คุณสามีพันล้าน - บทที่ 113 เปรมาไม่มีทางได้แต่งงานกับพัฒน์
เทวิกาไม่รับเงินที่ย่ายื่นมาให้ คุณย่าโบว์จึงเก็บเงินไว้
ยศพัฒน์ยกชามข้าวต้มออกมา คุณย่าโบว์พลันเอ่ยอย่างใจดีว่า “พัฒน์ นายกับเทวิกาค่อยๆกินนะ ย่าจะไปสวนผักแล้ว”
“ครับ คุณย่า”
คุณย่าโบว์เรียกสามีตัวเองไปด้วยกัน
ไม่นาน บ้านตระกูลวาชัยยุงก็เหลือเพียงสองสามีภรรยาน้อย
“นายกินอาหารเช้าของบ้านฉันได้ไหม?”
เทวิกายังจำตอนครั้งแรกที่กลับคฤหาสต์ที่คอนโดกรีนทาวน์กับเขาได้ อาหารเช้าที่กินนั้นมีหลากหลายมากๆ
และอร่อยมากด้วย
ไม่เรียบง่ายเหมือนของบ้านเธอ
“กินได้สิ บอกแล้วว่าฉันไม่เลือกกิน จริงๆนะ”
ยศพัฒน์ลูบศีรษะเธออย่างรักใคร่ เอ่ยว่า “วิกา พวกเธอไม่ต้องกังวลว่าฉันจะรังเกียจความเป็นอยู่ของบ้านเธอ ฉันไม่รังเกียจ ไม่เลยสักนิด”
เทวิกายิ้ม “นายกินได้ก็ดี”
ถ้าเขาไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพความเป็นอยู่ของเธอ งั้นพวกเขาสองคนก็จะต้องหย่ากันในสักวัน
หลังทานอาหารเช้าเสร็จ เทวิกาก็เข็นจักรยานไฟฟ้าที่ปกติแม่เขาขี่ไปซื้อผักที่ตลาดออกมาจากโรงรถที่บ้านเธอสร้างเอง แล้วยิ้มเอ่ยกับยศพัฒน์ว่า “สามี มา ฉันพานายขี่ไปซื้อของที่ตลาด”
ยศพัฒน์เดินไป แล้วรับหมวกกันน็อกที่เธอยื่นมาให้ เมื่อสวมเสร็จ เขาก็อุ้มเธอไปไว้บนเบาะด้านหลัง ส่วนเขาก็ไปนั่งด้านหน้า
“เธอซ้อนฉันดีกว่า”
“นี่คือจักรยานไฟฟ้า”
“จักรยานฉันยังขี่ได้ไหลลื่นมากเลย”
เทวิกาพลันนึกถึงครั้งแรกที่เธอไปร่วมงานเลี้ยงกับเขา เธอใส่ชุดราตรีที่เขาส่งมาให้ แต่งตัวซะสวย แต่กลับนั่งซ้อนจักรยานไปตลอดทั้งทาง ดึงดูดสายตาผู้คนนับไม่ถ้วน
เป็นจุดสนใจสุดๆ!
“ก็ได้ ฉันให้นายขี่”
“กอดฉันแน่นๆ”
หา?
เทวิกาอึ้งครู่หนึ่ง ไม่นาน เธอก็กอดเอวของยศพัฒน์จากด้านหลัง
ยศพัฒน์พอใจแล้ว จึงจะเริ่มสตาร์ทเครื่อง
ขณะเดียวกัน ณ บี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ป
ณัฏฐาแต่งตัวหรูหราสง่าสงาม สวมเครื่องประดับเพชรพลอยไม่น้อย ทั้งตัวเรืองไปด้วยแสงแพรวพราว
เธอถือกระเป๋าแอร์เมส เหยียบรองเท้าส้นสูง เดินบิดสะโพกเข้าไปในตึกบี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ป
“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ?”
พนักงานต้อนรับทักทายและรั้งณัฏฐาไว้อย่างมีมารยาท
ณัฏฐายิ้มตอบว่า “ฉันชื่อณัฏฐา มาหาคุณพัฒน์พวกคุณน่ะ ไม่ทราบว่าคุณพัฒน์อยู่หรือเปล่า?”
“คุณณัฏฐา วันนี้คุณพัฒน์ไม่ได้มาที่บริษัท คุณสามารถมาวันอื่นแทนได้ เพียงแต่คุณต้องนัดล่วงหน้า ปกติแล้วคุณพัฒน์จะไม่พบแขกผู้หญิงนอกเหนือจากลูกค้าและคนในครอบครัว”
ณัฏฐาเองก็รู้ว่ายศพัฒน์ไม่ใช่คนที่ขอพบได้ง่ายๆ ได้ยินพนักงานต้อนรับพูดประโยคหลัง เธอก็เอ่ยว่า “บ้านสามีฉันกับตระกูลอริยชัยกุลรู้จักกัน ฉันเห็นคุณพัฒน์พวกเธอมาตั้งแต่เด็กจนโต เขาเห็นฉันแล้วยังต้องเรียกฉันว่าน้าณัฏฐา”
พนักงานยังคงเอ่ยอย่างมีมารยาทว่า “คุณณัฏฐา นี่คือกฎของคุณพัฒน์ แม้เขาจะเรียกคุณว่าน้าณัฏฐาแต่คุณก็ไม่ใช่คนในครอบครัวของเขา เพราะฉะนั้น……”
พนักงานไม่พูดต่ออีก ณัฏฐาเข้าใจในความหมายคำพูดของเธอ
แม้เธอจะนัดล่วงหน้าตามกฎ ก็ไม่ได้เจอกับยศพัฒน์
เพราะเธอไม่ใช่คนในครอบครัวของยศพัฒน์ และก็ไม่ใช่ลูกค้าด้วย
“งั้น เธอรู้ไหมว่าพัฒน์ไปไหน?”
“คุณณัฏฐา ขออภัยค่ะ พวกเราเป็นแค่พนักงานต้อนรับ ไม่รู้ว่าคุณพัฒน์ไปไหนหรอกค่ะ”
ณัฏฐาเม้มปาก ก่อนจะเอ่ยว่า “โอเค ฉันรู้แล้ว ขอบใจมาก”
เธอพูดจบก็หันตัวเดินจากไป
เดิมทีเธออยากเจอยศพัฒน์เพื่อขอขมาแทนลูกสาว แม้ลูกสาวจะถูกกักขัง เมื่อถึงกำหนดก็สามารถออกมาได้แล้ว แต่เธอกลับกังวลว่ายศพัฒน์จะหาโอกาสแก้แค้นทีหลัง
เมื่อออกมาจากบี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ป ณัฏฐาก็หันศีรษะไปมองตึกของบี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ป หากลูกสาวได้เป็นภรรยาท่านประธานของบี.เอ.เอ็ม. กรุ๊ป นั่นคงต้องดีมากแน่ ๆ
เธอซื้อของฝากมาจากเมืองนอกมากมาย ส่งให้เพื่อนและญาติของเธอในประเทศ ขอให้ทุกคนช่วยดูแลเปรมาหน่อย
แต่น่าเสียดาย เมื่อณัฏฐาไปถึงคฤหัสถ์เมเปิล มีเพียงคุณปู่ภูธิปอยู่บ้านเพียงคนเดียว ส่วนคุณย่าชนิศาก็ไปเที่ยวบ้านเพื่อนแล้ว
รอยยิ้มของณัฏฐาแข็งท่อเล็กน้อย
ทำไมเธอมาได้ไม่เป็นเวลาเลย
คุณปู่ภูธิปเป็นคนเข้มงวด และคุยด้วยยากก แม้ณัฏฐาจะเอาใจคุณหญิงใหญ่ได้ ให้คุณหญิงใหญ่เห็นเธอเป็นเพื่อน ที่ผ่านมาก็ได้เข้าออกคฤหัสน์เมเปิลอย่างเป็นอิสระ
แต่กลับเกรงกลัวคุณปู่ภูธิปมาโดยตลอด
“คุณป้าไปเที่ยวบ้านใครเหรอคะ?”
“ฉันไม่ใช่พยาธิในท้องหล่อนสักหน่อย จะรู้ได้ยังไงว่าหล่อนไปเที่ยวบ้านไหน? ตรงตีนเขามีบ้านเยอะแยะ เธออาจจะไปทุกบ้านเลยล่ะมั้ง”
บ้านเหล่านั้นตรงตีนเขา บางบ้านก็เป็นญาติของตระกูลอริยชัยกุล ส่วนใหญ่จะเป็นคนงานของตระกูล พวกเขาทำงานที่นี่ หากมีครอบครัว ก็ยังสามารถได้ที่พักอาศัยหนึ่งชั้นเป็นบ้าน ค่าเช่าค่าน้ำค่าไฟก้ไม่ต้องจ่ายเอง
หากมีแค่ตัวคนเดียว ก็จะได้พักอาศัยในหอพักรวม สิ่งแวดล้อมของหอพักเองก็ดีมากๆ
คนงานของตระกูลอริยชัยกุล หากเข้ามาแล้ว ก็ไม่มีใครอยากออกไปทั้งนั้น
สวัสดิการดีเกินไป
เจ้านายดีเกินไป
งานก็เป็นงานที่พวกเขาชอบทำ
มุมปากของณัฏฐากระตุกเล็กน้อย เธอยิ้มแหยๆ ไม่รู้ว่าควรตอบยังไง
ตระกูลอริยชัยกุลอยู่ในเมืองแอคเซสซ์ นับว่าเป็นตระกูลเศรษฐีที่แตกต่างจากคนอื่น แม้จะถูกจัดอันดับว่าเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่ง แต่คนในครอบครัวตอนอยู่ด้านนอกก็ถ่อมตัวมากๆ หลายคนยังไม่เคยเห็นแม้แต่เหล่าคุณหญิงของตระกูลอริยชัยกุลด้วยซ้ำ
จะบอกว่าพวกเขาลึกลับถ่อมตัว ก็เป็นกันเองกับคนงานในตระกูล
ฤดูกาลที่ผลไม้สุกงอม พวกเขาก็ช่วยเก็บผลไม้ แม้แต่คุณย่าชนิศาตอนว่างๆก็จะไปแวะเที่ยวบ้านคนงานที่ตีนเขา
“เธอ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
น่าจะเพราะคุณปู่ภูธิปรู้สึกว่าคนที่มาเป็นแขก ท่าทางแบบนี้ของเขาจะทำให้แขกรู้สึกอึดอัดมาก จึงเอ่ยถามตามมารยาท
ณัฏฐารีบเอ่ยว่า “ไม่มีอะไร ก็คือฉันเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก แล้วเอาของฝากมาให้คุณลุงคุณป้านิดหน่อยน่ะค่ะ”
“ขอบคุณ แต่เราไม่ขาดอะไร เราน้อมรับน้ำใจเธอ แต่ของเธอเอากลับไปเถอะ”
ณัฏฐา “……คุณลุงภูธิป ฉัน……”
“ถ้ามาเพื่อเปรม์ งั้นก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ครั้งนี้เปรม์ทำเกินไปแล้ว รอเปรม์ออกมาเมื่อไหร่ เธอก็สั่งสอนหล่อนดีๆ อายุจะสามสิบแล้วแท้ๆ ยังวู่วามขนาดนั้นอีก”
ผู้หญิงที่เหิมเกริมและมุทะลุแบบนั้นยังคิดจะแต่งงานกับหลานชายเขางั้นเหรอ?
ไม่มีทางเสียหรอก
และก็โชคยังดีที่หลานชายเขาเองก็ไม่ได้ชอบเปรมา
แม้เทวิกาจะไม่ได้มีฐานะดีมาก แต่บุคลิกนิสัยต้องดีกว่าเปรมาแน่ ๆ ผู้ชายตระกูลอริยชัยกุลจะแต่งงานกับภรรยาที่ดีเท่านั้น ไม่ดูยศถาบรรดาศักดิ์ ดูเฉพาะนิสัยและจิตใจ
“คุณลุงภูธิปพูดถูก ครั้งนี้เปรม์ผิดไปแล้ว ก็สมควรจะถูกสั่งสอน รอเธอออกมาเมื่อไหร่ ฉันก็จะสั่งสอนเธอดีๆเหมือนกัน”
ณัฏฐาพูดจบ ก็เปลี่ยนเรื่องถามคุณปู่ภูธิปว่า “ได้ข่าวว่าพัฒน์แต่งงานแล้วเหรอคะ”
“อืม”
“คุณลุงภูธิปเคยเจอกับเด็กคนนั้นหรือยังคะ? เธออยู่บ้านไหม ฉันอยากเจอเธอ”
ไม่กี่วันนี้ One Day In coffee ปิดทำการ
เธอไม่ได้ไปหาเทวิกาที่นั่น
“หลานสะใภ้ฉัน ฉันก็ต้องเคยเจออยู่แล้ว เป็นเด็กที่ดี ฉันกับป้าเธอชอบเด็กคนนั้นมากๆ ตอนนี้เธอไม่อยู่ รอพัฒน์กับเธอจัดงานแต่งเมื่อไหร่ ก็จะเชิญพวกเธอมาดื่มเหล้ามงคล ถึงตอนนั้นเธอก็จะได้เจอเด็กคนนั้นเอง”
ณัฏฐาอัดอั้นตันใจ ทว่ากลับไม่กล้าระบายออกมา จึงเผยใบหน้ายิ้มแย้ม เอ่ยว่า “ได้ยินมาว่า เธอคือน้องสาวของเพื่อนพัฒน์เหรอคะ?”