คุณสามีพันล้าน - บทที่ 105 หวานเหมือนน้ำตาล
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 105 หวานเหมือนน้ำตาล
“ถ้าตัดเรื่องความแตกต่างออก พัฒน์เป็นผู้ชายที่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ และดีกับเธอมากด้วย”
พิชญ์สินียอมรับว่าลึกๆแล้วตัวเองรู้สึกพอใจในตัวลูกเขยคนนี้มากๆ
“เขาโอ๋เธอเกินไปแล้ว คราวหลังถ้าเธอสองคนทะเลาะกัน แม่คาดเดาได้เลยว่าเขาจะยอมเธอ”
เทวิกากินองุ่นด้วยใบหน้าแต้มยิ้ม แล้วยังไม่ลืมป้อนให้แม่กินด้วย “แม่ ลูกเขยแม่รักลูกสาวแม่ขนาดนี้ แม่ควรดีใจสิถึงจะถูก”
“ใช่ๆ ๆ แม่ดีใจ”
พิชญ์สินีแตะจมูกเธอเบาๆอย่างเอ็นดู แล้วเอ่ยว่า “เดี๋ยวแม่คืนกุญแจอายุยืนให้เธอ มันสวมอยู่บนตัวเธอตอนที่พ่อเก็บเธอได้ แล้วยังมีเสื้อทารกที่เธอใส่ในตอนนั้นด้วย”
“แม่ยังเก็บของพวกนั้นไว้ ถึงแม่จะบอกว่าเห็นเธอเป็นลูกสาวแท้ๆ แต่ก็มักจะรู้สึกว่าสักวันตัวตนของเธอก็ต้องถูกเปิดโปง เก็บของพวกนั้นเอาไว้ ก็สะดวกในตอนที่เธอได้พบกับครอบครัวแท้ๆในอนาคต”
เทวิกาเอ่ยว่า “ตอนนี้วิทยาศาสตร์ก้าวไกลไปมากแล้ว แค่ตรวจดีเอ็นเอก็รู้แล้ว”
ไม่ใช่ยุคโบราณสักหน่อย อีกอย่างของต่างหน้าพวกนี้ก็ถูกคนอื่นเอาไปแอบอ้างได้ง่ายเหมือนกัน
“ไม่ว่ายังไงเก็บไว้ก็ถือว่าดี”
“แม่ วิกา”
ยศพัฒน์ล้างจานเสร็จ แล้วยังเก็บกวาดห้องครัวให้เรียบร้อยจึงจะออกมา
เมื่อเห็นยศพัฒน์ที่สง่าสามและอ่อนโยน พิชญ์สินีก็อ้าปากอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ทว่าครุ่นคิดแล้ว คำพูดที่ออกจากปากก็กลายเป็น “จานล้างเสร็จแล้วเหรอ? นี่ก็ยังเช้าอยู่ ให้วิกาพาออกไปเดินย่อยอาหารเป็นเพื่อนสิ”
ตอนที่กินข้าว สองสามีภรรยาคีบอาหารให้ซึ่งกันและกัน หวานแหววจนสิรภพเหลือบมองภรรยาตัวเองไปหลายครั้ง
ในสถานการณ์แบบนี้ ยศพัฒน์กินเยอะมาก
พิชญ์สินีกังวลว่าลูกเขยจะถูกลูกสาวป้อนจนจุก
“แม่ จานล้างเสร็จแล้ว ห้องครัวก็เก็บกวาดเรียบร้อยแล้วครับ”
ยศพัฒน์เดินมา
“เทวิกา เธอพาพัฒน์ออกไปเดินเล่นสิ แม่เข้าไปดูทีวีก่อนล่ะ ละครที่แม่ตามจะเริ่มฉายแล้ว”
พิชญ์สินีพูดจบก็เดินเข้าบ้าน
เทวิกามือข้างหนึ่งถือพวงองุ่นที่ยังกินไม่หมดเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จูงมือใหญ่ของยศพัฒน์ แล้วเอ่ยอย่างเป็นธรรมชาติว่า “ไป ฉันพานายไปเดินเล่นสวนสาธารณะ”
“ตอนนี้ทุกที่ต่างปรับปรุงชนบทใหม่ ทุกชนบทจะมีสวนสาธารณะที่นั่นก็จะมีเครื่องออกกำลังกาย ให้ทุกคนไปออกกำลังกายในเวลาว่าง ข้างๆก็ยังมีสนามบาสเกตบอลให้เล่นอีกด้วย……
แน่นอนว่าสวนสาธารณะในหมู่บ้านก็ใหญ่เทียบสวนสาธารณะใหญ่ด้านนอกไม่ได้อยู่แล้ว พื้นที่ไม่ใหญ่ แต่เขียวชอุ่มมากๆ เสียอย่างเดียวคือยุงและแมลงค่อนข้างเยอะ
ในฤดูร้อนเหมือนอย่างตอนนี้ แล้วไปสวนสาธารณะตอนไฟข้างทางสว่างอีก กลับมาอีกที ทั้งศีรษะ ใบหน้า และมือเท้าก็มีแต่ตุ่มยุงกัดเต็มไปหมด
คันชะมัดยาด
ปกติเทวิกาไม่มีทางไปที่แบบนั้นหรอก
ทว่ายศพัฒน์มาแล้ว หากจะพาเขาออกไปเดินเล่น ก็มีแต่ต้องไปที่แบบนั้นแล้ว
เทวิกามองยศพัฒน์ที่แต่งกายด้วยชุดสูทเต็มยศ ยุงนอกจากจะไปจุมพิตบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ก็กัดไม่โดนมือเท้าของเขาหรอก
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
คนรักมองเขาหลายทีก็คือต้องมีปัญหาแน่ ๆ
ยศพัฒน์ถามอย่างเป็นห่วงว่า “มีตรงไหนไม่โอเคหรือเปล่า?”
“ฉันอยากพานายไปป้อนยุงที่สวนสาธารณะ แต่ดูจากการแต่งตัวของนายแล้ว ฉันรู้สึกว่าถ้าไปที่นั่น คนที่จะถูกยุงหามไปจะเป็นฉันแทน”
ยศพัฒน์ยกมือเธอขึ้นมาที่ริมฝีปากและจูบหลังมือเธอ ยิ้มเอ่ยว่า “งั้นก็ไม่ต้องไปสวนสาธารณะแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอถูกยุงหามไป”
“งั้นเราเดินไปตามทางหมู่บ้านก็ได้ แค่เดินเล่นก็พอ”
หมู่บ้านที่บ้านตระกูลวาชัยยุงอยู่อาศัย ทุกเส้นทางจะเป็นถนนคอนกรีต เดินทางสะดวกมากๆ ห่างจากตัวเมืองก็ไม่ถือว่าไกล
ในวันไปตลาดนัด คนแก่ของหมู่บ้านแถวนี้ที่ขี่จักรยานหรือจักรยานไฟฟ้าไม่เป็นก็จะนัดกันเดินไปที่ตลาดนัด
“องุ่นหวานมาก นายกินไหม?”
“เธอชอบกิน เธอกินเถอะ”
เทวิกาก็ยังคงป้อนเขากินไม่กี่ลูกอยู่ดี ถามเขาว่าหวานหรือเปล่า
“หวานมาก หวานเหมือนน้ำตาล”
เทวิกายิ้มจนตาหยี พอใจในคำตอบของเขามากๆ
“เมื่อกี้แม่บอกเรื่องตัวตนที่แท้จริงของฉันกับฉันแล้ว ฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆของพวกเขาจริงด้วย”
ตอนที่เทวิกาพูดเรื่องนี้กับยศพัฒน์ น้ำเสียงเธอนิ่งสงบมาก
“ไม่ว่าจะยังไง พวกเขาก็เป็นครอบครัวของฉัน ในใจฉัน พวกเขาก็คือพ่อแม่แท้ๆของฉัน”
“อืม”
ยศพัฒน์เคารพนับถือพ่อตาแม่ยายมากๆ
ไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆ แต่กลับดีกว่าพ่อแม่แท้ๆเสียอีก
ความรักที่คนบ้านตระกูลวาชัยยุงมีต่อเทวิกา เขาเห็นมันทั้งหมด แต่ก่อนตอนอยู่โรงเรียน ชเนนทร์เองก็ขึ้นชื่อเรื่องติดน้องสาว
ใครกล้าว่าน้องสาวไม่ดี ชเนนทร์ก็สามารถตามด่าคนนั้นได้สามวันสามคืน
แม้แต่กับยศพัฒน์เอง จนถึงตอนนี้ชเนนทร์ก็ยังไม่เคยเผยสีหน้าดีๆใส่เขา มีโอกาสทีไรก็เหน็บแนมเขาทุกที
กับยศพัฒน์ยังเป็นแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น
ตอนที่ตาณเลิกกับเทวิกา ถ้าไม่ใช่ว่าเทวิกาดึงไว้รั้งไว้ ชเนนทร์ก็สามารถต่อยตาณจนตายได้
“กริ๊งๆ ๆ……”
จู่ ๆโทรศัพท์ของยศพัฒน์ก็ดังขึ้น
เขาเอามือถือออกมา พลันเห็นว่าเป็นสายจากอินทัช
“นายรับสายเลย ฉันขอนั่งแป๊บหนึ่ง”
เทวิกาเดินจากไปอย่างรู้ตัว แล้วก็หาที่หย่อนตัวนั่งลง
แม้จะเป็นสามีภรรยากัน เขาเองก็รักเธอมากๆ แต่เทวิกาก็ไม่ได้อยากจะตามติดทุกเรื่อง แต่ต้องต่างฝ่ายต่างให้พื้นที่ส่วนตัวซึ่งกันและกัน
เธอยอมบอกเรื่องที่เขารู้ เขาไม่ถาม เธอก็จะบอก
ทำนองเดียวกัน เรื่องที่เขาอยากให้เธอรู้ เขาก็จะบอกเธอเหมือนกัน
“บอส”
อินทัชถามในโทรศัพท์ก่อนว่า “กินข้าวหรือยัง?”
“อืม”
“ตอนนี้อยู่ที่บ้านแม่ของคุณหญิงสินะครับ?”
บอสเลิกงานก่อนเวลา ทำให้ภาระงานของเขาเพิ่มขึ้น
อินทัชลอบติเตียนบอสตัวเองในใจว่ายิ่งอยู่ยิ่งหลงเมียจนเกินไปแล้ว
“มีอะไรก็ว่ามา ถ้าไม่มีอะไรก็วางสาย อย่ามารบกวนฉันกับวิกาจีบกัน”
“แต่งงานแล้วแท้ๆ ยังจะจีบกันอีกทำไม”
“พวกฉันจีบกันหลังแต่งงานไม่ได้หรือไง?”
อินทัชรีบตอบว่า “ได้ครับๆ บอส มีคนสืบเรื่องคุณหญิงแล้ว ผมสืบไปตามเบาะแส พบว่าเป็นคุณปู่เร็นของตระกูลเดชอุป”
ยศพัฒน์ขมวดคิ้ว “เขาสืบเรื่องเทวิกาทำไม”
เขาครุ่นคิด ก่อนจะคลายหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน เอ่ยว่า “คุณปู่เร็นของตระกูลเดชอุปแข่งกับปู่ฉันมาทั้งชีวิต แท้จริงแล้วทั้งคู่ก็สูสีกัน”
ความหมายแฝงก็คือตอนนี้ทั้งสองตระกูลรู้ผลแพ้ชนะแล้ว ซึ่งนฤเบศวร์พ่ายแพ้ให้กับเขา
หากนฤเบศวร์อยู่ที่นี่แล้วล่ะก็ เกรงว่าคงจะโมโหจนกระอักเลือด
ทว่าก็ไม่อาจโต้เถียงได้ เพราะนฤเบศวร์พ่ายแพ้ให้กับยศพัฒน์จริงๆ
“คุณปู่เร็นยังขุดลึกเข้าไปต่ออีก ก็แสดงว่าต้องค้นพบอะไรบางอย่างแน่ ๆ อินทัช ปล่อยให้เขาขุดต่อไป เราตามหลังเขา รอเก็บผลประโยชน์ก็พอ”
ตัวตนที่แท้จริงของคนที่เขารักนั้นเป็นปริศนา หลังจากที่เป็นภรรยาของเขา คู่อริเขาก็จะขุดลึกเข้าไปอีกแน่ ๆ เพื่อสืบว่าตัวตนของเทวิกาจะมีผลประโยชน์อะไรต่อเขาหรือเปล่า
แท้จริงแล้วคงอยากจะใช้เทวิกามาต่อกรกับเขาซะมากกว่า
ก็ดี เขาเองก็อยากจะช่วยเทวิกาตามหาพ่อแม่แท้ๆของเธอพอดี มีคนออกเงินลงแรงนำทางให้ เขาก็ตามเก็บผลประโยชน์ด้านหลังก็พอ ซ้ำยังได้ประหยัดเงินออมแรงอีกต่างหาก