คุณสามีพันล้าน - บทที่ 110 สองสามีภรรยาในยามดึกดื่น
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 110 สองสามีภรรยาในยามดึกดื่น
ตอนนี้ไซม่อนอยู่ในช่วงวัยผู้ใหญ่ตอนกลาง แม้ประยสย์จะมีความสามารถ แต่ก็ยังอายุน้อยอยู่ดี หากไม่มีไซม่อนคอยแอบปกป้อง เขาก็คงถูกคนของตระกูลเลิศธนโยธาลอบฆ่าไปนานแล้ว
ดังนั้นพลอยจึงร้อนใจอยากจะแต่งงานกับไซม่อน รีบมีลูกมาแย่งชิงมรดกกับประยสย์ ส่วนเนตรดาวที่หายสาบสูญไปยี่สิบกว่าปี พลอยก็จะถือว่าเธอตายไปแล้ว
เพียงแค่ตระกูลสาระทาล้มเลิกตามหาเธอ งั้นคุณหนูใหญ่รุ่นนี้ของตระกูลสาระทาก็จะถือว่าตายไปแล้วจริงๆ
“ไม่เกี่ยวกับหล่อน นายอย่าเรื่องอะไรก็โยนความผิดไปให้พลอย”
ไซม่อนเอ่ยอย่างโมโห
“เหอะ! พ่อกล้าพูดเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดี? พ่อก็ไม่กลัวว่าจะล่อหมาป่าเข้าบ้านเสียเลย ผู้หญิงแบบนี้ ไม่ได้อ่อนโยนใจดีเหมือนแม่ผมหรอกนะ”
ตอนนี้คนอื่นๆของตระกูลสาระทาล้วนแต่ช่วยพลอย กลั่นแกล้งแม่เขาอย่างหนักหน่วง รอพลอยได้แต่งเข้าบ้านตระกูลสาระทาดั่งใจหวังเมื่อไหร่ บ้านสองบ้านสามก็หนีรอดไปไม่พ้นหรอก
พลอยโลภมาก
เธอต้องการรวมตระกูลสาระทาเป็นหนึ่งเดียว แล้วให้ลูกของเธอสืบทอดมรดกทั้งหมดของตระกูล
ถึงตอนนั้น แม้แต่คนของตระกูลสาระทา ก็อาจจะถูกเธอทำร้าย เพราะพลอยไม่พอใจในกฎของตระกูลสาระทา
“แม่นาย……ดีมากก็จริง แต่เธอเป็นบ้าไปแล้วไง”
“แล้วทำไมแม่ถึงเป็นบ้า? ก็เป็นเพราะพ่อไม่ใช่หรือไง ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อไปข้องเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่น น้องสาวผมก็จะไม่หายไป แม่ผมก็จะไม่เป็นบ้า”
“น้องสาวผมหายตัวไป ทุกคนก็เอาแต่โทษแม่ผม บีบคั้นให้แม่ต้องกลายเป็นบ้า ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อเป็นพ่อแท้ๆของผม ผมก็สงสัยว่าการหายตัวไปของน้องสาวผมเป็นฝีมือพ่อหรือเปล่า จุดประสงค์คือเพื่อบีบให้แม่ผมเป็นบ้า พ่อก็จะได้นอกใจแม่ผมได้อย่างโจ่งแจ้ง”
“แก!”
ไซม่อนโมโหลูกชายจนหน้าเขียว พลันง้างมือข้างหนึ่งขึ้นจะตบเขา ทว่าเมื่อปะทะกับสายตาที่เต็มไปด้วยแววเกลียดแค้นของลูกชาย เขาก็พลันตกใจ
ฝ่ามือนั่น ท้ายที่สุดก็ไม่ได้ตบใส่หน้าประยสย์
“ถ้าฉันไม่รู้สึกอะไรกับแม่แก แม่แกก็คงไม่ได้เห็นแกเติบโต ฉันคงส่งเธอไปชานเมืองนานแล้ว ปล่อยให้เธอตายไปเอง เรื่องของฉันกับแม่แก แกไม่ต้องยุ่ง”
ไซม่อนถอนหายใจ แล้วนั่งลงหน้าโต๊ะทำงาน
“ฉันเคยรับปากแม่แก ว่าจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า”
ประยสย์แค่นเสียงเหอะ “ผมยอมให้พ่อหย่ากับแม่ผมจะดีกว่า ให้แม่ผมได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขกับผม”
“แกคิดว่าถ้าหย่าแล้ว แม่แกก็ปลอดภัยแล้วหรือไง? แกคิดว่าแกปีกกล้าขาแข็งมากแล้วหรือไง?”
หากไม่มีเขาคอยส่งคนปกป้องสองแม่ลูกอย่างลับๆ ไม่ใช่แค่ภรรยา แม้แต่ลูกชายก็คงไม่ได้โตมาจนถึงตอนนี้
บ้านหลังนี้ คือสระน้ำดำมืดที่ยากแท้หยั่งถึง
ภายนอกดูบริสุทธิ์ ทว่าก้นสระกลับเต็มไปด้วยโคลนตม
“ผมไม่มีทางล้มเลิกตามหาน้องสาวเด็ดขาด!”
ประยสย์ใช่ว่าจะไม่เข้าใจอะไร หลังจากถูกพ่อตำหนิไปแบบนี้ เขาก็ไม่เถียงกับพ่ออีก แต่เขาปฏิเสธจะล้มเลิกการตามหาน้องสาว
“ถ้าพ่อไม่มีเรื่องอะไร งั้นผมขอตัวก่อน”
ประยสย์พูดจบก็หันตัวเดินจากไป
ไซม่อนอยากเรียกเขาไว้ แต่ไม่รู้ว่านึกถึงอะไร จึงปล่อยลูกชายไป
ในห้องสมุดจึงเหลือเขาเพียงคนเดียว
เขาเอากรอบรูปที่ลูกชายดูเมื่อกี้นี้ขึ้นมา มองดูครอบครัวที่เคยมีความสุข พลันเริ่มตาแดงก่ำ
เขาใช้ปลายนิ้วลูบไล้รูปถ่าย พลางเอ่ยเสียงพึมพำว่า “วิกา พ่อไม่ได้อยากจะยอมแพ้ในตัวหนูจริงๆ พ่อทำแบบนี้ ก็เพราะอยากจะปกป้องหนูกับพี่ชาย”
ทวีความขัดแย้งระหว่างพ่อลูก ทำให้ทุกคนไม่เห็นดีในตัวประยสย์ คิดว่าสักวันประยสย์ก็จะถูกพ่อเขาฉุดลงมาจากตำแหน่งนายน้อย
ภายนอกเขาเหมือนจะล้มเลิกตามหาลูกสาว ทว่าก็แค่เล่นละครตบตาคนอื่นเท่านั้น บางที ก็อาจจะสามารถให้ลูกสาวได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก็ได้
แม้จะทำไม่ได้ เขาก็ยังจะให้คนตามหาลูกสาวต่ออย่างลับๆ
เขาไม่เชื่อหรอก ว่าเขาจะตามหาลูกสาวเขาไม่เจอ!
เทวิกาไม่รับรู้เรื่องเหล่านี้
ตอนนี้เธอยังไม่รู้แม้แต่นามสกุลพ่อแม่แท้ๆของตัวเอง
พิชญ์สินีมอบเสื้อทารกและกุญแจอายุยืนที่สวมอยู่บนตัวเธอตอนยังเด็กให้เทวิกา
ยามดึกที่เงียบสงบ
เทวิกาพลิกตัวไปมานอนไม่หลับ
เสื้อตัวนั้นที่เธอใส่ตอนเด็ก วางอยู่ที่ข้างหมอนเธอ ส่วนกุญแจอายุยืนก็ถูกเธอซุกไว้ที่ใต้หมอน
เธอเอากุญแจอายุยืนออกมา
นี่คือกุญแจอายุยืนที่ทำจากทองคำ
เห็นได้ว่าพ่อแม่แท้ๆของเธอฐานะร่ำรวย เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนก็สามารถใช้ทองคำทำกุญแจอายุยืนให้เธอสวมใส่ได้
เนื้อผ้าของเสื้อทารกเองก็ดีมากๆ
เทียบกับตอนนี้ก็ไม่สามารถบอกว่าด้อยได้
เธอมองกุญแจอายุยืนซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้กี่ครั้ง
ด้านบนยังมีคำว่า “วิกา” สลักไว้
แม่บอกว่าเธอกับเทวิกาตัวจริงมีวาสนาต่อกันมากๆ ในชื่อล้วนมีคำว่าวิกาทั้งคู่
จู่ ๆไฟในห้องก็พลันสว่างขึ้น
ชายหนุ่มข้างกายลุกขึ้นมานั่ง
เทวิกาเองก็ลุกตาม เธอเผยสีหน้ารู้สึกผิด และเอ่ยกับยศพัฒน์ว่า “ฉันรบกวนนายแล้ว ไม่งั้น นายไปนอนที่ห้องแขกหรือห้องพี่ชายฉันไหม?”
ยศพัฒน์เอากุญแจอายุยืนมาจากมือเธอ แล้วยัดเข้าไปในใต้หมอนเธออีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “อย่าคิดมากขนาดนั้นเลย รีบพักผ่อนเถอะ”
เขาดึงเธอเข้ามาโอบกอด พลางพูดปลอบว่า “ฉันบอกแล้วว่าจะช่วยเธอตามหาพ่อแม่แท้ๆของเธอ เชื่อว่าไม่นานก็มีข่าวกลับมา”
“ตามหาคน ก็เหมือนขมเข็มในมหาสมุทร หาเจอง่ายขนาดนั้นสักที่ไหนกัน”
เทวิกาซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดเขา แล้วเอ่ยเสียงอ่อนนุ่มว่า “พัฒน์ ฉันก็แค่รู้สึกรำคาญใจแล้วนอนไม่หลับน่ะ”
“ฉันรู้”
ถูกคนของบ้านตระกูลวาชัยยุงประคบประหงมราวกับไข่ในหิน นึกมาโดยตลอดว่าตัวเองคือลูกสาวบ้านตระกูลวาชัยยุง
แต่ใครจะรู้ ว่าเธอถูกเก็บมาเลี้ยง
แม้จะทำใจไว้นานแล้ว แต่ในใจเทวิกาก็ยังคงสับสนวุ่นวายอยู่ดี
“ไม่งั้น ฉันออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเธอดีไหม?”
“แต่ว่านี่ก็ตีหนึ่งกว่าๆแล้ว ถ้าเราออกไปเดินเล่นแบบนี้ ฉันกลัวว่าจะทำให้หมาทั้งหมู่บ้านตกใจ”
ดึกดื่นป่านนี้ถ้ามีเสียงอะไรนิดหน่อย หมาในหมู่บ้านก็จะเห่า ถ้าหมาตัวหนึ่งเห่า หมาตัวอื่นๆก็จะเห่าตาม
“พัฒน์ ฉันอยากกินของ ตอนที่รู้สึกรำคาญใจ ก็ให้กินของอร่อย กินไปๆ ก็จะอารมณ์ดีขึ้นเอง”
ยศพัฒน์บีบแก้มเธออย่างรักใครเอ็นดู “ชอบกินขนาดนี้ ก็ไม่เห็นเธออ้วนขึ้นเลย”
“ร่างกายฉันกินยังไงก็ไม่อ้วน อิจฉาล่ะสิ”
กนกอรอิจฉาเธอมากที่กินยังไงก็ไม่อ้วน
อันที่จริงเธอเองก็ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายมากๆ
ยศพัฒน์ยิ้ม “บังเอิญจัง ฉันก็กินยังไงก็ไม่อ้วน นี่ก็ถือเป็นชะตาลิขิตด้วยไหม”
“เธออยากกินอะไร? ฉันลงไปทำให้เธอกิน”
“ไม่รู้ว่าตู้เย็นที่บ้านมีวัตถุดิบอะไรบ้าง นายดูแล้วทำเถอะ อย่าเสียงดังเกินล่ะ เดี๋ยวปู่กับย่าฉันตื่น”
ห้องนอนของผู้อาวุโสทั้งสองคนอยู่ที่ชั้นหนึ่ง
ยศพัฒน์ตอบเสียงอืม “งั้นฉันลงไปทำอะไรให้เธอกิน เธอจะอยู่นี่หรือลงไปกับฉัน?”
“ฉันนอนไม่หลับสักหน่อย ลงไปกับนายดีกว่า นายจะได้ไม่ต้องทำเสร็จแล้วยังต้องขึ้นมาเรียกฉันอีกที”
เทวิกาพูดแล้วก็พลิกตัวลงไปจากเตียง
เธอหันกลับไปแล้วยกหมอนขึ้น ก่อนจะหยิบเอากุญแจอายุยืนของเธอ
ยศพัฒน์เองก็รู้สึกจนใจ เธอต้องใช้เวลาไม่กี่วันเพื่อซึมซับเรื่องนี้
สองสามีภรรยาเปิดประตูเบาๆ แล้วเดินลงไปชั้นล่างอย่างระมัดระวัง
เทวิกาเอ่ยเสียงเบาว่า “ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนเป็นโจร”
ยศพัฒน์ยิ้มเบาๆ “เห็นด้วย”
เขาเองก็ไม่เคยแอบย่องเข้ามาในห้องครัวหาของกินตอนดึกดื่นเหมือนกัน