คุณสามีพันล้าน - บทที่ 010 นายพัฒน์จอมวางแผน
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 010 นายพัฒน์จอมวางแผน
“ห้องเช่าของคุณอยู่ไกลจากตรงนี้เยอะมั้ย?”
“ประมาณห้าร้อยเมตรได้ค่ะ”
“ไปทางซ้ายหรือทางขวา?”
“พี่ปั่นไปทางด้านหน้าก็โอเคแล้วค่ะ ถึงแล้วฉันจะทักพี่เอง”
ยศพัฒน์ปั่นจักรยาน เพื่อพาเทวิกาซ้อนท้ายปั่นออกทันที
เมื่อมาถึงด้านหน้าตึกคอนโดที่เทวิกาเช่าอยู่ เธอจึงทักยศพัฒน์ และพูดออกไป “พี่พัฒน์ ที่นี่แหละค่ะ พี่เอาจักรยานไปจอดไว้ใต้ตึกก็ได้แล้ว มีที่ล็อกจักรยานใช่มั้ย ต้องล็อกจักรยานด้วยนะ อย่าให้คนมาขโมยไปได้”
ยศพัฒน์ได้ยินว่าเอาจักรยานไปจอดตรงประตูใหญ่ของคอนโด จากนั้นจึงประเมินตึกคอนโดตึกนี้ พร้อมทั้งเดินตามเทวิกาเข้ามาด้านใน
ตึกหลังนี้เป็นตึกใหญ่สร้างสมัยยุค 90 มีทั้งหมด 9 ชั้น ไม่มีลิฟต์
เทวิกาเช่าอยู่ที่ชั้น 6
สองสามีภรรยาพูดคุยพร้อมทั้งเดินขึ้นบันได แต่กลับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
เมื่อมาถึงชั้น6 เทวิกาพาสามีที่ว่าจ้างมาเดินมุ่งหน้ามายังห้องที่อยู่ในสุด และพูดว่า “ฉันเช่าห้องที่เล็กที่สุดของชั้นนี้ค่ะ แถมยังอยู่ด้านในสุด อีกสักพักเราไปกินข้าวกัน ฉันจะไปปั๊มกุญแจให้พี่ดอกหนึ่ง”
“ตกลงครับ”
หมายเลขห้อง 608 เป็นห้องพักห้องเล็กที่สุดที่เทวิกาเช่าพักอาศัย
เทวิกาปลดล็อก จากนั้นผลักประตู พร้อมทั้งยืนอยู่ด้านหนึ่งเพื่อรอให้ยศพัศน์เข้าด้านใน เธอจึงปิดบานประตู
ห้องพักหนึ่งห้องนอนหนึ่งห้องรับแขกตามที่ยศพัฒน์มองเห็น ยังใหญ่ไม่เท่าห้องหนังสือของเขาเลย
ในห้องรับแขกมีโต๊ะเล็กๆตัวหนึ่งและเก้าอี้พลาสติกตัวเตี้ยขนาดเล็กวางไว้หลายตัว ตรงมุมห้องยังวางกล่องกระดาษไว้หลายกล่อง ในกล่องกระดาษไม่รู้ว่าวางอะไรไว้ มองผ่านๆดูยุ่งเหยิง
ที่พักของแม่เด็กสาวคนนี้ช่างเรียบง่ายจริงๆ!
โชคดีที่ถูห้องสะอาดมาก
“พี่พัฒน์ สองสามวันนี้พี่ยึดห้องรับแขกไปก่อน ทนรออีกสองสามวันฉันมีเงินแล้ว จะซื้อเตียงให้พี่นะ”
วันที่10 เธอต้องส่งต้นฉบับ
วันที่ 15 จ่ายค่าเช่าร้าน
เงินค่าต้นฉบับที่นอนแอ้งแม้งอยู่ในธนาคารได้ไม่กี่วัน ก็ต้องจ่ายห้องจนหมดเกลี้ยง
เธอรู้สึกว่าเขียนนิยายเหนื่อยสายตัวแทบขนาด ก็เพื่อทำงานให้เจ้าของตึก
โชคดีที่ ธุรกิจกำลังไปได้สวย
รอจนเธอจัดการใช้หนี้ที่ไปกู้มาจนหมด ก็จะสบายขึ้นแล้วแหละ
นัยน์ตาพัฒน์ทอประกายทันที พลันส่งเสียงตอบรับ
เทวิกาพูดอย่างอาการประหม่า “พี่พัฒน์ ร้านกาแฟของฉันยังไม่มีกำไร ฉันติดหนี้อยู่หลายแสน เงินที่เข้าบัญชี หลังจากหักบัญชีค่าใช้จ่ายแล้ว ยังจ่ายเงินเดือนพนักงานหนึ่งคนและอาจารย์ทำขนมอีก ก็หมดเกลี้ยง ถึงแม้สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของฉันในตอนนี้อัตคัดขัดสน แต่พี่วางใจเถอะ ในส่วนเงินที่เป็นของพี่ ฉันไม่มีวันผลัดผ่อนอย่างแน่นอน”
เธอตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอต้องเขียนเพิ่มอีกสองหมื่นคำทุกวัน
บรรณาธิการพูดว่าข้อมูลในการตรวจสอบหลังบ้านของเธอดีมาก เธอเขียนเพิ่มมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งขายได้ดีขึ้นเท่านั้น แถมพูดว่าอีกไม่นานก็สามารถทะลุเป้าค่าแรงขั้นต่ำแล้ว
เธอสามารถเห็นรายได้ของทุกวันจากทางเบื้องหลังแล้ว
หลังจากรอวันที่ทะลุค่าแรงขั้นต่ำจนเปลี่ยนเป็นกินเปอร์เซ็นต์แล้ว ก็ไม่ต้องมานั่งเขียนบ้าคลั่งขนาดนี้ แต่รายได้ก็เยอะกว่าตอนนี้มากนัก วิกฤตทางด้านการเงินของเธอก็จะผ่อนปรนลง
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณหมุนไม่ทันจริงๆ ติดหนี้ไว้ก่อนก็ได้ พี่มีงาน เงินเดือนก็ไม่ได้ต๊อกต๋อยเลย ไม่รีบใช้เงิน”
ยศพัฒน์แทบไม่สนใจเรื่องเงินค่าว่าจ้างสองหมื่นห้าพันนั้นเลย
สิ่งที่เขามีก็คือเงิน
ความจริง เรื่องเตียงนอน เขาสามารถจ่ายเงินได้เอง
แต่ เขาอยากจะนอนกับเทวิกานี่นา…
ยศพัฒน์เอากระเป๋าวางบนเก้าอี้เตี้ยๆ จากนั้นก็พูดกับเทวิกาทันที “เราไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”
พร้อมทั้งพูดเพิ่มเติมติดท้าย “พี่เลี้ยงเอง”
เทวิกายิ้ม “งั้นฉันขอหน้าด้านให้พี่พัฒน์ได้เลี้ยงข้าวฉันเลยค่ะ”
ทั้งสองคนเดินออกมาพร้อมกัน
“เทวิกา พรุ่งนี้พี่ต้องกลับบ้านเธอไปเจอหน้าผู้ใหญ่ เธอต้องทำตัวสนิทสนมกับพี่หน่อยนะ”
ยศพัฒน์พูดโทนเสียงสุขุมมาก ราวกับเขากำลังทำตามหน้าที่ถูกคนคนหนึ่งว่าจ้างมาจริงๆ
เทวิกาเอียงคอมองเขา
เขาพูด “ถึงแม้เราจะแต่งงานกันแบบหลอกๆ ก็ให้พ่อแม่ของเธอรู้เรื่องที่เราแต่งงานหลอกไม่ได้นี่ สามีภรรยาคู่ใหม่ปลามันตามปกติ ก็ต้องตัวติดกัน ถ้าเธอทำตัวเหินห่างกับพี่เหมือนแบบนี้อยู่อย่างนี้ เธอรู้สึกว่าพ่อแม่เธอจะเชื่อมั้ยล่ะ?”
เทวิกา “…”
ฝ่ามือใหญ่แข็งแกร่งข้างหนึ่งจับมือเธออย่างทันทีทันใด
เดิมเทวิกาอยากจะสะบัดออก
“เธอดูนะ พี่จับมือเธอ เธอก็อยากสะบัดออก ขืนเป็นแบบนี้แม่เธอเชื่อเธอก็แปลกแล้วแหละ ถ้ารู้ว่าเธอไปว่าจ้างพี่มาเป็นสามีเธอ แม่เธอต้องโกรธจนต้องด่าทอยกใหญ่แน่ จากนั้นก็ต้องจัดการเรื่องนัดบอดให้เธอไปอีกเรื่อยๆ”
เทงิกาอ้าปาก อยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็พูดไม่ออก
เพราะว่า สิ่งที่ยศพัฒน์พูดมันก็มีหลักการอยู่มาก
ถึงแม้จะจะเป็นการตบตาก็ตาม ก็ต้องตบตาให้เนียนหน่อย
สายตาของแม่ยิ่งร้ายกาจมากอยู่ด้วย
“ตอนนี้เราลองมาฝึกกันเอาไว้ก่อนมั้ย เพื่อให้เธอได้ปรับตัวความใกล้ชิดกับพี่ การแสดงละครแบบนี้แหละถึงจะได้แสดงได้เนียนสมจริง ถึงแม้แม่เธอมีดวงตามองคนขาด ก็มองไม่ออกหรอกน่า”
ยศพัฒน์อย่างมีหลักการ ทำให้เทวิกาที่คิดเองว่าตนเองเป็นคนฝีปากกล้า ถึงกลับเป็นใบ้ทันที
การถูกเขาใช้ฝ่ามือใหญ่จับมือเอาไว้ แถมไม่กล้าดึงมือกลับมา
ถึงแม้ทั้งสองคนรู้จักกันมาสิบเอ็ดปีแล้ว เทวิกาก็ไม่เข้าใจเขาเลย
เขาจับมือเธอเอาไว้ จับไว้แน่น กระแสความอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาถ่ายทอดออกมา จนทำให้เทวิการู้สึกว่าใบหน้าตนเองร้อนผ่าวทันที
จึงหลุดปากบ่นออกมาประโยค “ตอนนี้สภาพอากาศยิ่งร้อนขึ้นทุกวันเลยค่ะ”
ยศพัฒน์เอียงศีรษะ นัยน์ตาคอยจับจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ใบหน้างดงามของเธอแดงระเรื่อ ดวงตาอันงดงามวูบวาบ ราวกับดวงดาวยามค่ำคืน สิ่งที่ดึงดูดความสนใจเขาได้มากที่สุดนั่นคือริมฝีปากแดงสองผืนนั่น
ต้องอ่อนนุ่มมากแน่ๆมั้ง
“ร้อนมากๆทีเดียว”
ยศพัฒน์ตอบรับกลับมาอย่างอ่อนโยน พร้อมทั้งเก็บสายตาที่คอยมองเธอ เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงทำให้เธอไม่เป็นตัวของตัวเอง
เธอหน้าแดงก่ำถึงขั้นนั้น ยังเป็นความรู้สึกรักอันบริสุทธิ์จริงๆ
ถึงแม้เทวิกากับตาณผูกสมัครรักใคร่กันมาสี่ปี นั่นเป็นความรักในรั้วมหาวิทยาลัย เธอหัวแข็งดื้อกับเรื่องความรักตามประสาชายหนุ่มหญิงสาวมาก ตาณไม่เคยได้แต๊ะอั๋งเธอได้เลยสักนิด
“เทวิกา”
จังหวะที่มาถึงชั้นหนึ่ง ก็ได้เจอกับคนรู้จัก
คุณป้าวัยกลางคนท่านหนึ่งยิ้มพร้อมทั้งกล่าวทักทายเทวิกา สายตาคอยจับจ้องอยู่ที่ตัวของยศพัฒน์ เมื่อเห็นว่าคนสองคนจับมือกัน คุณป้าท่านนั้นก็เอ่ยถามด้วยความสนใจ “เทวิกา นี่แฟนคนใหม่เหรอ?”
“ค่ะ”
เทวิกาตอบรับอย่างเปิดเผย
“ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่หล่อมาก มิน่าละหนูเลยไม่สนใจคนอื่น”
เทวิกาตั้งใจยิ้มพร้อมพูดสวนทันที “ป้าญภา หนูเป็นคนที่ตัดสินอะไรด้วยรูปร่างหน้าตาเหรอคะ? หนูดูจากการประพฤติตัว การประพฤติตัวยังไงนี่แหละถือว่าสำคัญที่สุดค่ะป้า”
“รูปลักษณ์ภายนอกก็สำคัญมากอยู่นะ อย่างน้อยพอมองเรื่อยๆก็รู้สึกเป็นอาหารตา” ป้าญภาให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตามาก
คนที่พักอาศัยอยู่ที่นี่ หน้าตาดีที่สุดก็คือเทวิกา ป้าญภามีของอร่อยอะไร ก็จะแบ่งให้เทวิกาเสมอ ใครใช้ให้แม่สาวน้อยคนนี้หน้าตาสวยเหมือนดอกไม้แรกแย้มเล่า
“นี่พวกเธอกำลังจะไปไหนกันจ๊ะ?”
“แฟนหนูจะเลี้ยงข้าวค่ะ”
“งั้นพวกหนูไปกินข้าวกันเถอะ กินให้เยอะๆนะ”
ป้าญภาเดินยิ้มตาหยีจากไป
ยศพัฒน์ยิ้มตลอดเวลา โดยไม่ส่งเสียงออกมา
หลังจากป้าญภาเดินจากไปแล้ว เขาจึงเอ่ยถามด้วยท่าทางไม่แยแสนัก “เทวิกา มีผู้ชายหนุ่มๆมาจีบเธอเยอะใช่มั้ย?”
“ก็ไม่มีนะคะ ถ้ามีคนมาจีบฉัน ฉันก็คงไม่ถึงขั้นโดนแม่ฉันรบเร้าให้แต่งงานจนไม่กล้ากลับบ้านหรอกค่ะ”
เมื่อพูดว่าไม่มีคนมาตามจีบตนเอง เทวิกาก็รู้สึกห่อเหี่ยวใจมาก
ตั้งแต่เธออายุสิบสี่ ถึงแม้ว่าเธอจะสวยตามวัยขึ้น ซึ่งมีผู้ชายมากมายเมื่อเห็นเธอแล้วแววตาต้องระยิบระยับทันที น่าอัศจรรย์มาก แต่กลับไม่มีคนจีบเธอเลย
สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนที่เธอตกหลุมรักกับตาณ เธอนี่แหละที่เป็นคนก้าวเท้าออกไปอย่างกล้าหาญ จนประสบความสำเร็จเป็นแฟนกัน
เพียงแต่ คนอื่นเขารักกันก็ต้องตัวติดกันอยู่ด้วยกันทุกัน เธอกับตาณแสดงความรักกัน โดยการส่งข้อความหากันผ่านโทรศัพท์นะสิ