คุณสามีพันล้าน - บทที่ 102 ฉันคิดถึงเธอ
คุณชายใหญ่ที่คุณปู่เร็นพูดถึง ก็คือธารณ์ พ่อของนฤเบศวร์
“ครับ”
พ่อบ้านรีบไปเตรียมการตามที่คุณปู่เร็นสั่งทันที
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป คุณปู่เร็นก็แต่งตัวเหมือนสามัญชนธรรมดา ก่อนจะ “หนีออกจากบ้าน” ไปกับพ่อบ้าน
ธารณ์อยากถามว่าพ่อตัวเองจะไปไหน ทว่าพ่อบ้านไม่ตอบ เขาเองก็ไม่กล้าถามพ่อตรงๆ จึงทำได้เพียงกล้ำกลืนความสงสัยใคร่รู้ แล้วบ่นกับภรรยาตัวเอง
“พ่อไม่อยู่บ้านก็ยิ่งดี บ้านหลังนี้ก็เป็นของเราแล้ว”
บัณฑิตารู้สึกดีใจกับเรื่องที่พ่อตาตัวเอง “หนีออกจากบ้าน”
“สามี ตอนนี้ณัฏฐากำลังนั่งเครื่องบินกลับมา ประมาณสองทุ่มก็น่าจะถึงสนามบินนานาชาติเมืองแอคเซสซ์ แล้ว คุณไปรับเธอกับฉันหน่อยได้ไหม?”
บัณฑิตาดีใจขนาดนี้ ก็เป็นเพราะว่าณัฏฐาจะกลับมาแล้ว เธอคุยโวกับณัฏฐาไว้ ว่าจะให้ณัฏฐาเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านพวกเขา
หากคุณปู่เร็นอยู่บ้าน เธอก็ต้องขออนุญาตจากพ่อสามีอีก พ่อสามีไม่ชอบเปรมามาโดยตลอด ทำให้ณัฏฐาพลอยถูกไม่ชอบไปด้วย
ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางตอบตกลงแน่ ๆ นั่นก็จะทำให้เธอต้องอับอายต่อหน้าณัฏฐา
ตอนนี้ดีที่พ่อสามีไม่อยู่ เธอจึงสามารถทำตามอำเภอใจ ให้ไป๋อณัฏฐามาอยู่ที่นี่
ธารณ์ขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “หล่อนกลับมาก็กลับมาสิ เราจะไปรับหล่อนทำไม เหมาะสมเหรอ? หล่อนมีลูกสาวอยู่ในประเทศ บ้านตระกูลไชยรัตน์เองก็มีพ่อบ้านและคนขับรถ จำเป็นต้องให้เราไปรับด้วยหรือไง”
“ก็ฉันสนิทกับเธอขนาดนี้ ไปรับแล้วจะทำไมล่ะ? ฉันคุยกับเธอไว้แล้ว คุณจะให้ฉันผิดคำพูดเหรอ”
ธารณ์เม้มปาก แล้วเอ่ยอย่างจนใจว่า “ก็ได้”
“จริงสิ ฉันกับณัฏฐาคุยกันไว้อีกเรื่องหนึ่ง พวกเขาจะรีโนเวทบ้านไม่ใช่เหรอ ฉันสนิทกับเธอ ก็เลยชวนเธอมาอาศัยที่บ้านเราสักระยะหนึ่ง แล้วก็มีเปรม์ด้วย รอเปรม์ออกมาเมื่อไหร่ เธอก็จะย้ายมาอยู่กับเราด้วย”
“เบศวร์จะได้ถือโอกาสนี้กระชับความสัมพันธ์กับเธอด้วย”
ธารณ์ขมวดคิ้วอีกครั้ง เอ่ยว่า “ภรรยา แม้บ้านตระกูลไชยรัตน์จะรีโนเวทใหม่ เธอสองคนแม่ลูกก็ไปพักที่โรงแรมก็ได้ พวกเธอไม่ใช่ว่าไม่มีเงินเสียหน่อย”
“ฉันได้ยินเบศวร์บอกว่า ตอนนี้บ้านตระกูลไชยรัตน์ยังไม่เริ่มรีโนเวท เปรมายังอาศัยอยู่ในบ้านตระกูลไชยรัตน์อยู่เลย”
“พ่อออกไปเจอเพื่อน ไม่อยู่บ้านก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่กลับมา รอเขากลับมาเมื่อไหร่ แล้วเห็นเธอชวนแม่ลูกเปรมามาอยู่ที่บ้านก็จะโกรธแน่ ๆ”
แท้จริงแล้วธารณ์เองก็ไม่ชอบแม่ลูกเปรมา
แต่ที่น่าจนใจคือ ทั้งภรรยาและลูกชายของเขากลับชอบเปรมามากๆ ภรรยาเขารู้จักกับคุณณัฏฐามาสิบกว่าปีแล้ว พวกเธอสนิทสนมกันมากๆ
ธารณ์มองว่า จ้างซูทั้งอยากจะแต่งงานกับยศพัฒน์ แต่ก็ไม่อยากเสียลูกชายเขาไป นิสัยเหมือนคุณณัฏฐาไม่มีผิด
คุณณัฏฐาเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับทั้งภรรยาตัวเองและคุณนายตระกูลอริยชัยกุล ไม่ต้องการตัดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทิ้ง อยากจะตักตวงผลประโยชน์จากทั้งคู่
เพราะหากพูดถึงฐานะและตำแหน่งของเหล่าคุณหญิงทั้งเมืองแอคเซสซ์ ก็นับว่าภรรยาเขาและคุณนายตระกูลอริยชัยกุลนั้นดีที่สุด
คุณนายตระกูลอริยชัยกุลไม่ถือตัวก็จริง สานสัมพันธ์กับใครก็ไม่เคยดูที่ยศถาบรรดาศักดิ์ ทว่าเธอหลักแหลมกว่าภรรยาเขามาก
เธอไม่เคยเป็นตัวถ่วงของลูกชายเลยสักครั้ง
“รอพ่อกลับมาเมื่อไหร่ ก็ค่อยให้แม่ลูกณัฏฐาย้ายไปอยู่โรงแรม”
“สามี ตกลงตามนี้นะ”
ธารณ์เงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “เธออยากทำอะไรก็ทำเถอะ ตกลงกันไว้แล้วนะ ว่าถ้าพ่อกลับมา เธอก็จะให้แม่ลูกคู่นั้นย้ายออกไป”
บัณฑิตายิ้มเอ่ยว่า “แน่นอนอยู่แล้ว”
เธอเองก็กลัวพ่อสามี
หากทำให้พ่อสามีโกรธ คนที่เสียเปรียบก็คือบ้านใหญ่พวกเขา
ธารณ์เข้าใจคุณณัฏฐาไม่ผิด หลังจากที่คุณณัฏฐาติดต่อกับบัณฑิตา เธอก็ติดต่อหาแม่ของยศพัฒน์ทันที
ทว่าตอนนี้แม่ของยศพัฒน์กับสามีเธอยังไม่กลับจากเที่ยว แม้คุณณัฏฐาจะบอกว่าเธอกลับมาแล้ว แต่คุณนายตระกูลอริยชัยกุลก็ทำเพียงยิ้มและเอ่ยคำพูดตามมารยาท จากนั้นก็ไม่มีอย่างอื่นต่ออีก
คุณณัฏฐาหน้าด้านใช้ข้ออ้างของเปรมา บอกว่าพวกเขาต้องรีโนเวทบ้าน ขอพักที่บ้านตระกูลอริยชัยกุลได้หรือเปล่า
คุณนายตระกูลอริยชัยกุลปฏิเสธทันที บอกว่าตอนนี้ผู้นำตระกูลคือยศพัฒน์ หากไม่ได้รับความยินยอมจากลูกชาย เธอก็ไม่สะดวกจะให้คนนอกเข้ามาอยู่อาศัยในคฤหัสถ์เมเปิล
คุณณัฏฐาโกรธจนแทบช้ำใน แต่ภายนอกก็ว่าอะไรไม่ได้
เรื่องของพวกผู้ใหญ่เทวิกาไม่รับรู้ เธอยิ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอ ทำให้เพื่อนรักตกเป็นเป้าหมายของคุณปู่เร็นตระกูลเดชอุปแล้ว
เธอพิมพ์งานอัปเดตทั้งบ่าย
เพิ่งอัปเดตเสร็จ แม่เธอก็ตะโกนเรียกเธอลงไปกินข้าว
“แม่ หนูมาแล้ว”
เทวิกาปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วลุกขึ้นวิ่งลงไปชั้นล่าง
พิชญ์สินียกอาหารออกมาจากห้องครัว เมื่อเห็นเธอวิ่งลงมาก็ตำหนิเธอว่า “แต่งงานแล้วแท้ๆ ยังวิ่งเร็วเหมือนตอนเป็นเด็กอีก ระวังล้มนะ”
“แม่ หนูแข็งแรงจะตาย ไม่ล้มหรอก หอมจังเลย มีกับที่หนูชอบกินด้วย”
“เธออยู่บ้าน มีตอนไหนที่ฉันไม่ได้ทำอาหารที่เธอชอบกินบ้าง?”
เทวิกาเดินไปโอบไหล่แม่ “แม่ดีกับหนูดีที่สุดเลย”
ไม่ใช่แม่แท้ๆแล้วยังไง?
พวกเขาดีกับเธอยิ่งกว่าพ่อแม่แท้ๆเสียอีก
“แล้วพ่อไม่ดีกับเธอเหรอ?”
เสียงของสิรภพดังลอดมาจากด้านหลัง
เทวิกาหันศีรษะไปมองพ่อตัวเอง แล้วยิ้มร่าเอ่ยว่า “ดีทั้งคู่เลย”
พิชญ์สินีตำหนิสามีตัวเองว่า “นี่มาหวงลูกสาวกับฉันเหรอ”
“ลูกสาวไม่ใช่ของเธอคนเดียวเสียหน่อย ทำไมฉันจะหวงไม่ได้”
พิชญ์สินียังอยากจะพูดอะไรต่อ ทว่ากลับมีเสียงรถยนต์ดังลอดมาจากด้านนอก
“ชเนนทร์กลับมาหรือเปล่า?”
พิชญ์สินีเอ่ย
“แต่ฟังจากเสียงรถก็ไม่เหมือน”
“หนูออกไปดูเอง”
เทวิกาได้ยินเสียงรถนั้นเองก็รู้สึกไม่คุ้นเคย ไม่เหมือนเสียงรถของพี่ชายเธอ ทว่าในใจเธอกลับมีลางสังหรณ์ว่ายศพัฒน์จะมา
เธอวิ่งออกไปนอกบ้าน ก็เห็นยศพัฒน์ถือถุงเล็กถุงใหญ่เดินเข้ามา
คู่สามีภรรยาเจอหน้ากันที่ลานกว้าง พลันหยุดลงทั้งคู่และสบตากัน
แยกจากกันเพียงหนึ่งวัน เมื่อพบเจอกันอีกที ทั้งคู่ต่างรู้สึกเหมือนผ่านไปเป็นทศวรรษ
“วิกา”
ยศพัฒน์เป็นฝ่ายปริปากทำลายความเงียบ
เขาก้าวเท้าเดินมา แล้วก้มหน้ายิ้มเอ่ยว่า “ฉันเลิกงานล่วงหน้า มากินข้าวที่นี่ มาถูกเวลาหรือเปล่า?”
“เรากำลังจะกินข้าวพอดี นายมาถูกเวลาแล้วล่ะ”
เทวิการับของบางส่วนมาถือจากมือเขา แล้วเข้าไปในบ้านกับเขา เดินไปพลางพูดไปพลางว่า “คุยกันไว้แล้วแท้ๆว่าวันอาทิตย์ค่อยมารับฉัน มาก็มาเถอะ ไม่เห็นต้องซื้อของมากมายขนาดนี้เลย”
“ฉันคิดถึงเธอ รอถึงวันอาทิตย์ไม่ได้”
ยศพัฒน์เอ่ยเสียงเบา กลัวว่าพวกแม่ยายจะได้ยิน
“ก็ไม่ได้ซื้อของอะไร แค่พวกอาหารเสริมนิดหน่อยน่ะ ไม่ได้แพงอะไรหรอก”
เทวิกาลอบเอ่ยในใจ ไม่ได้แพงอะไรของเขา แท้จริงแล้วล้วนแพงมากทั้งนั้น
ไม่รอให้คู่สามีภรรยาเข้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงพูดของพวกเขา คนบ้านบ้านตระกูลวาชัยยุงก็รู้แล้วว่าลูกเขยมาแล้ว
พิชญ์สินีบ่นเสียงเบาว่า “ติดหนึบซะจริงๆ วิกาเพิ่งจะกลับมาตอนก่อนเที่ยง ตอนเย็นเขาก็มาหาแล้ว”
สิรภพเอ่ยเสียงเบาว่า “ลูกสาวกับลูกเขยรักกันดีก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือไง? เธอบ่นอะไรของเธอเนี่ย ไปเอาถ้วยตะเกียบให้ลูกเขยเราชุดหนึ่ง”
ถูกสามีตำหนิแบบนี้ พิชญ์สินีเองก็ลอบถอนหายใจไม่บ่นอีก ก่อนจะหันตัวกลับเข้าไปในห้องครัวแล้วเอาถ้วยตะเกียบชุดหนึ่งออกมา