คุณสามีพันล้าน - บทที่ 067 ตระกูลเดชอุปมีแขก
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 067 ตระกูลเดชอุปมีแขก
“ฉันไม่สนว่าพวกเขาแต่งงานจริงๆหรือแต่งงานปลอมๆ ถึงยังไงก็จดทะเบียนแล้ว ฉันจะไม่ให้พวกเขาหย่ากันเด็ดขาด มีฉันมาจับตาดูอยู่ที่นี่ ฉันไม่เชื่อว่าพวกเขาจะกล้าแอบไปหย่าหรอก ถ้าเทวิกากล้าทำอย่างนั้นจริงๆ ฉันจะหาคู่ดูตัวให้เธอวันละสิบคนเลยคอยดู”
พิชญ์สินีทำท่าจะจับยศพัฒน์มาเป็นลูกเขยจริงๆให้ได้
ยศพัฒน์: แม่ครับ ผมเองก็อยากเป็นลูกเขยของแม่ไปตลอดชีวิตเหมือนกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง ผมไม่หย่าแน่นอน!
กนกอร “….คุณป้า คุณป้าไม่คิดว่าเพราะเทวิกากลัวคุณป้าเร่งให้แต่งงาน ถึงได้แต่งงานสายฟ้าแลบกับคุณพัฒน์หรอกเหรอคะ?”
“พวกเขารู้จักกันมาสิบเอ็ดปี ก็ถือว่านานมาก จะบอกว่าแต่งสายฟ้าแลบไม่ได้สิ ถ้าน้ำไม่มาคลองมันก็ไม่เกิดหรอกนะ”
กนกอรเอ่ยแขวะในใจ คนแปลกหน้าที่รู้จักกันมาสิบปีล่ะสิไม่ว่า
เทวิกาถูกคนพัฒน์ต้มจนเปื่อย ไม่ต่างอะไรกลับขึ้นเรื่อเถื่อนแล้วลงมาไม่ได้
“กนกอร แกกับเทวิกาอายุเท่ากันใช่ไหม?”
จู่ๆพิชญ์สินีก็หันมาถามกนกอรเรื่องนี้
“คุณป้าทานผลไม้ไปก่อนนะคะ ฉันต้องไปทำงานแล้ว”
กนกอรรีบหาข้ออ้างเผ่นหนี
พ่อแม่ของเธอเองก็กำลังเร่งรัดเธออยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่บ่อยเท่าพิชญ์สินีเร่งเทวกา
“แกไปทำงานเถอะ ป้ารู้จักพ่อหนุ่มนิสัยอยู่คนหนึ่ง คราวหน้าเดี๋ยวป้าแนะนำให้”
พิชญ์สินีเอ่ยพูดอย่างกระตอรือร้น
ได้ยินแบบนั้นกนกอรก็ยิ่งรีบเผ่นหนี
พิชญ์สินีหันมาจิ้มกินผลไม้ต่อ
เธอไม่รู้จักใครสักคน จึงเริ่มเบื่อ หันมาหยิบโทรศัพท์ ส่งข้อความหาผู้เป็นสามี
สิรภพดุเธอว่า “ลูกแต่งงานแล้ว ถ้าแน่ใจว่าเธอไม่ได้แสดงละครตบตาเรา ก็รีบกลับมาได้แล้ว อย่าไปรบกวนเด็กๆที่นั่น หรือถ้าว่างมาก ก็มาเร่งลูกชายคุณให้คิดเรื่องแต่งงานได้แล้ว ปีหน้าจะสามสิบแต่ยังไม่มีแฟนสักคน”
นั่นสิ ลูกสาวแต่งงานแล้ว ยังเหลือลูกชายสินะ
ลูกชายแก่กว่าลูกสาวตั้งห้าปีด้วย
แต่ว่าลูกชายไม่ค่อยเชื่อฟัง และก็ไม่กลัวเวลาเธอเร่งให้แต่งงานด้วย ทุกครั้งเวลาเธอบ่น ลูกชายจะทำเหมือนตั้งใจฟัง และเอ่ยรับประกันว่าจะรีบหาแฟน แต่พอเธอหันหลังให้เท่านั้นล่ะ ทุกคำที่เธอพูดก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาของลูกชายซะงั้น
พอนานๆเข้า พิชญ์สินีก็ขี้เกียจจะเร่งเร้าแล้ว
ยังดีที่ลูกสาวค่อนข้างเชื่อฟัง ยอมหาแฟนแต่งงานหลังจากถูกเธอเร่งเร้า
ประตูกระจกถูกผลักเข้ามาโดยผู้ชายสามคน ผู้ชายที่เดินนำหน้าอายุประมาณห้าสิบต้นๆ ส่วนสองคนที่เดินอยู่ข้างหลังยังดูเยาว์วัย ทั้งสามต่างสวมใส่ชุดสูทและรองเท้าหนัง
พิชญ์สินีลุกไปต้อนรับพวกเขา เอ่ยถามยิ้มๆว่า “คุณลูกค้าอยากทานอะไรคะ? ต้องการกาแฟแบบไหน?”
ผู้ชายที่เดินนำหน้ามองพิชญ์สินีขึ้นๆลงๆ แล้วเอ่ยถามว่า “คุณเป็นพนักงานหรือว่าเจ้าของร้าน?”
“ฉันเป็นแม่เจ้าของร้าน”
“แม่ของกนกอรหรือแม่ของเทวิกา?”
“พวกคุณคิดจะทำอะไร?”พิชญสินีถามอย่างระแวง พวกเขาไม่ใช่ลูกค้าสินะ
ไม่อย่างนั้นคงไม่ถามคำถามอย่างนี้หรอก
“ คุณชายของผมป่วย มีคำสั่งให้ผมมาหากนกอร”
พิชญ์สินีขมวดคิ้ว “คุณชายของพวกคุณป่วยแล้วมาหากนกอรทำไม? กนกอรไม่ใช่หมอสักหน่อย ป่วยก็ควรพาไปโรงพยาบาลไม่ใช่หรือไง?”
ถูกเรียกว่าคุณชายขนาดนั้น ก็แปลว่าฐานะทางบ้านต้องรวยไม่ใช่เหรอ?
หรือว่า กนกอรรู้วิชาแพทย์
“หยุดพล่าม แล้วไปเรียกกนกอรมาได้แล้ว”
“กนกอรไม่ใช่หมอ ไม่รู้วิธีรักษา พวกคุณรีบพาคุณชายอะไรนั่นไปโรงพยาบาลเถอะ”
ลางสังหรณ์ของพิชญ์สินีมันบอกว่าสามคนนี้ไม่ได้มาดีแน่ๆ
จึงไม่อยากบอกเขาว่ากนกอรอยู่ไหน
“คุณป้า มีอะไรเหรอคะ?”
กนกอรเดินถือขนมอบเสร็จใหม่ๆออกมา ซึ่งเป็นของที่ลูกค้าคนหนึ่งสั่งไว้
เธอวางจานขนมลงบนโต๊ะของลูกค้า เอ่ยพูดกับอีกฝ่ายอย่างอมยิ้มว่า “เชิญทานได้เลยค่ะ มีข้อติเตือนตรงไหน บอกได้เลยนะคะ เรายินดีน้อมรับเอาไว้”
ลูกค้ายิ้มมา เป็นเชิงบอกว่ารับทราบ
จากนั้นเธอก็เดินกลับมาอยู่ข้างๆพิชญ์สินี เอ่ยถามสามคนนั้นว่า “พวกคุณมาหาฉันมีอะไรหรือเปล่า?”
พิชญ์สินีจะห้ามก็ไม่ทัน
“คุณกนกอร ผมชื่อปริญ เป็นพ่อบ้านของตระกูลเดชอุป ตอนนี้คุณชายกำลังป่วยและเป็นหวัดอาการหนัก”
ลุงปริญจ้องมองมาที่กนกอร
สุขภาพร่างกายของคุณชายแข็งแรงมาโดยตลอด ไม่บ่อยนักที่จะป่วย
หรือต่อให้ป่วย คุณชายก็จะแจ้งให้หมอประจำตระกูลเข้ามาดู ไม่ค่อยไปหาหมอที่โรงพยาบาลเท่าไหร่นัก
วันนี้ หลังจากคุณชายกลับมาจากข้างนอก ก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว กระนั้นก็ไม่ให้พวกเขาแจ้งหมอประจำตระกูลให้เข้ามาดู แต่ให้เขาพาบอดี้การ์ดสองคนมาหากนกอรที่ร้านOne Day In Coffeeแทน
ลุงปริญเองก็สงสัยเหมือนกันว่ากนกอรเป็นใคร?
ขนาดคุณเปรมาคุณชายยังไม่เรียกหา แต่กลับเรียกหาคนที่ชื่อกนกอร!
เมื่อได้ยินลุงปริญพูดถึงตระกูลเดชอุป กนกอรก็นิ่งไป คุณชายบ้านั่นป่วยเหรอ?
แค่โดนน้ำเย็นสาดก็เป็นหวัดเสียแล้ว ร่างกายแย่ขนาดนี้ ต้องเป็นผลมาจากดื่มเหล้าเคล้านารีบ่อยแน่ๆ ร่างกายถึงได้กลวงไปหมด
ไม่สมกับที่เกิดมาสูงส่งเลย
ที่แท้ก็แข็งแค่เปลือกนอกแต่ข้างในอ่อนแอ ช่างไม่ได้เรื่อง
ใครใช้ให้นฤเบศวร์ขู่กรรโชกล่ะ เจอน้ำเย็นสาดเข้าให้จนเปียกดูเป็นไง!
“ที่คุณป้าพูดมาเมื่อกี้ก็ถูก คุณชายของคุณป่วยมาหาฉันแล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อฉันไม่ใช่หมอ และไม่รู้จักวิธีรักษาด้วย คุณควรรีบพาเขาไปโรงพยาบาลดีกว่านะ”
ท่าทีของลุงปริญยังคงดูนอบน้อม ถึงเขาจะไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างกนกอรกับคุณชาย เขาก็ต้องระมัดระวัง เผื่อกนกอรคือนายหญิงของพวกเขาในอนาคต เขาจะได้จำชื่อคนตรงหน้าเอาไว้ ในภายภาคหน้าจะได้เอาใจได้ถูก
“คุณกนกอร คุณชายให้พวกผมมารับคุณไป คุณชายบอกว่า ถ้าพวกผมพูดแบบนี้ คุณจะตามพวกผมไปอย่างแน่นอน”
กนกอรแทบจะสบถออกมา
เธอไม่อยากไปกับพวกเขาสักหน่อย
นฤเบศวร์ให้คนมารับเธอไปแบบนี้ ไม่นาจะมีเจตนาดีแน่ๆ
คุณชายบ้านั่นต้องอยากเอาคืนเธอแหงๆ
กะอิแค่สาดน้ำเย็นใส่แค่นี้ แถมนั่นก็เป็นความผิดของเขาด้วยซ้ำ ใครใช้ให้เขามานอนนิ่งอยู่หน้าเธออย่างกับศพล่ะ ไม่ว่าใครก็ต้องตกใจทั้งนั้น
ที่เธอสาดน้ำใส่ยังถือว่าเบาไปด้วยซ้ำ เอาจริงเธอต้องเรียกร้องค่าชดเชยจากเขา ในข้อหาที่การนอนเป็นศพของเขาทำให้เธอหวาดกลัว
“กนกอร แกรู้จักพวกเขาเหรอ?”
พิชญ์สินีถามด้วยความเป็นห่วง
กนกอรอึกอัก
“คุณชายที่พวกเขาพูดถึงคือใคร? ถ้าแกไม่รู้จักก็ห้ามตามพวกเขาไปเด็ดขาด ใครจะไปรู้ว่าพวกเขามาดีหรือมาร้าย”
พิชญ์สินีเอ่ยเตือนกนกอรด้วยเสียงต่ำ
คนสมัยนี้ยิ่งเจ้าเล่ห์อยู่
พิชญ์สินีกังวลว่ากนกอรจะถูกหลอก
“คุณกนกอร ไปกับพวกเราเถอะ อย่าให้คุณชายต้องรอนาน คุณชายบอกว่า คุณเป็นคนพูดเองว่าใครทำคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าคุณไม่รักษาคำพูด เขาก็คงเสียใจแย่”
ใบหน้าของกนกอรเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำเครียด
คุณชายบ้านั่นขู่เธอเหรอ
“คุณป้า ช่วยดูร้านให้หน่อยได้ไหมคะ ฉันจะไปกับพวกเขา คุณป้าไม่ต้องกังวล ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ฉันรู้จักคุณชายของพวกเขา ในเมืองแอคเซสซ์นี้ไม่มีใครกล้าลองดีกับเขาหรอก”
กนกอรไม่สงสัยในตัวตนของลุงปริญ
สถานะของยฤเบศวร์ในเมืองแอคเซสซ์ก็พอๆกันกับยศพัฒน์
กนกอรหันหลังเดินไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วเดินไปหาลุงปริญ และพูดว่า “ไปกันเถอะ ฉันไปดูอาการคุณชายของพวกคุณด้วยก็ได้”
จะป่วยหนักเท่าไหร่กันเชียว ถึงตายไหม?
ถ้าเธอไป พอดีเลยเธอจะได้โทรเรียกบริการจัดงานศพ ให้มาขนย้ายร่างเขาทัน
นฤเบศวร์: … ยัยงูพิษ!