้นเชิง
สองผัวเมียเดินออกจากร้าน
เทวิกาชะเง้อมองรอบๆ ก็ไม่เห็นรถเบนซ์มือสองคันนั้นของยศพัฒน์
“ไปกันเถอะ”
ยศพัฒน์นั่งคร่อมจักรยาน พร้อมทั้งใช้มือตบเบาะหลัง และพูดกับเทวิกา “จากจุดนี้อยู่ใกล้กับบริษัทพี่มาก พี่เลยเอารถยนต์คันนั้นไปจอดไว้ที่บริษัท และเปลี่ยนมาขี่จักรยานแทน ต่อไปก็ไม่ต้องกังวลเรื่องรถติดอีกแล้ว”
เทวิกาไม่สงสัยเขาสักนิด พลันนั่งลงเบาะหลังของจักรยาน และจัดการตบกระเป๋าเป้ของเขาทันที “พี่มีแค่กระเป๋าใบเดียวติดตัวมาเหรอคะ?”
“เธอเลี้ยงดูพี่ แล้วพี่ยังต้องมีอะไรมาเหรอ?”
เทวิกา “…”