คุณสามีพันล้าน - บทที่ 068 การเอาคืนของนฤเบศวร์
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 068 การเอาคืนของนฤเบศวร์
ในเวลานี้นฤเบศวร์ไม่ได้อยู่ที่บ้านใหญ่ตระกูลเดชอุป แต่อยู่ในคฤหาสน์ส่วนตัวภายใต้ชื่อของเขา
หลังจากลุงปริญพากนกอรกลับมาที่บ้านพัก ทั้งสามคนก็ไม่ได้เข้าไปด้วย กนกอรจึงต้องเดินเข้าไปเอง
“ทำไมให้ฉันเข้าไปเอง?”
กนกอรถามอย่างข้องใจ “นั่นคุณชายของพวกคุณเลยนะ พวกคุณไม่เป็นห่วงเขาเลยหรือไง? ถ้าเกิดเขามีไข้สูง หมดสติและเสียชีวิตไป พวกคุณจะอธิบายให้ครอบครัวของเขาฟังว่ายังไง”
ลุงปริญพูดกับกนกอรอย่างหมดคำจะพูด “คุณกนกอร อย่าเอาแต่พูดว่าคุณชายจะเสียชีวิตเลยครับ สุขภาพคุณชายยังแข็งแรงดีอยู่”
“สุขภาพแข็งแรง แล้วทำไมป่วย?”
ลุงปริญพูดไม่ออก
ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาก็พูดว่า “คุณชายสั่งเอาไว้ว่า หลังจากพาคุณมาถึงแล้ว ให้คุณเข้าไปเอง ถ้าเขาไม่ได้เรียก พวกผมก็เข้าไปไม่ได้”
กนกอรระพริบตา หรือว่านี่คือการวางแผนฆ่าปิดปาก โดยไม่ให้มีพยานพบเห็น?
เมื่อลุงปริญเร่งรัด เธอจึงเดินเข้าไปในบ้านอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ภายในบ้านหรูหรา และมีพื้นที่กว้างขวาง
กนกอรคิดว่าแค่ห้องโถงเดียวก็มีพื้นที่มากกว่าบ้านของเธอด้วยซ้ำ
นฤเศวร์นั่งพิงโซฟา ตาทั้งสองข้างปิดอยู่ บนตัวมีผ้าห่มคลุมเอาไว้
นี่คือจังหวะของอาการหนาวสั่น?
กนกอรเดินเข้าไปใกล้ ทิ้งระยะห่างจากเขาสองเมตร และเอ่ยพูดเสียงดังเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “คุณเบศวร์ คุณเรียกฉันมามีเรื่องสลักสำคัญอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันไม่ใช่หมอ รักษาใครไม่เป็น ถ้าไม่อยากตาย ก็รีบให้คนของคุณพาไปโรงพยาบาลตอนนี้ยังทันนะ ถ้าดึก แล้วอาการป่วยรุนแรงกว่าเดิม ต่อให้มีเงินก็เสี่ยงตายได้เหมือนกัน”
โรคบางโรค ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
ดังนั้นสุขภาพจึงเป็นความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
นฤเบศวร์ไม่ตอบเธอ ยังคงนิ่ง
กนกอรเอ่ยเรียกกี่ครั้ง ก็ไม่มีการตอบสนอง
“อย่าบอกนะว่าตายแล้วจริงๆ?”
กนกอรรู้เริ่มลนลาน เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง และเอื้อมมือไปอังที่จมูกของนฤเบศวร์
วินาทีถัดมา เธอก็ก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว จนสะดุดล้มลงกับพื้น
เมื่อเธอล้มลง เธอก็ยังใช้มือทั้งสองข้างดันตัวถอยหลัง
ใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ ไร้สีเลือด
“ใคร…ใครก็ได้….ช่วย…”
กนกอรตกใจจนพูดออกมาไม่เป็นคำ
เสียงตะโกนนั้นเบามาก จนมีเพียงเธอเท่านั้นที่ได้ยิน
นฤเบศวร์ตายแล้วจริงๆ!
เมื่อกี้เธอสัมผัสปลายจมูกของเขา และพบว่าเขาไม่หายใจแล้ว
มิน่าล่ะทำไมเขาถึงสั่งให้คนของเขาปล่อยเธอเข้ามาข้างในบ้านตามลำพัง ที่แท้ก็เพราะอยากโยนความผิดเรื่องที่เขาตายมาให้เธอรับผิดชอบนี่เอง!
พระเจ้าช่วย
ถ้าเธอถูกตั้งข้อหาฆ่านฤเบศวร์ ต่อให้กระโดดลงแม่น้ำก็คงล้างความผิดไม่พ้น
ลุงปริญบอกเองไม่ใช่เหรอว่าคุณชายของพวกเขายังแข็งแรงดี?
เธอแค่สาดน้ำเย็นใส่เขา จนเขาป่วยหนัก ถึงตายเลยเหรอ…..
อึก?
ถ้าเป็นแบบนี้ การตายของเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอจริงๆน่ะสิ?
เพราะเธอสาดน้ำใส่เขา จนเขาป่วยหนัก แล้วก็เสียชีวิต
กนกอรเรียกให้คนเข้ามาอยู่หลายครั้งก็ไม่มีใครเข้ามา เธอตื่นตระหนกจนออกจากห้องโถงไม่ได้ มือสั่นๆหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรหารถฉุกเฉิน แต่เพราะเธอตื่นตระหนกมากเกินไป จึงจำไม่ได้ว่าเบอร์ฉุกเฉินคือเบอร์ไหน
เบอร์ฉุกเฉินที่แม้แต่เด็กยังจำได้ แต่ตอนนี้เธอจำไม่ได้!
กนกอรตื่นตระหนก และไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
“อย่าตื่นตระหนก อย่าตื่นตระหนก…”
กนกอรเตือนตัวเอง แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมา
“เบอร์ฉุกเฉินคือ… 1669 ใช่ 1669”
ขณะที่เธอกำลังจะกดโทรออก โทรศัพท์มือถือของเธอก็ถูกมือใหญ่คว้าไป
เธอเงยหน้าขึ้นมองตามสัญชาตญาณ จึงเห็นนฤเบศวร์ยืนอยู่ข้างหน้าเธอ มองลงมาที่เธอจากที่สูง
กนกอรมองเขาอย่างเลื่อนลอย
สักพัก เธอก็ได้สติกลับมา หันหลังและคลานออกไป คลานได้สักพักก็ลุกขึ้นยืน แต่กระนั้นก็ยังสะดุดล้ม เธอจึงตะโกนเสียงดังว่า “ผีหลอก!”
นฤเศวร์ยกมือขึ้น
โทรศัพท์ของกนกอร หล่นลงบนหลังของเธออย่างแม่นยำ ราวกับมีตา
“ผีอะไร เรียกใครผี?”
นฤเศวร์ตะโกนอย่างโกรธจัด
กนกอรหยุดลงและหันไปมองเขาอย่างระแวง เอยถามว่า “คุณไม่ใช่ผีเหรอ?”
“ผมว่าเพราะคุณไปทำเรื่องไม่ดีมาแน่ๆถึงได้กลัวผีแบบนี้ คุณเคยเห็นผีที่ไหนหลอกคนอื่นกลางวันแสกๆแบบนี้ไหมล่ะ? แล้วเคยเห็นผีที่หล่อเหมือนผมด้วยเหรอ?”
กนกอร”……..”
แต่เมื่อกี้ตอนเธออังที่ปลายจมูกของเขา เขาไม่หายใจจริงๆนะ
“มานี่!”
นฤเศวร์ออกคำสั่ง
กนกอรส่ายหัว เธอไม่ไปหรอก
ถ้าเกิดจู่ๆนฤเบศวร์กลายเป็นศพ แล้วมากัดเธอ จนเธอกลายเป็นซอมบี้จะทำยังไง?
นฤเบศวร์: ดูทีวีมากเกินไปแล้ว!
หนังที่กนกอรชอบดูมากที่สุดคือเรื่องเหนือธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัว ที่มีทั้งความระทึกและตื่นเต้น เธอกลัวแทบตายทุกครั้งที่ดูมัน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังชอบดู
พอดูเยอะ ก็ยิ่งคิดเยอะ
“ฉันไม่อยากเป็นซอมบี้”
“ถ้าคุณยังไม่มาอีก ผมจะทำให้คุณเป็นซอมบี้จริงๆแล้วนะ!”
“คุณไม่ใช่ผีจริงๆนะ”
“นี่แหละหนาคนทำผิดเอาไว้เยอะ”
กนกอรเดินเข้าไปอย่างช้าๆ
“คุณยื่นมือออกมา ให้ฉันวัดอุณหภูมิก่อนได้ไหม?”
“จะหลอกแต๊ะอั๋งผมเหรอ?”
“ผู้ชายตัวใหญ่อย่างคุณยังจะกลัวคนอื่นหลอกแตะมืออีกเหรอ ถ้าการแตะมือคือการแต๊ะอั๋ง แล้วถ้าฉันแตะไอ้นั่น…..”
กนกอรเดินเข้าไปหาเขา
เดินเฉียดกระแทกไหล่ จนนฤเบศวร์โกรธเร้าๆ
ผู้หญิงคนนี้กล้าดียังไง ถึงบังอาจมาท้าทายความอดทนของเขาอย่างนี้
นฤเศวร์หันหลัง กลับมานั่งที่โซฟา พร้อมออกคำสั่งกนกอรว่า “ที่ผมเป็นหวัดไข้ขึ้น เพราะฝีมือของคุณ เพราะงั้นคุณมีหน้าที่ทำให้ไข้ผมลด”
“คุณต้องอยู่ที่นี่ในฐานะคนรับใช้ของผม จนกว่าไข้ผมจะหายขาด ระหว่างนี้คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากที่นี่แม้แต่ครึ่งก้าวเดียว”
เมื่อกนกอรได้ยินสิ่งที่เขาพูด ก็รีบเอ่ยพูดทันทีว่า “ฉันไม่รู้วิธีรักษาโรค ถ้าคุณเป็นหวัด คุณควรไปพบแพทย์ ไม่อย่างนั้นให้ฉันไปซื้อยาลดไข้ให้ไหม ?”
แต่ทว่าเมื่อเธอได้ยินประโยคถัดมาของเขา กนกอรก็นิ่งอึ้ง
“ให้ฉันเป็นคนรับใช้ของคุณ?”
“คุณทำให้ผมเป็นหวัด คุณต้องรับผิดชอบก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ตอนนฤเบศวร์กำลังจะเอ่ยพูดเขาก็จามออกมาหลายครั้ง พร้อมทั้งดึงกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดน้ำมูกไม่หยุด
เป็นหวัดทำไมมันทรมานขนาดนี้
ทั้งหมดเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้คนเดียว
“ฉัน…ฉันจะซื้อยาแก้หวัดให้คุณ และออกค่ายาให้โอเคไหม?”
เอาเธอมาทิ้งไว้ เพื่อให้เขาอาคืนอย่างนี้เนี่ยนะ?
นฤเบศวร์ยิ่งไม่ใช่คนดีอยู่
“คุณไม่มีสิทธิ์ต่อรอง”
กนกอรพูดไม่ออก
“ครอบครัว”
เมื่อนฤเบศวร์หลุดคำนี้ออกมา
กนกอรก็จ้องมองที่เขาอย่างกรุ่นโกรธ
ไม่นาน เธอก็ยืนเหม่อลอย เหมือนมะเขือม่วงเหี่ยวๆ
“ฉัน ฉันรับผิดชอบก็ได้ โอเคไหม!”
นฤเบศร์เอียงศีรษะและเอนหลังพิงโซฟา เขาหลับตาและกดคิ้วด้วยมือข้างหนึ่ง น้ำเสียงของเขาไม่ได้แข็งกร้าวอีกต่อไป บัดนี้มีแต่เสียงอ่อนแรง “ผมปวดหัวมาก คุณไปทำซุปให้หน่อย”