คุณสามีพันล้าน - บทที่ 070 ภรรยาแต่งมาไว้เลี้ยงดู
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 070 ภรรยาแต่งมาไว้เลี้ยงดู
เทวิามองไปที่ผู้ชายของเธอ
ที่สามารถโกหกได้โดยธรรมชาติ โดยหน้าไม่แดงและไม่ลนลาน
พิชญ์สินียิ้มและพูดว่า: ” มีลูกเขยกตัญญูเช่นนี้ แม่ก็มีความสุข แต่ว่าแกไม่ต้องจ่ายหนึ่งในสามของเงินเดือนให้พวกฉันหรอก เราไม่ได้ขาดแคลนเงิน แกอย่าลืมว่าควรให้พ่อแม่แกด้วย”
ยศพัฒน์ยิ้ม: “พ่อแม่ของผมไม่ได้ขาดเงิน พวกเขากังวลอยู่เสมอว่าผมจะไม่มีภรรยา อยากช่วยสนับสนุนด้วยซ้ำ”
“พัฒน์ แกและเทวิกาได้รับทะเบียนสมรสแล้ว ดังนั้นถึงเวลาที่แกจะพาเทวิกาไปพบพ่อแม่แล้วหรือยัง”
หลังจากที่พิชญ์สินีพูดจบ เธอก็ถามลูกสาวของเธอว่า “ตั้งแต่แกกลับมา แกได้ไปเจอพ่อแม่พัฒน์สักครั้งหรือยัง?”
“แม่ ฉันไม่ว่าง”
“หมายความว่าแกยังไม่ได้ไปเจอพ่อแม่ของพัฒน์เหรอ ยุ่งงั้นเหรอ ที่ร้านแกก็…..” พิชญ์สินีมองที่นั่งที่เต็ม แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาลง “ร้านแกก็ปกติไม่ใช่เหรอ ฝากกนกอรดูให้ก็ได้ แล้วค่อยเจียดเวลาไปเจอพ่อแม่พัฒน์ก็ยังดี”
“แกไม่อยากไปใช่ไหม เทวิกา ถึงลูกสะใภ้จะขี้เหร่ยังไงต้องไปเจอแม่ผัวสิ”
เทวิกากระซิบ “ฉันไม่ได้ขี้เหร่”
เธอยังไม่พร้อมตามยศพัฒน์ไปเจอพ่อแม่ของเขา
ถ้ายศพัฒน์เป็นคนธรรมดาเช่นเธอ เธอจะไม่กดดันเลย
แต่เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุด
แม้ว่าเขาจะบอกว่าครอบครัวของเขาเข้ากันได้ง่าย แต่เธอก็กดดันอยู่ดี
“แม่ครับ อย่าโทษวิกาเลย ไม่ใช่ว่าวิกาไม่อยากไป แต่เป็นเพราะผมเองก็ยุ่งกับงานมากเกินไป และบ้านของผมก็อยู่ไกลจากตัวเมือง การไปกลับใช้เวลานานพอสมควร ผมคิดเอาไว้ว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้จะพาวิากลับไปเจอพ่อแม่แล้วล่ะครับ”
ยศพัฒน์ไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ภรรยาสุดที่รักของเขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ แม้ว่าคนๆ นั้นจะเป็นแม่ของเธอเองก็ตาม
พิชญ์สินีกล่าวว่า “พัฒน์ อย่าปกป้องเธอ ฉันรู้จักลูกสาวฉันดี เธอกระดิกหางแค่นิดหน่อย ฉันก็รู้แล้วว่าเธอจะทำอะไร”
“งั้นแม่ดูให้หน่อยว่าตอนนี้หางของฉันยกสูงถึงไหนแล้ว?”
ทันทีที่พูดจบ พิชญ์สินีก็ก็ตอบกลับด้วยการตบ
แน่นอนว่าไม่ได้แรงมาก
“แม่ครับ ดื่มน้ำสาลี่ดีกว่า”
ผู้คุ้มกันภรรยารีบหยิบแก้วน้ำสาลี่ขึ้นมา แลวส่งให้แม่ยาย
ทำไมพิชญ์สินีจะมองไม่ออก
เธอพอใจมากกับลูกเขยคนนี้
เมื่อรู้ว่าการปกป้องวิกาจะไม่ทำให้แม่ยายขุ่นเคือง เขามีความฉลาดทางอารมณ์สูง
พิชญ์สินีดื่มน้ำสาลี่ที่ลูกเขยคั้นให้เธอ และรู้สึกว่ามันหวานกว่าน้ำผึ้ง
หลังจากที่เธอดื่มเสร็จและนั่งพักสักครู่ ยศพัฒน์ก็ยกกระเป๋าเดินทางของเธอขึ้นมาและพูดกับเธอว่า “แม่ครับ ผมจะเอากระเป๋าเดินทางกลับไปที่บ้านให้ แม่จะพักอยู่ที่บ้านสักพักใช่ไหม?”
พิชญ์สินีตอบด้วยจุดประสงค์ที่ซ่อนอยู่ในใจ “ฉันเหนื่อยนิดหน่อย ฉันขอกลับไปพักพร้อมแกเลยแล้วกัน”
เธอยืนขึ้นและยศพัฒน์ก็ให้เธอเดินนำไปก่อน
เทวิกาพูดกับผู้ชายของเธอ: อย่าลืมสอบถามเรื่องกนกอรว่าปลอดภัยดีหรือเปล่า
เธอมีลางสังหรณ์ว่า ที่กนกอรจะทำให้นฤเบศวร์ขุ่นเคือง มันเป็นเพราะเธอ
ยศพัฒน์มองย้อนกลับมาอย่างมั่นใจ
เขาจัดการได้อยู่แล้ว เธอวางใจได้!
ยศพัฒน์หยิบกระเป๋าเดินทางของแม่ยายขึ้นมา และส่งแม่ยายกลับบ้าน
ระหว่างทาง พิชญ์สินีก็ถาม “พัฒน์ ตอนนี้แกอาศัยอยู่กับวิกาหรือเปล่า?”
“เดิมผมอาศัยอยู่ที่คอนโดกรีนทาวน์ หลังจากจดทะเบียนกับวิกา เพื่อลดค่าใช้จ่าย ผมจึงย้ายไปอยู่กับวิกา เวลาวิกาต้องปั่นงาน คุณภาพชีวิตเธอไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ผมรู้สึกสงสาร เลยย้ายมาอยู่ด้วยกัน เพื่อดูแลชีวิตประจำวันของเธอ”
“ยัยเด็กนั่นชอบงานเขียน เธอเริ่มเขียนเรื่องราวตั้งแต่ที่เธออยู่มัธยมต้น คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าจะหาเงินจากงานเขียนได้
มีความภาคภูมิใจปนอยู่ในคำพูดของพิชญ์สินี และเธอก็รู้สึกว่าลูกสาวของเธอดีมาก
“พัฒน์ แกเองก็เหนื่อยกับงาน แกไม่ต้องทุ่มเทให้วิกามากเกินไป สามีและภรรยาควรเคารพซึ่งกันและกัน และเป็นฝ่ายให้ด้วยกันทั้งสองฝ่าน ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถเป็นฝ่ายให้ได้เสมอไป”
“แม่ครับ ภรรยาแต่งมาไว้เลี้ยงดู วิกาเป็นภรรยาของผม ผมไม่ลำบากใจเลยที่ต้องเลี้ยงดูเธอ”
พิชญ์สินีพอใจมากกับคำตอบของเขา เธอไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่ปากก็ยังพูดว่า “แกทำแบบนี้เดี๋ยววิกาจะเคยตัวเอานะ
“วิกาเป็นคนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร เธอไม่มีทางเสียนิสัยเพราะถูกตามใจหรอกครับ”
พิชญ์สินีหัวเราะอีกครั้ง
เธอคิดว่าสายตาของลูกสาวในครั้งนี้ดีมาก
ยศพัฒน์เก่งกว่าตาณสิบเท่า
ทั้งสองคุยกันระหว่างเดินไป และไม่นานก็มาถึงที่บ้านเช่าของเทวิกา
เมื่อผลักประตูเข้าไป ทันทีที่เข้าไปในห้องโถง พิชญ์สินีก็เห็นเตียงในห้องโถง เธอขมวดคิ้ว “ทำไมมีเตียงเสริมล่ะ?”
คงไม่ใช่ว่าพวกเขานอนแยกเตียงหรอกใช่ไหม?
“แม่ครับ เราซื้อเตียงใหม่ทันทีหลังจากที่รู้ว่าแม่จะมาอยู่ที่นี่ แม่เห็นไหม ว่าเตียงนี้ใหม่มาก เพราะเพิ่งซื้อมา เพราะว่าไปซื้อเตียงมานี้แหละผมกับวิกาเลยกลับไปที่ร้านช้า ”
คุณพัฒน์นี่โกหกได้เป็นธรรมชาติจริงๆ
พูดซะคล่องเชียว
พิชญ์สินีพ่นลมหายใจ
เตียงนี้ ซื้อมาใหม่จริงๆ
เทวิกาเป็นคนซื้อให้ยศพัฒน์ แต่ตั้งแต่ซื้อมา ยศพัฒน์ไม่เคยนอนเลยสักครั้ง และเขาก็พักค้างคืนในห้องของเทวิกาทุกคืน
ถึงยังไงเขาก็เป็นสามีของเธอ
ยังไงสามีภรรยาก็ต้องอยู่ห้องเดียวกันอยู่แล้ว
“แม่ พักในห้องได้เลย ผมกับวิกานอนห้องโถงเอง”
ยศพัฒน์รู้สึกว่าให้แม่ยายนอนหห้องโถงคงไม่ดีเท่าไหร่
“ไม่ต้องหรอก ฉันอยู่แค่สองสามวันเอง”
“ไหนๆแม่ก็มาแล้ว เดี๋ยวผมพาไปเที่ยว พรุ่งนี้ผมลาหยุดพอดี”
“ไม่ต้อง แกทำงานของแกเถอะ เดี๋ยวฉันให้ชเนนทร์ลางานพาฉันเที่ยวดีกว่า แกกับวิกาไปทำงานหาเงินเถอะ ชเนนทร์เป็นคนโสด หาเงินมาได้ยังไงก็ใช้ไม่หมด ดังนั้นให้เขาขอลาพาฉันเที่ยวสักสองสามวันก็ไม่เป็นไรหรอก
ชเนนทร์ : แม่ สมกับเป็นแม่ผมจริงๆ!
พิชญ์สินี : ถ้าไม่เห็นด้วยแกก็รีบแต่งงานสิ!
ชเนนทร์: ได้ครับแม่ พรุ่งนี้ผมจะลางาน พาแม่ไปเที่ยวให้หนำใจ
พิชญ์สินี: …
เธอยืนกรานที่จะอยู่ห้องโถง ดังนั้นยศพัฒน์จึงต้องวางกระเป๋าเดินทางไว้ข้างเตียง
“แม่ พักผ่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะกลับไปที่ร้านเพื่อช่วยวิกา ถ้ามีอะไรโทรหาเรา เราจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ ตอนกลางคืนผมจะโทรถามชเนนทร์ ชวนเขาไปทานข้าวที่โรงแรมเมเปิลด้วยกัน”
พิชญ์สินีถามเขาว่า: “โรงแรมเมเปิลแพงหรือเปล่า ถ้าแพง อย่าไปที่นั่นเลย ไปที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ตรงข้ามบ้านเช่าเพื่อซื้ออาหารมาทำเองดีกว่า จะได้ประหยัดเงิน…… ”
ยศพัฒน์ยิ้มและพูดว่า: “แม่ครับ ผมทำงานที่บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป และโรงแรมเมเปิลก็เป็นโรงแรมภายใต้บริษัทของผม ถ้าไปที่นั่นค่าใช้จ่ายจะถูกมาก ไม่แพงเท่าไหร่”
“บริษัทให้ผลประโยชขนาดนี้ สมกับเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และคู่ควรกับการเป็นอันดับหนึ่งที่สุดในเมืองจริงๆ”
พิชญ์สินียกย่อง
เธอคิดว่าทำงานในบริษัทใหญ่ๆ จะดีกว่า สวัสดิการดี เงินเดือนสูง และโอกาสก้าวหน้าก็ดีมาก
ลูกเขยของเธอดีมาก ดีมากๆ!