คุณสามีพันล้าน - บทที่ 057 สาดน้ำเย็นใส่นฤเบศวร์กะละมังหนึ่ง
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 057 สาดน้ำเย็นใส่นฤเบศวร์กะละมังหนึ่ง
อาการเมาค้างมันทรมานมาก
วินาทีนี้ เขาปวดหัวจนเหมือนจะระเบิดแล้ว
เขาไม่สนใจว่าสถานที่จะเป็นยังไงแล้ว ขอแค่ให้ได้นอนลงก่อนค่อยว่ากัน
“นี่ ทำไมคุณนอนลงไปอีกแล้วเนี่ย รีบลุกขึ้นมารีบไปเลยนะ นี่มันหน้าบ้านฉัน คุณรู้หรือเปล่ามานอนอยู่ที่นี่มันขวางทางหน้าบ้านฉันอยู่”
กนกอรนึกไม่ถึงว่านฤเบศวร์จะนอนลงไปอีกครั้งหนึ่ง พอนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งแล้ว ก็เตะไปอีกทีหนึ่ง
พอถูกกนกอรเตะมาอีกทีหนึ่งนฤเบศวร์ก็หงุดหงิดขึ้นมาเลย และไม่ให้โอกาสกนกอรได้เก็บขากลับไป ก็คว้าขาข้างที่กนกอรเตะเขามาเอาไว้ แล้วดึง พอกนกอรยืนไม่มั่นคง ก็ล้มลงนั่งลงไปบนพื้น
ความรู้สึกเจ็บตรงก้น เจ็บจนกนกอรร้องโอ๊ยขึ้นมา
ไอ้ประธานชั่วคนนี้!
ขาอีกข้างหนึ่งของเธอเตะไปที่ตัวนฤเบศวร์อีกครั้ง เตะไปด้วยและด่าไปด้วยว่า “ฉันจะเตะไอ้ประธานชั่วอย่างคุณ!”
“แม่มึงซิไอ้ชาติชั่ว!”
นฤเบศวร์รู้สึกปวดหัวมาก อารมณ์จึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ กนกอรเตะเขาไปแบบไม่สนใจอะไร แล้วยิ่งด่าเขาว่าไอ้ชาติชั่ว เขาก็ยิ่งไม่เกรงใจ
สองสามทีก็ขัดขากนกอรจนล้มลงมาบนพื้น
กนกอรรู้สึกแต่เพียงว่าพื้นดินกับท้องฟ้าสลับที่กัน ในดวงตามีแสงดาวกะพริบขึ้น ที่หลังกะโหลกรู้สึกเจ็บมาก
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอถึงจะลากวิญญาณกลับมาได้
และไม่กล้าเตะประธานชั่วอีก แต่กลับกลิ้งตัวไปด้านข้างห่างออกไปตั้งสองเมตร แล้วถึงลุกขึ้นมา ตบฝุ่นบนตัวไปด้วย แล้วก็จ้องเขม็งไปที่ประธานชั่วคนนั้นไปด้วย
“ผมปวดหัวอยู่ ทางที่ดีคุณอย่ามาแหย่ผมดีกว่า ให้ผมนอนสักครู่ เดี๋ยวผมก็ไปเอง”
นฤเบศวร์พูดขึ้นมาอย่างเย็นชา
แล้วล้วงโทรศัพท์กับกระเป๋าตังค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง เอาควักเงินสดทั้งหมดในกระเป๋าออกมา แล้วโปรยเงินสดไปทางกนกอร และพูดเสียงเย็นขึ้นว่า “เงินพวกนี้ไว้เช่าที่เล็ก ๆ ตรงหน้าบ้านคุณนี้”
จากนั้น เขาก็โทรศัพท์หาบอดี้การ์ดของตัวเอง
สั่งให้บอดี้การ์ดเอาเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนมาให้เขา แล้วรีบมารับเขาไป
แต่เขาไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ก็เลยถามกนกอรขึ้นว่า “ที่นี่คือที่ไหน?”
“เมืองแอคเซสซ์”
“ผมรู้ว่าคือเมืองแอคเซสซ์ ที่ผมถามคุณคือที่อยู่อย่างละเอียด”
“ทำไมต้องบอกคุณด้วย คุณเป็นหมูหรือไง ไม่รู้จักแชร์โลเคชั่นเหรอ?”
นฤเบศวร์ถูกกนกอรทำให้โมโหจนยิ่งปวดหัวมากขึ้น
เขาเป็นคนฉลาดซะขนาดนี้ ก็แค่เมาเพราะเสียใจครั้งหนึ่ง และอืม เมาค่อนข้างหนักมาก พอตื่นขึ้นมา ยังรู้สึกเวียนหัวอยู่ แล้วรู้สึกปวดหัวด้วย ความฉลาดของเขาจึงยังไม่ได้กลับมาทำงาน ก็เท่านั้น
กนกอรเก็บเงินพวกนั้นขึ้นมา แล้วถามนฤเบศวร์ขึ้นว่า “นี่ตกลงคุณจะลุกหรือไม่ลุก? เดี๋ยวแม่ฉันจะออกจากบ้านไปซื้อผัก มาเห็นคุณนอนอยู่ที่นี่ จะนึกว่าเป็นคนตาย ถ้าทำให้แม่ฉันตกใจไป คุณจะรับผิดชอบไหม? แม่ฉันมีโรคหัวใจอยู่เล็กน้อย”
จะตกใจไม่ได้
นฤเบศวร์แชร์โลเคชั่นให้บอดี้การ์ดแล้ว ก็เหล่ตามองไปที่เงินที่กนกอรเก็บขึ้นมาทีหนึ่ง สายตาแบบนั้น แววตาแบบนั้น ดูชัดเจนมากแล้ว
ว่าเขาจ่ายค่าเช่าที่แล้วนะ
ยัยเด็กนี่รับเงินเขาไปแล้ว ยังจะไล่เขาไปอีก ช่างใจดำจริง ๆ!
เขาเป็นนักธุรกิจ ว่ากันว่าไม่เจ้าเล่ห์ก็เป็นนักธุรกิจไม่ได้ อืม นฤเบศวร์ยอมรับว่าตัวเองมีศักยภาพในการทำธุรกิจ เมื่อเทียบกับยัยเด็กสาวคนนี้แล้ว ยังไงหล่อนก็ยังใจดำกว่า
อย่างน้อย เมื่อเขารับเงินคนอื่นไปแล้ว ก็ไม่มีทางกลับคำทันทีหรอก
จากท่าทีของเขา กนกอรรู้ว่าเขาไม่คิดที่จะลุกขึ้นมาแน่
และเธอก็ไม่เร่งรัดเขา หมุนตัวแล้วเดินกลับไปเลย
นฤเบศวร์ “……”
ยอมแพ้ไปแล้วเหรอ?
ปวดหัวจังเลย!
ก็เลยหลับตาลงอีกครั้ง นฤเบศวร์ใช้มือนวดขมับที่ปวดตุ๊บไป แล้วก็นึกเสียใจที่ดื่มเหล้าไปมากขนาดนั้นด้วย
ความเสียใจที่เปรมานำมาให้เขานั้นลึกซึ้งมากเกินไปแล้ว
เขาทนไม่ไหวจริง ๆ ถึงได้ดื่มเหล้าไปมากขนาดนั้น
พอสร่างเมาแล้วตื่นขึ้นมา ความรู้สึกที่มีต่อเปรมาก็ยังคงมีอยู่เต็มหัวใจเขา
เขาไม่เข้าใจ!
เขามีอะไรด้อยกว่ายศพัฒน์?
สิบปีก่อน เปรมาปีนขึ้นเตียงยศพัฒน์ไม่สำเร็จ สิบปีต่อมา ยังไม่ยอมตายใจอีก และจะกลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ส่วนเขาที่รอมาสิบปี เสียสละไปเงียบ ๆ สิบปี แต่สุดท้าย ยังกลายเป็นเครื่องมือที่เธอเอาไปใช้ไล่ตามยศพัฒน์กลับมาอีก
นฤเบศวร์ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ยิ่งโกรธก็ยิ่งปวดหัว
ประตู เปิดออกมาอีกครั้ง
กนกอรยกน้ำออกมากะละมังหนึ่ง
พอนฤเบศวร์เห็นเข้า ก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที
เขาอยากลุกขึ้นมาทันที แต่น่าเสียดายที่เขาเพิ่งตื่น และมีอาการเมาค้าง การเคลื่อนไหวจึงช้าไปค่อนข้างมาก ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมาด้วยซ้ำ ก็ถูกน้ำทั้งกะละมังของกนกอรราดตั้งแต่หัวจรดเท้าลงมาแล้ว
แม่งเอ๊ย!
หนาวจริง ๆ!
ทำให้ตัวเขาทั้งตัวรู้สึกราวกับตกลงไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
หนาวเย็นจนไปถึงกระดูก!
นฤเบศวร์ที่ตอนแรกยังได้สติเต็มที่ พอโดนน้ำกะละมังนี้ของกนกอรราดลงมาตั้งแต่หัวจรดเท้า ก็ได้สติขึ้นมาเต็มที่แล้ว
ทั้งตัวเขากระโดดขึ้นมาทันที
แล้วปาดหยดน้ำบนหน้าทิ้งไปด้วย และร้องตะโกนขึ้นมาด้วยว่า “ยัยสมควรตายนี่ นี่มันน้ำอะไรของเธอเนี่ย แม่งหนาวฉิบหาย!”
อย่างกับน้ำเย็นเลย
กนกอรหัวเราะฮ่าขึ้นมา
“ลุกขึ้นมาได้แล้วใช่ไหม”
นฤเบศวร์จ้องมองเธออย่างโมโห
“นี่คือน้ำเย็น ฉันเอาถุงน้ำแข็งไว้มาใส่ในกะละมัง พอน้ำกลายเป็นน้ำเย็นแล้วฉันก็ยกออกมาราดคุณไง ฮา ฮา ฮา ซะใจไหมล่ะ!”
นฤเบศวร์ “……บอกชื่อเธอมา เดี๋ยวปู่จะจำชื่อเธอไว้!”
“ปู่เหรอเหรอ? อายุก็ยังน้อย ๆ มีหน้ามาแทนตัวเองว่าปู่ รอให้คุณแก่จนผมหงอก ใบหน้าเหี่ยวย่นไปหมดแล้วค่อยมาแทนตัวเองว่าปู่เถอะ ทำไมฉันจะต้องบอกคุณด้วย ว่าฉันชื่ออะไร? คุณไม่รู้เหรอว่าผู้ชายคนหนึ่งมาถามชื่อผู้หญิงคนหนึ่งนั้น มันจะทำให้คนคิดไปเรื่อยได้ง่ายน่ะ?”
“ประธานชั่วอย่างคุณ ฉันไม่อยากให้คนมาเข้าใจผิดคิดว่าฉันกับคุณมีอะไรกันหรอก”
นฤเบศวร์ถูกคำพูดของกนกอรทำให้โมโหจนแทบจะกระอักเลือด
เคยเห็นคนไร้ยางอายมาแล้ว แต่ไม่เคยเห็นใครไร้ยางอายอย่างกับยัยเด็กนี่มาก่อนเลย
“เธอไม่บอก ฉันก็สืบหาเจอได้ แม้แต่โคตรเหง้าของเธอ ฉันก็สามารถสืบหาเจอได้ รอไปเถอะ ฉันจะต้องทำให้เธอเสียใจต่อการกระทำทุกอย่างของเธอในตอนนี้แน่”
นฤเบศวร์เดินเข้าไปข้างหน้า แล้วเตะประตูบ้านตระกูลภูสิทธ์อุดมอย่างแรงทีหนึ่ง
สีหน้ากนกอรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เธอลืมไปเลย ตอนนี้เธออยู่หน้าบ้านตัวเอง
นฤเบศวร์เป็นคนยังไง ถ้าเขาจะแก้แค้นขึ้นมาจริง ๆ คนในครอบครัวเธอไม่มีทางหนีรอดไปได้สักคนแน่
กนกอรรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว
เสียใจที่ตัวเองบุ่มบ่ามเกินไป
“โอ๊ย”
นฤเบศวร์เจ็บจนเสียงหลงออกมา จากนั้นก็กอดเท้าข้างหนึ่งไว้แล้วกระโดดตัวลอย
กนกอร “……”
เข้าผีขี้เมานฤเบศวร์นี่ปัญญาอ่อนจริง ๆ
ประตูใหญ่ของบ้านเธอเป็นสเตนเลส เขามาเตะอย่างแรงแบบนี้ทีหนึ่ง เท้าไม่เจ็บซิถึงจะแปลก
ไอ้สมควรตายเอ๊ย เขาเจ็บจะตายอยู่แล้ว!
พอท่าทางที่กลั้นขำจนลำบากของกนกอร นฤเบศวร์ก็รีบวางเท้าลงทันที
แล้วพูดหน้าทำคร่ำเครียดขึ้นว่า “ถ้าเธอบอกชื่อเธอมา ฉันจะไม่แตะต้องคนในครอบครัวเธอ เธอก่อเรื่องเองก็รับผิดชอบเองคนเดียว”
“ใครจะไปรู้ประธานชั่วอย่างคุณพูดแล้วจะรักษาคำพูดหรือเปล่า?”
สีหน้าของนฤเบศวร์มืดมนแล้วมืดมนอีก เขาอดไม่ได้ที่จะตะคอกเสียงต่ำขึ้นว่า “ห้ามว่าผมเป็นคนชั่วอีก!”
“หรือว่าประธานนฤเบศวร์เป็นประธานที่ดีด้วยเหรอคะ?”
“คุณรู้เหรอว่าผมเป็นใคร?”
กนกอรกะพริบตาขึ้นมา “คุณนึกว่าอยู่ดี ๆ ฉันจะสาดน้ำเย็นกะละมังหนึ่งให้คนอื่นไปเรื่อยเหรอ? นี่เป็นสิทธิพิเศษของประธานนฤเบศวร์ต่างหาก”
นฤเบศวร์ “……”
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็พูดอย่างโหดเหี้ยมขึ้นมา “ในเมื่อรู้แล้วว่าผมเป็นใคร ก็น่าจะรู้ว่าผมนฤเบศวร์พูดคำไหนก็คำนั้น”
“แต่ฉันได้ยินมาว่าประธานนฤเบศวร์เป็นคนเจ้าเล่ห์ที่ชั่วร้ายคนหนึ่ง ที่ตั้งใจต่อต้านประธานยศพัฒน์โดยเฉพาะ”
นฤเบศวร์สีหน้ามืดมนทั้งหน้า “เธอเป็นผู้ภักดีของยศพัฒน์เหรอ?”
“ไม่ใช่ค่ะ คนอย่างประธานยศพัฒน์ ฉันควบคุมไม่ไหว ไม่กล้ารักหรอกค่ะ”
กนกอรไม่มีความกล้าอย่างเทวิกาหรอก ไม่รู้จักกันดี ก็กล้าไปเช่ามาเป็นสามีแล้ว แถมยังไปจดทะเบียนสมรสที่เขตกับนฤเบศวร์แบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยด้วย
พอจดทะเบียนสมรสแล้ว ก็กลายเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว
“รีบบอกชื่อมา ปู่ไม่มีเวลาว่าต่อล้อต่อเถียงกับเธอแล้ว”
กนกอรเงียบขรึมไปครู่หนึ่งแล้ว ก็ถามเขาขึ้นว่า “ถ้าฉันบอกไปแล้ว คุณจะไม่แตะต้องคนในครอบครัวฉันแม้แต่ผมสักเส้นจริง ๆ นะ? ถ้าเกิดคุณกลับคำสัญญาล่ะ?”