คุณสามีพันล้าน - บทที่ 112 เช้าที่แสนอบอุ่น
“ชเนนทร์บอกว่าเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นกลับมาแล้ว”
คุณปู่กวินท์เอ่ย
“แล้วยังไง? ตอนนี้พัฒน์เป็นสามีของเทวิกา ถ้าเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นเก่งจริง ก็ไม่ถึงคราวเทวิกาได้แต่งงานกับพัฒน์หรอก”
“พัฒน์เองก็ไม่น่าจะชอบหล่อน ไม่งั้นก็ไม่มีทางแต่งงานกับเทวิกาแล้วยังไม่ยอมหย่าหรอก”
ตอนนี้ คนบ้านตระกูลวาชัยยุงต่างรู้ดีว่าตอนนั้นเทวิกาจ้างยศพัฒน์กลับมารับมือกับแม่ที่เร่งให้แต่งงาน
คุณปู่กวินท์ไม่พูดอะไรอีก
“นอนเถอะ อย่าคิดมากขนาดนั้นเลย ฉันเชื่อว่าพัฒน์สามารถทำให้เทวิกามีความสุขได้ หลานสาวเราเป็นคนมีวาสนา”
คุณปู่กวินท์นึกถึงตอนที่เก็บหลานสาวมาเลี้ยง เสื้อผ้าบนตัวหลานสาวและกุญแจอายุยืนที่ทำมาจากทองคำก็ไม่ใช่ราคาเบาๆ จึงเอ่ยว่า “เราก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก วิกามีความคิดเป็นของตัวเอง เรื่องที่เธอตัดสินใจแล้ว เราก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก”
“พ่อแม่แท้ๆของงวิกาถ้าไม่ร่ำรวยก็น่าจะสูงศักดิ์ ขอแค่หาพ่อแม่แท้ๆของเธอเจอ ฐานะของเธอก็จะเหมาะสมกับพัฒน์”
เมื่อพูดถึงเรื่องพ่อแม่แท้ๆ คุณย่าโบว์ก็ยิ่งยิ้มไม่ออก
พวกเขานอนลงบนเตียงแล้วถอนหายใจ
แม้ปากจะบอกว่าเข้าใจ แม้จะใจกว้างขนาดไหน ในใจก็ยังคงรู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่ดี
เด็กที่พวกเขาเลี้ยงดูมายี่สิบกว่าปี เป็นของคนอื่น อาจจะถูกพ่อแม่แท้ๆรับกลับไปได้ทุกเมื่อ
“พิชญ์สินีสารภาพความจริงเร็วขนาดนี้ ถ้าเกิด……”
“พัฒน์เป็นใคร เขาสืบเจอนานแล้ว แม้เราจะไม่สารภาพความจริง วิกาก็จะรู้อยู่ดี สู้สารภาพไปเลยจะดีกว่า ให้เธอรู้ว่าเราจะไม่ห้ามเธอไปตามหาพ่อแม่แท้ๆของตัวเอง ทั้งยังรู้สึกซาบซึ้งใจกับเราได้”
“อีกอย่าง เด็กที่ตัวเองเลี้ยงดูจนโตมีนิสัยยังไง เรายังไม่รู้กันหรือไง? วางใจเถอะ หลานสาวก็ยังคงเป็นหลานสาวของพวกเรา”
คุณปู่กวินท์ไม่รู้สึกห่วงอะไร
สองสามีภรรยาคุยกันต่ออีกสักพัก จนกระทั่งสองสามีภรรยานอกห้องขึ้นบันไดไป พวกเขาจึงจะค่อยๆผล็อยหลับไป
เช้าวันที่สอง
เทวิกาตื่นนอน ก็เอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาก่อน เมื่อเห็นว่าจะเจ็ดโมงแล้ว เธอรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วปลุกยศพัฒน์ที่นอนอยู่ข้างกาย
“พัฒน์ จะเจ็ดโมงแล้ว นายรีบตื่นเร็ว ไปล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อ ฉันลงไปทำอาหารเช้าให้นาย กินอาหารเช้าเสร็จก็รีบกลับไปทำงานซะ”
ยศพัฒน์ไม่แม้แต่จะลืมตา กลับยื่นแขนดดึงเธอกลับมาล้มทับบนตัวเขา
เขาโอบกอดเธอเอาไว้ ก่อนจะพลิกตัวแล้วลุกขึ้นมาคร่อมเธอ
จากนั้นก็ก้มจูบเธอ
เทวิกาหลบหลีกไม่หยุด หลบยังไงก็หนีริมฝีปากอุ่นร้อนของเขาไปไม่ได้
สุดท้ายก็หนีไม่พ้นและถูกจูบอย่างดื่มด่ำ
สักพัก ยศพัฒน์ก็จึงจะละริมฝีปากออกอย่างพอใจ พลางลืมตาขึ้น เผยดวงตาดำขลับเป็นประกาย ก้มมองหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่าง
“ฉันเปลี่ยนตารางงานในวันนี้หมดแล้ว วันนี้ฉันหยุดลา พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่ต้องไปทำงาน ฉันได้หยุดงานทีเดียวสามวัน”
เทวิกา “……”
“คุณภรรยา ฉันไม่ไว้ใจให้เธอกลับบ้านแม่คนเดียว คราวหลังถ้ากลับบ้านแม่ก็ต้องพาฉันไปด้วย”
คุณชายพัฒน์เอ่ยเสียงทุ้มต่ำแหบพร่า
ความหมายก็คือ เขาหยุดทีเดียวสามวัน ต้นเหตุเป็นเพราะเทวิกากลับบ้านแม่ไม่บอกเขา แล้วทิ้งเขาไว้คนเดียว
เขาจึงทำได้เพียงทิ้งงานไปไล่ตามภรรยา
“ฉัน สำคัญกว่าบริษัทนายเหรอ? นายยกเลิกงานไปหนึ่งวัน ต้องเสียหายมากขนาดไหนกัน”
ยศพัฒน์ก้มศีรษะลงอีกครั้ง แล้วแตะริมฝีปากเธอเบาๆ เอ่ยอย่างรักใคร่ว่า “สำหรับฉันแล้ว เธอสำคัญกว่าบริษัทฉัน สำคัญกว่าชีวิตฉันเสียอีก”
“วิกา ฉันรักเธอ ตกหลุมรักเธอมานานแล้ว”
นี่คือครั้งแรกที่ยศพัฒน์สารภาพรักต่อหน้าเธอ
เทวิกาสบตากับเขา
เห็นความรักใคร่ในแววตาของเขาอย่างชัดเจน
พลันซาบซึ้งใจ และอดคล้องคอเขาไม่ได้ ก่อนจะมอบริมฝีปากหวานให้เขา
ภรรยาเป็นฝ่ายจูบเขาก่อน ยศพัฒน์ย่อมคว้าโอกาสนี้ไว้ทันที
ปรากฏว่า สองสามีภรรยาทำเรื่องบ้าคลั่งกันไปหนึ่งรอบ
รอจนกระทั่งพวกเขาแต่งตัวเรียบร้อยปรากฏตัวที่ชั้นล่างก็เป็นเวลาแปดโมงแล้ว
เทวิกายังตั้งใจสวมเสื้อที่มีปกคอโดยเฉพาะ เพื่อบดบังร่องรอยตรงซอกคอ
“คุณปู่ คุณย่า อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
ชั้นล่าง มีเพียงชายหญิงชราคู่หนึ่งกำลังทานอาหารเช้ากันอย่างไม่รีบร้อน
อาหารเช้าของบ้านตระกูลวาชัยยุงไม่ได้มีหลากหลายเหมือนตระกูลอริยชัยกุล มีเพียงข้าวต้มเท่านั้น
ปกติคือข้าวต้มเปล่า แต่เพราะยศพัฒน์มาแล้ว พิชญ์สินีจึงไปซื้อเครื่องในหมูที่ร้านขายหมูสดของหมู่บ้านตั้งแต่เช้า แล้วเอากลับมาทำข้าวต้มเครื่องในหมู
“อรุณสวัสดิ์ๆ”
ผู้อาวุโสทั้งสองทักทายยศพัฒน์ตอบ คุณย่าโบว์วางถ้วยตะเกียบลง แล้วลุกขึ้นยืนเดินไปที่ห้องครัว
ไม่นาน หญิงชราก็นเดินถือข้าวต้มเครื่องในหมูชามใหญ่ออกมา
“พัฒน์ มากินข้าวเช้ากัน”
คุณย่าโบว์วางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะกินข้าว แล้วเอ่ยกับยศพัฒน์ว่า “แม่ยายนายไปซื้อเครื่องในหมูมาทำข้าวต้มแต่เช้าเลย ลองชิมดูสิ ถ้ากินไม่เป็นก็บอกย่านะ เดี๋ยวย่าเอาเงินให้วิกาพานายไปกินด้านนอก”
สำหรับคนชนบท ข้าวต้มเครื่องในหมูนับว่าเป็นอาหารเช้าที่ดีแล้ว แต่ยศพัฒน์ฐานะสูงศักดิ์ คุณย่าโบว์กังวลว่าหลานเขยจะกินไม่เป็น”
ยศพัฒน์รีบเอ่ยว่า “คุณย่า ผมไม่เลือกกินหรอก มีอะไรก็กินได้ทั้งนั้น”
เขาให้เทวิกากินข้าวต้มชามนั้น ส่วนตัวเองก็เข้าไปตักชามใหม่ในห้องครัว
ที่เขาไม่รู้คือ หลังจากที่เขาหันตัวเดินเข้าไปในห้องครัว คุณย่าโบว์ก็ดีดหน้าผากเทวิกาหนึ่งที แล้วตำหนิหลานสาวเสียงเบาว่า “ตอนกลางวันพัฒน์เขางานยุ่ง ตอนกลางคืนเธอก็ไม่ให้เขาได้นอนดีๆอีก ดึกดื่นแล้วก็ยังจะให้เขามาทำของกินให้เธอกินอีก”
“ท้องเจ้าหมูน้อย เอาแต่กินอยู่ได้”
ประโยคสุดท้าย คุณย่าโบว์เอ่ยด้วยน้ำเสียงแกมเอ็นดู
เทวิกาแลบลิ้นอย่างทะเล้น “เมื่อคืนหนูทำคุณปู่คุณย่าตื่นสินะคะ”
คุณปู่กวินท์กินข้าวต้มไปพลางพูดไปพลางว่า “ทำย่าเธอตื่น ฉันตื่นเพราะถูกย่าเธอปลุก”
สิ้นเสียง คุณย่าโบว์ก็ตวัดขาเตะใส่เขา ทว่าไม่ได้ใช้แรงมาก
คุณปู่กวินท์ถูกเธอเตะอย่างจัง
“คุณย่า วันนี้พัฒน์เขาไม่ต้องไปทำงาน”
เทวิการีบเอ่ยทันที ปู่กับย่าจะได้ไม่ต้องห่วงยศพัฒน์แล้วตำหนิเธอ
“วันนี้เป็นวันศุกร์ไม่ใช่เหรอ? วันศุกร์เขาไม่ต้องไปทำงานเหรอ?”
ชเนนทร์เองก็เป็นหุ้นส่วนของบริษัทเขา จะบอกว่าเขาเป็นบอสของบริษัทเขาก็ไม่ผิด แต่เขางานยุ่งมากๆ อย่าว่าแต่วันศุกร์ แม้แต่วันเสาร์เขาก็ยังต้องทำงาน
คุณย่าโบว์ชินกับรูปแบบการทำงานของหลานชายแล้ว ดังนั้นจึงแปลกใจมากที่หลานเขยมีวันหยุดติดต่อกันสามวัน
เทวิกาก้มหน้ากินข้าวต้ม
ไม่เกี่ยวกับเธอนะ
เธอไม่ได้บอกให้ยศพัฒน์หยุดงานทีเดียวสามวันนะ
เธอบอกแล้ว ว่าให้เขามารับเธอวันอาทิตย์
เห็นหลานสาวก้มหน้าก้มตากินข้าวต้ม ท่าทางเหมือนไม่เกี่ยวกับเธอ คุณย่าโบว์ก็ทั้งโมโหทั้งขบขัน อดจิ้มหน้าผากหลานสาวไม่ได้
“คุณย่า อย่าจิ้มหนูอีกเลย หนูไม่ได้เป็นคนบอกให้เขาหยุดงานสักหน่อย”
“เดิมทีหนูฉลาดมากนะ ถูกคุณย่าจิ้มหน้าผากสองทีก็กลายเป็นโง่เลย”
คุณย่าโบว์ “……”
“คุณย่า พ่อกับแม่หนูล่ะ?”
“ไปสวนผลไม้แล้ว มีร้านอาหารมาซื้อเป็ดไก่น่ะ แม่เธอถามว่ากลางวันเธอสองคนอยากกินอะไร ถ้าคิดได้แล้วก็โทรไปบอกแม่เธอล่ะ”
เทวิกาตอบโดยไม่คิดทันทีว่า “หนูอยากกินไก่อบดิน”
“พัฒน์มาแล้ว เธอต้องได้กินแน่ ๆ”
“ถ้าเขาไม่มา หนูก็จะไม่ได้กินแล้วใช่ไหม?”
“เธอเคยได้อดอาหารเมื่อไหร่ล่ะ? รีบๆกิน กินเสร็จแล้วก็พาพัฒน์ไปซื้อปลาที่ตลาดกลับมาตัวหนึ่ง ซื้อปูกับกุ้งมาด้วย”
คุณย่าโบว์กินอิ่มแล้ว เธอควักธนบัตรไม่กี่ร้อยออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วยื่นให้เทวิกา “เงินที่แม่เธอให้เธอไปซื้อปลา”
“คุณย่า หนูมีเงิน”
เทวิกาไม่รับเงินที่ย่ายื่นมาให้