คุณสามีพันล้าน - บทที่ 099 คนที่ไม่อยากเจอกลับเจอกันบ่อย
นฤเบศวร์ก้มหน้าลงไปมองมือของเขาที่ถูกกนกอรจับไว้
มือของเธอขาวเนียน เรียวยาว และน่าจะนุ่มนิ่มมากด้วย
เธอไม่ได้ไว้เล็บยาวเหมือนเปรมา และไม่ได้ทาสีเล็บ เธอปล่อยให้มันเจริญเติบโตตามธรรมชาติ
“นฤเบศวร์ คุณมาที่นี่เพื่อแก้แค้นฉันใช่ไหม?”
กนกอรปล่อยมือของนฤเบศวร์ลง ใบหน้าสวยใสของเธอเต็มไปด้วยความโมโห และสายตาที่ร้อนแรงของเธอก็แทบจะเผานฤเบศวร์ให้เป็นเถ้าถ่าน
นฤเบศวร์มองหน้าเธออย่างลึกซึ้ง
“คุณพูดกับแบบนั้นกับแม่ของฉันทำไม คุณไม่รู้หรือไงว่าแม่ของฉันกำลังบังคับให้ฉันไปดูตัว? เทวิกาแต่งงานแล้ว แม่ของฉันถึงร้อนใจเรื่องการแต่งงานของฉัน”
มุมปากของนฤเบศวร์ยกยิ้มเล็กน้อย “ผมไม่รู้จริงๆ ว่าแม่ของคุณกำลังรีบร้อนให้คุณนัดดูตัว ผมเพิ่งมาถึง ที่ผมพูดออกไปก็เป็นเรื่องจริง แสดงให้เห็นว่าผมเป็นคนซื่อตรง “
กนกอรทำท่าอยากจะอ้วกออกมา
“อย่างคุณเนี่ยนะซื่อตรง ถ้าคุณซื่อตรง โลกนี้คงไม่มีใครทรยศและเจ้าเล่ห์แล้ว”
พอเห็นว่าเธอยังคงโมโหอยู่ นฤเบศวร์ก็ขมวดคิ้วและถามเธอ “ที่บอกว่าคุณเคยเป็นแฟนของผม โอเค เป็นผมที่จ่ายเงินจ้างให้คุณแกล้งทำเป็นแฟนผม แล้วยังไงล่ะ คุณรับเงินไปแล้วก็ต้องทำตามที่ตกลงกันไว้”
“แม่คุณรู้แล้วยังไง หรือว่า คุณคบกับผม แม่ของคุณจะไม่พอใจ ไม่แน่ตอนนี้แม่ของคุณอาจจะกำลังดีใจอยู่ก็ได้ พอคิดว่าลูกสาวของเธอได้คบหากับคนรวย และกลายเป็นผู้ดีไปด้วย”
“แม่ฉันไม่มีทางคิดอย่างนั้นแน่ๆ”
กนกอรสีหน้าบูดบึ้งพูดปกป้องแม่ของเธอ “แม่ของฉันไม่ใช่คนที่เห็นแก่เงิน แม่ของฉันไม่เคยขอให้พวกฉันสองพี่น้องมีเงินร่ำรวย แต่แค่อยากให้เราแข็งแกร่งและใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่านั้น”
“ลูกเขยที่แม่ของฉันเลือก จะเลือกใครก็ได้ที่ไม่ใช่คุณ”
นี่เป็นความจริง
กนกอรกับเทวิกาเป็นเพื่อนสนิทกันได้ เพราะพวกเธอมีนิสัยที่คล้ายคลึงกัน และมีการเลี้ยงดูมาจากครอบครัวที่คล้ายกัน
ทักษอรกับพิชญ์สินีมีการติดต่อกันอยู่ตลอด คุณแม่ทั้งสองได้เพิ่มช่องทางการติดต่อของกันและกันไว้ พวกเธอมักจะพูดคุยกันเรื่องครอบครัว และเรื่องของลูก ๆ
ในบางครั้ง ตอนที่พิชญ์สินีเข้ามาทำธุระในเมือง ทักษอรก็จะพาเธอไปเดินซื้อของและชวนเธอมากินอาหารเย็นที่บ้าน
หลังจากที่พิชญ์สินีรู้ฐานะของลูกเขย เธอก็พยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวให้หย่ากับเขา ทักษอรก็มีความคิดอย่างนั้นเช่นกัน พวกเธอไม่อยากให้ลูกสาวของเธอแต่งงานกับตระกูลที่ร่ำรวย
เพราะว่า พวกเธอรู้ฐานะของครอบครัวตัวเอง
เป็นลูกสะใภ้ของครอบครัวธรรมดาก็ถือว่ายากแล้ว นับประสาอะไรกับเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลที่ร่ำรวย
ผู้หญิงเราหลังจากที่แต่งงานแล้ว ถ้าไม่อยากถูกรังแก ฐานะของครอบครัวจะต้องแข็งแกร่งมากพอ หรือตัวเองต้องแข็งแกร่งมากพอ
ตระกูลภูสิทธ์อุดมเป็นครอบครัวที่ธรรมดา ถ้าพูดไปแล้ว อาจจะฐานะไม่ดีเท่าครอบครัวของเทวิกาด้วย บ้านตระกูลวาชัยยุงมีสวนผลไม้หลายสิบไร่ และปลูกผลไม้ตามฤดูกาลไว้จนเต็มสวน พอผลไม้เก็บเกี่ยวได้ก็มีรายได้อย่างดี
แล้วในสวนยังเลี้ยงไก่และเป็ดจำนวนมาก และทำสัญญาค้าขายกับโรงแรมไว้หลายแห่ง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน
ชเนนทร์ก็มีความโดดเด่นกว่าพี่ชายของกนกอร
แม้แต่บ้านตระกูลวาชัยยุงยังไม่อยากยุ่งกับพวกตระกูลคนรวย
ตระกูลภูสิทธ์อุดมยิ่งไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย
นฤเบศวร์ถามอย่างเจ็บปวดใจเล็กน้อย “ผมแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ”
เลือกใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขา!
ไม่ใช่ว่านฤเบศวร์คิดอะไรกับกนกอร แต่ความมั่นใจในตนเองของเขาถูกทำร้ายอย่างแรง
เปรมาไม่เลือกเขาก็ช่างเถอะ เขายอมรับว่ายศพัฒน์เก่งกว่าเขาเล็กน้อย
แต่ทักษอรเลือกลูกเขยแล้วไม่เลือกเขา ก็ทำให้เขาไม่ชอบใจมาก เขาไม่ดีตรงไหน แม้แต่ทักษอรแม่บ้านธรรมดายังไม่เลือกเขาอีก
กนกอรมองไปทางเขา นฤเบศวร์ก็เป็นผู้ชายหล่อเหลาคนหนึ่ง และเป็นถึงประธานRA กรุ๊ปไม่ว่าจะเป็นด้านไหนก็เพอร์เฟคมากด้วย
“คุณไม่ได้แย่ แต่คุณไม่ใช่คนในโลกเดียวกับพวกเรา”
“คุณไม่คนบนโลก คุณมาจากดาวอังคารหรือไง”
กนกอรพูดไม่ออก
หลังจากที่นฤเบศวร์โมโหเสร็จเข้าก็เริ่มเข้าใจ เขามองไปทางกนกอรนิ่ง แล้วพูดว่า “ไม่น่าแปลกใจที่คุณกับเทวิกาสามารถเป็นเพื่อนสนิทกันได้ นิสัยเหมือนกันไม่มีผิด”
“คุณพูดให้ดีๆ คุณกับเปรมาต่างหากที่เป็นคนประเภทเดียวกัน เป็นสิ่งเดียวกัน คุณนฤเบศวร์ ฉันพูดอย่างชัดเจนเลยว่าฉันจะไม่ให้อภัยกับพฤติกรรมของเปรมาเด็ดขาด”
“วันนี้เธอสามารถพังร้านและทำร้ายคนได้ พรุ่งนี้เธอก็กล้าที่จะฆ่าคนและจุดไฟเผาได้ เพราะการสนับสนุนของคุณ เธอจะอาละวาดจนเรื่องราวใหญ่โต จนแม้แต่คุณก็ไม่สามารถแก้ไขให้ได้ ไม่ช้าก็เร็ว แม้แต่คุณเองก็จะถูกเธอทำร้ายไปด้วย”
“พอแล้ว!”
นฤเบศวร์สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนตะโกนใส่อย่างโมโห
กนกอรถูกเสียงตะโกนของเขาทำให้สะดุ้งตกใจ
“คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ฉันจะทำอะไรเกี่ยวอะไรกับคุณด้วย คุณมีสิทธิ์อะไรมาสอนผม ฉันยอมเป็นที่พึ่งให้เปรมา ผมยินดีที่จะแก้ไขปัญาหาทุกอย่างให้กับเธอ แล้วยังไง?”
นฤเบศวร์หยิบกระเป๋าเงินออกมา แล้วควักเงินสดทั้งหมดที่เขามีในกระเป๋าออกมา และโยนไปทางกนกอร
ธนบัตรกระจายไปทั่วพื้น
“นี่คือค่ารักษาพยาบาลที่ผมจ่ายให้คุณแทนเปรมาและเปรมาก็ถูกลงโทษไปแล้ว หลังจากที่เธอออกมา ก็ไม่จำเป็นต้องชดเชยอะไรพวกคุณอีก”
นฤเบศวร์พูดอย่างเย็นชา “เรื่องของผมกับเปรมา คุณไม่มีสิทธิ์เข้ามายุ่ง”
“เหอะๆ!”
กนกอรยิัมเยาะเย้ย “คุณนฤเบศวร์มั่นหน้าเกินไปแล้วค่ะ ฉันไม่เคยคิดจัะยุ่งกับเรื่องของคุณเปรมา พังร้านของฉันและทำร้ายฉัน จนฉันได้รับบาดเจ็บ คุณนฤเบศวร์มาที่นี่เพื่อขอโทษแทนเธอ ขอโทษด้วย ฉันคิดว่าฉันไม่มีอะไรต้องคุยกับคุณแล้ว”
นฤเบศวร์สีหน้าบูดบึ้งไม่ได้พูดอะไร
ที่เขามาหาเธอ ไม่ใช่เพราะเรื่องเปรมาจริงๆ
แต่เพราะเขาได้ยินยศพัฒน์บอกว่ามือของเธอได้รับบาดเจ็บจนมือบวม เขาอยากมาเยี่ยมเธอ
เธอเองที่มีอคติกับเขา ทำให้ทั้งสองต้องทะเลาะกันแบบนี้
“ใครทำผิดคนนั้นต้องรับผิดชอบ การเสียหายในร้านและค่ารักษาพยาบาลของฉัน รอนฤเบศวร์ออกมา ฉันจะไปเรียกร้องค่าเสียหายกับเธอเอง”
“เงินเหม็นๆ ของคุณนฤเบศวร์ ฉันไม่ต้องการ!”
หลังจากที่กนกอรพูดจบเธอก็หันหลังกลับและเดินจากไป
จนลืมไปว่าเธอรับเงินจากเขาเพื่อแกล้งเป็นแฟนของเขา เพื่อกระตุ้นความหึงหวงของเปรมาไป
นฤเบศวร์ยืนนิ่ง
ดวงตาของเขาจ้องไปที่แผ่นหลังของกนกอรซึ่งเดินจากไปไกล
บอดี้การ์ดของตระกูลเดชอุปต่างมองขึ้นไปบนท้องฟ้า ไม่กล้าที่จะเข้าไปแทรกแซงหรือพูดขัดสักคำหลังจากนั้นไม่นาน นฤเบศวร์ก็เรียกบอดี้การ์ดเข้ามาสองคน และเอ่ยสั่ง “มาเก็บเงินบนพื้นแล้วเอาไปให้คุณกนกอรที่ตระกูลภูสิทธ์อุดม”
บอดี้การ์ดทั้งสองนั่งยองเพื่อเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา
นฤเบศวร์สูดหายใจเข้าลึก แล้วเดินกลับไปที่รถของเขา
เขาสาบาน ว่าจากนี้ไป ถ้าเขายังมาที่ตระกูลภูสิทธ์อุดมอีก เขาจะไม่ใช้นามสกุลของตนเองอีกต่อไป แล้วเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของพวกเขาแทน
ทันทีที่กนกอรเข้าไปในบ้าน เธอก็ถูกแม่ของเธอสอบปากคำทันที
“กนกอร ลูกกับคุณนฤเบศวร์เป็นอะไรกัน”
“แล้วไปคบกันตอนไหน”
“ทำไมลูกถึงปิดบังเรื่องใหญ่แบบนี้กับที่บ้าน”
“ครอบครัวของเรากับตระกูลเดชอุปไม่ใช่ระดับเดียวกัน เมื่อตะกี้แม่ตรวจสอบมาแล้ว นอกจากจะรู้ว่าบริษัทของตระกูลเดชอุปคือRA กรุ๊ป และเขาก็เป็นประธานบริษัทด้วย ส่วนเรื่องอื่นๆ แม่ก็ไม่รู้แล้ว”
“เป็นลูกสะใภ้ของคนธรรมดาทั่วไปยังยากเลย แต่เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลที่ร่ำรวยไม่เพียงแต่จะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ยังต้องผูกบีบบังคับให้อยู่ในกฎระเบียบ ลูกมีอิสระจนคุ้นเคย พวกลูกไม่เหมาะสมกัน แม่ไม่เห็นด้วยที่ลูกกับคุณนฤเบศวร์จะคบกัน”
คำถามจากทักษอรทำให้กนกอรอยากจะบ้าตาย
สุดท้าย รอจนแม่ของเธอถามจบ เธอก็ตบหน้าตัวเองเบาๆ และถามว่า “แม่คะ ลูกสาวของแม่มั่นหน้าขนาดนั้นเลยหรือไง แม่เห็นว่าลูกสาวของแม่สวยเหมือนนางฟ้า สวยล่มบ้านล่มเมืองหรือไงกัน”