คุณสามีพันล้าน - บทที่ 114 กลับคฤหัสถ์เมเปิล
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 114 กลับคฤหัสถ์เมเปิล
คุณปู่ภูธิปเหลือบตามองเธอ แล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ณัฏฐา วันนี้เธอมาสืบทะเบียนบ้านของหลานสะใภ้ฉันหรือไง?”
ได้ยินคุณปู่ภูธิปพูดแบบนี้ มุมปากของณัฏฐาก็กระตุกอีกครั้ง
“คุณลุงภูธิป หนูไม่ได้หมายความแบบนั้น ก็แค่สงสัย พัฒน์ไม่เคยมีแฟนมาก่อน จู่ ๆก็แต่งงานซะแล้ว หนูก็เลยสงสัยใคร่รู้เท่านั้นเอง”
“เปรม์รักพัฒน์มานานหลายปีขนาดนี้……”
ณัฏฐาไม่ได้พูดต่อ
เธอนึกว่ายศพัฒน์จะเป็นลูกเขยของเธอ
ใครจะรู้ว่าจะถูกยัยผู้หญิงที่ไม่รู้โผล่มาจากไหนแย่งไป
ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อเทวิกาปีนี้เพิ่งจะอายุยี่สิบสี่ปี เด็กกว่าลูกสาวเขาไม่กี่ปี
เธอได้รับข้อมูลของเทวิกามาจากบัณฑิตา เคยเห็นรูปถ่ายของเทวิกา หน้าตาสะสวยมาก แม้จะเกิดมาในครอบครัวสามัญชนธรรมดา แต่กลับดูดีมีออร่ามากๆ
บอกว่าเทวิกาเป็นลูกสาวตระกูลผู้ดีก็ไม่มีใครสงสัย
ก็ไม่รู้ว่าตัวจริงเทียบกับในรูปแล้วเป็นยังไง
“คนที่รักพัฒน์มีตั้งเยอะแยะ”
คุณปู่ภูธิปตอบโต้เสียงเรียบ
ณัฏฐาพูดไม่ออก
ก็จริง คนที่รักยศพัฒน์มีเยอะมากจริงๆ แต่ไม่มีใครโชคดีเหมือนเทวิกา ที่ได้นั่งบนตำแหน่งคุณนายน้อยตระกูลอริยชัยกุลได้อย่างง่ายดาย
“ณัฏฐาเธอยังมีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า? ถ้าไม่มีก็เชิญกลับไปเถอะ ฉันต้องดูดอกไม้ของฉันที่ทุ่ง”
คุณปู่ภูธิปพูดแล้วก็ลุกขึ้นยืน ทิ้งณัฏฐาไว้แล้วเดินจากไป
ขณะเดียวกันก็เรียกพ่อบ้านมา ให้พ่อบ้านไปส่งแขก
พ่อบ้านเห็นเขาเดินไปข้างนอก ก็รีบเอาหมวกฟางให้เขาใบหนึ่ง เอ่ยว่า “คุณท่าน ตอนนี้แดดแรงมากๆ สวมหมวกฟางด้วยเถอะครับ”
“อืม”
คุณปู่ภูธิปรับหมวกฟางมาสวมบนศีรษะ แล้วเดินออกไปจากบ้าน เขาหยิบจอบจากชั้นวางเครื่องมือข้างประตูมาพาดไว้บนไหล่ คุณปู่เร็นพลันเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันที
คนใช้ของตระกูลอริยชัยกุลต่างคุ้นชินกันแล้ว
ชายชราจะไปดูแลทุ่งดอกไม้หรือสวนผลไม้ทุกวัน ทำงานออกกำลังกาย แม้อายุเยอะมากแล้ว แต่ร่างกายก็ดีกว่าคนหนุ่มสาวหลายๆคน
คุณปู่ภูธิปไปแล้ว ณัฏฐาจะนั่งต่ออีกก็ไม่ได้
เธอเอากระเป๋าตัวเองและกุญแจรถ กำลังจะจากไป
“คุณณัฏฐา คุณท่านบอกว่า ของที่เธอคุณเอามาให้คุณเอากลับไปให้หมด”
พ่อบ้านพูดเตือนณัฏฐาให้เอาของไปด้วย
“ฉันมอบให้คุณลุงกับคุณป้า จะมีหน้าเอากลับไปได้ยังไงกัน?”
พ่อบ้านภูริชเดินมา แล้วยกของฝากที่ณัฏฐาเอามา ยื่นไปให้เธอ เอ่ยว่า “คุณณัฏฐา คุณท่านเราบอกว่าไม่เอาก็คือไม่เอา คุณไม่เอากลับไป ถ้าคุณท่านกลับมาแล้วเห็น ก็จะโยนทิ้งลงถังขยะ นิสัยของคุณท่าน คุณณัฏฐารู้ดี”
ณัฏฐารับของมาอย่างจนใจ เอามาเท่าไหร่ ก็ต้องเอากลับไปเท่านั้น
นิสัยของยศพัฒน์เหมือนคุณปู่เร็นไม่มีผิด ต่างเป็นคนหัวดื้อหัวรั้น
ณัฏฐาลอบด่าในใจ ก่อนจะไปจากคฤหัสถ์เมเปิลอย่างจนใจ
……
สองสามีภรรยายศพัฒน์อยู่ที่บ้านบ้านตระกูลวาชัยยุงสองวัน ก็ถูกพิชญ์สินี “ไล่กลับมา”
เพราะเธอรู้ว่าเดิมทีลูกสาวตอบตกลงไว้แล้วว่าจะกลับบ้านกับยศพัฒน์ในวันอาทิตย์
คนขับรถลุงวริศมารับสองสามีภรรยา
ตอนที่กลับไปในเมือง เทวิกาก็บ่นกับสามีว่า “ลูกสาวที่แต่งออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดออกไป ตอนที่แม่ฉันไล่ฉันออกไป อีกนิดก็เกือบจะเอาไม้กวาดมาไล่แล้ว”
ยศพัฒน์กุมมือเธอไว้ยิ้มๆ แล้วดึงเธอเข้ามาใกล้เขา สัญญาว่า “คราวหลัง ถ้ามีเวลาว่าง ฉันจะกลับมากับเธอเอง”
หลังจากที่กลับไปในเมือง เขาจะไปเลือกซื้อบ้านด้วยตัวเอง ซื้อคฤหาสต์หลังหนึ่งให้พ่อตาแม่ยาย แบบนี้ก็จะทำให้เทวิกากลับบ้านแม่ได้สะดวก
แต่ไม่รู้ว่าคนบ้านตระกูลวาชัยยุงจะยอมย้ายมาอยู่ในเมืองหรือเปล่า
อีกอย่างพวกเขาก็มีเรื่องของพวกเขาต้องทำ ถ้าไปอยู่ในเมือง พวกเขาก็จะดูแลสวนผลไม้ได้ไม่สะดวก
ยศพัฒน์แค่คาดคิดไว้เท่านั้น แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องซื้อบ้านให้
คราวหลังถ้าแม่ยายมา แล้วพักอาศัยอยู่ในบ้านตัวเองก็จะรู้สึกผ่อนคลายกว่า
“ฟ้าก็จะมืดแล้ว ไม่ชวนเรากินข้าวกันก่อนเลย”
ยศพัฒน์ยิ้มเอ่ยว่า “ฉันบอกภูริชแล้ว ที่บ้านจะทำกับข้าวไว้ให้ เรากลับไปถึงบ้านก็จะได้กินอาหารร้อนๆ”
“ฉันตั้งใจให้ภูริชบอกพ่อครัวให้ทำเคาหยกเผือก ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน และปลากระรอกทอดเปรี้ยวหวานให้เธอโดยเฉพาะ”
เทวิกาตื่นเต้นดีใจ ก่อนจะถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณปู่คุณย่าจะคิดว่าฉันเลือกกิน ชอบกินแต่เนื้อหรือเปล่า?”
ยศพัฒน์จุมพิตแก้มเธอหนึ่งที แล้วเอ่ยที่ข้างหูเธอเสียงเบาว่า “พวกเขาเห็นเธอชอบกินเนื้อต้องดีใจมากแน่นอน วันนั้นตอนที่เราสองคนกินข้าวด้วยกัน คุณปู่คุณย่าก็พอใจในปริมาณข้าวที่เธอกินมากๆ”
เทวิกา “……”
เธอจำได้ว่าคืนนั้น เธอกินค่อนข้างเยอะ
“ปู่กับย่าฉันไม่ชอบเด็กผู้หญิงที่กินนิดเดียวก็บ่นว่าอิ่มจนท้องแตก คนรุ่นพวกเขาก็มักจะคิดว่า ‘การได้กินอาหารก็คือบุญวาสนา’”
เทวิกา “เหมือนความคิดปู่กับย่าฉันเลย”
เธอถูกผู้ใหญ่ปลูกฝังความคิดแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอกินเก่งมากๆ ยังดีที่เธอออกกำลังกาย ผนวกกับเธอเป็นคนกินไม่อ้วน จึงไม่ได้กินจนกลายเป็นยัยอ้วน
ยศพัฒน์โอบไหล่เธอ เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “ไกลหน่อยนะ เธอหลับก่อนเถอะ ถ้าถึงบ้านแล้ว ฉันค่อยเรียกเธอ”
เทวิกาหาว ก็ไม่เกรงใจกับเขา เธอซบอกเขา เอ่ยว่า “ถึงแล้วก็อย่าลืมเรียกฉันด้วยล่ะ นี่คือการกลับบ้านที่แท้จริงของสามีฉันเชียวนะ”
“วางใจเถอะ เรียกเธอแน่นอน”
เทวิกาซุกตัวนอนหลับฝันดีในอ้อมกอดของสามี
มองดูเธอผล็อยหลับในอ้อมกอดอย่างสบายใจ แววตาของยศพัฒน์ก็อ่อนโยนจนแทบละลาย
เขาอดก้มหัวจูบหน้าผากของเทวิกาไม่ได้
จากนั้น เขาก็เอามือถือออกมาโทรหาภูริช
หลังจากที่ภูริชรับสาย เขาก็เอ่ยถามเสียงขรึมว่า “ภูริช เรื่องที่ผมสั่งให้คุณช่วยผมทำเมื่อไม่กี่วันก่อน คุณจัดการเรียบร้อยหรือยัง?”
ภูริชเผยใบหน้ายิ้มแย้ม เอ่ยว่า “คุณชายวางใจได้เลยครับ จัดการเรียบร้อยแล้ว”
“คนที่ช่วยจับหิ่งห้อย เพิ่มโบนัสของเดือนนี้เป็นสองเท่าทั้งหมด”
ภูริชยิ้มเอ่ยว่า “ครับ ผมจะเอาคำพูดของคุณชายไปบอกพวกเขา ให้พวกเขาตื่นเต้นดีใจ”
“คุณชาย คุณกับคุณนายน้อยจะถึงบ้านเมื่อไหร่ครับ?”
ยศพัฒน์ดูเวลาแล้วตอบว่า “ประมาณหนึ่งทุ่ม คุณบอกคุณปู่กับคุณย่าว่าให้พวกเขากินก่อนเลย ไม่ต้องรอพวกผม”
เวลาอาหารเย็นของตระกูลอริยชัยกุลคือหกโมงเย็น
ภูริชบอกว่า “คุณท่านบอกแล้ว ว่ารอคุณชายกับคุณนายน้อยกลับมาค่อยกินข้าว ฤดูกาลตอนนี้ ถึงหนึ่งทุ่มแล้วฟ้าก็ยังไม่มืดสนิท”
และเป็นฤดูกาลเก็บเกี่ยวอีกด้วย
ทุกคนล้วนยุ่งกับการเก็บผลไม้
ทุ่งดอกไม้ที่ตีนเขาเองก็ถึงได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมาก พรุ่งนี้ต้องส่งสินค้าล็อตใหญ่ ยุ่งมากเช่นกัน
“ก็ได้”
คุณปู่พูดแบบนั้นแล้ว ยศพัฒน์ก็ไม่มากความอะไรอีก
“อาหารที่คุณนายน้อยชอบกิน อย่าลืมให้พ่อครัวทำเยอะๆหน่อย”
ยศพัฒน์พูดกำชับภูริชเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
ภูริชยิ้มเอ่ยว่า “คุณชายไม่ต้องพูดกำชับหรอกครับ คุณย่าชนิศากำชับหลายรอบแล้ว”
คุณชายแคร์คุณนายน้อยขนาดนี้ ผู้ใหญ่ในบ้านเองก็จับสังเกตท่าทางเขา หากเขาแคร์ พวกผู้ใหญ่ก็ย่อมแคร์คุณนายน้อยเช่นกัน
บอกตามตรง ภูริชรู้สึกสงสัยใคร่รู้ในตัวคุณนายน้อยที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อนมากๆ