คุณสามีพันล้าน - บทที่ 122 พี่ใหญ่สองมาตรฐานจริงๆ
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 122 พี่ใหญ่สองมาตรฐานจริงๆ
ยศพัฒน์หันหลังเดินเข้าไปในบ้าน
หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาก็หันหน้ามาพูดกับน้องชายทั้งหลายว่า “มัวยืนทำอะไรอยู่? เข้ามาสิ!”
เหล่าคุณชายมองหน้ากันไปมา ต่างฝ่ายต่างผลักให้อีกฝ่ายเดินเข้าไปก่อน เพราะไม่มีใครอยากเป็นคนแรกที่ได้เดินตามพี่ใหญ่ไป
“ถ้ายังมัวแต่ผลักกันอยู่อีก ฉันจะให้พวกแกวิ่งเท้าเปล่าบนเนินเขาสักสามชั่วโมง”
เมื่อยศพัฒน์ส่งเสียง เหล่าน้องชายก็พากันรีบวิ่งเข้ามาทันที เพราะกลัวว่าหากพวกเขาช้าไปแม้แต่นิดเดียว พวกเขาจะถูกพี่ชายลงโทษให้วิ่งเท้าเปล่าบนเนินเขา
บนเขามีกรวดมากมาย ถ้าพวกเขาต้องวิ่งเท้าเปล่าบนยอดเขาเป็นเวลาสามชั่วโมง ฝ่าเท้าของพวกเขาก็ต้องมีเลือดออกแน่ๆ
“พี่ใหญ่ สวัสดีตอนเช้า”
“นี่มันสายแล้ว”
“แหะๆ แต่ก็ยังเช้าอยู่ดีนั่นแหละ”
ยศพัฒน์พ่นลมอย่างเย็นชา เหลือบมองน้องชายที่กำลังลูบจมูกและยิ้มแหยๆ ไม่กล้าเข้าใกล้เขามากเกินไป
หลังจากเรียกน้องชายหลายคนเข้ามาในห้อง ยศพัฒน์ก็เรียกเจ้าสี่และเจ้าสิบมาด้วย ชี้ไปที่พวกเขาแล้วพูดว่า “เข้าแถมตามลำดับอายุ!”
เหล่าน้องชายของเขาเข้าแถวอย่างรวดเร็ว
ยศพัฒน์รอจนพวกเขาเข้าแถวเสร็จ ก็เดินไปหาเทวิกาด้วยท่าทางอ่อนโยน แล้วพูดกับเทวิกาว่า “วิกา เก้าคนนี้เป็นน้องชายของผม นับตั้งแต่เจ้าสองถึงเจ้าสิบ ทุกคนอยู่ที่นี่หมด”
ทั้งเก้าคนบ่นในใจ:ทีกับพวกเขาล่ะทำเป็นเข้ม แต่กับพี่สะใภ้ดันอ่อนโยนซะงั้น
พี่ใหญ่สองมาตรฐานจริงๆ
เทวิกามองไปที่น้องสามีทั้งเก้าคน ตั้งแต่ใหญ่ไปหาเล็ก หล่อกันทุกคน บางคนก็คล้ายยศพัฒน์ คิดว่าพวกเขาทั้งหมดน่าจะเหมือนพ่อของพวกเขา เพราะพ่อของพวกเขาเป็นพี่น้องกัน
“ปากเป็นใบ้กันหมดเหรอ ทักทายพี่สะใภ้ และแนะนำตัวเองสิ พี่สะใภ้พวกแกจะได้ไม่งงว่าใครเป็นใคร”
ยศพัฒน์วางท่าให้สมกับเป็นพี่ใหญ่ แล้วสั่งให้น้องชายทั้งเก้าทักทายเทวิกา
“สวัสดีครับ พี่สะใภ้!”
คุณชายทั้งเก้ากล่าวทักทายพร้อมกัน
เทวิการีบทักทายทุกคนกลับ เธอกระซิบกับสามีของเธอว่า “พัฒน์ ฉันไม่ได้เตรียมของไว้ให้พวกเขาเลย ทำยังไงดี”
ยศพัฒน์ขึ้นเสียงถามน้องชายของเขาว่า “ใครกล้าขอของขวัญจากพี่สะใภ้?”
“พี่ใหญ่ ผมเปล่านะ คนครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ไม่ต้องมีของให้กันหรอก พี่สะใภ้ ผมไม่เอาๆ”
เซทท์หัวไวที่สุด
เขาและเทวิกาพบกันหลายครั้ง จึงรู้เป็นอย่างดีว่าพี่ใหญ่ยกเทวิกาให้เป็นคนที่สำคัญขนาดไหน
เว้นแต่เทวิกาเป็นคนเสนอจะให้ของขวัญกับพวกเขาก่อน ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่กล้าขอของขวัญจากพี่สะใภ้หรอก
คนอื่นๆต่างพูดตาม เซทท์
ว่าไม่อยากได้ของขวัญ
ยศพัฒน์หันไปพูดกับภรรยาสุดที่รักของเขาว่า “วิกา เห็นหรือยัง ว่าพวกเขาทั้งหมดบอกว่าไม่จำเป็นต้องให้ของขวัญ ดังนั้นอย่าเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจเลย”
เทวิกา “…….”
เธอเริ่มสงสัยแล้วสิ ปกติเวลาอยู่บ้านสามีของเธอแกล้งเหล่าน้องชายเอาไว้เท่าไหร่ ทุกคนถึงได้ดูกลัวเขาขนาดนี้
หลังจากพบปะกันแล้ว ยศพัฒน์ก็พูดกับน้องชายอย่างเฉยเมยว่า “พี่สะใภ้ของพวกแกต้องออกไปรับลมเล่นกับฉัน พวกแกมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น”
นี่คือเขากำลังเอ่ยไล่
“พี่ใหญ่ ผมขอไปด้วย”
เจ้าสิบเป็นน้องคนสุดท้อง นิสัยยังมีความเป็นเด็ก เมื่อได้ยินว่าพี่ชายและพี่สะใภ้กำลังจะไปนั่งรถรับลมเล่น เขาจึงตะโกนขอไปด้วยอย่างไม่หยุดคิด
จากนั้นพี่น้องคนอื่นๆ ก็หันมามองเขาพร้อมกัน
เมื่อถูกเหล่าพี่ชายมอง เควินก็งุนงง เขาพูดอะไรผิดเหรอ?
มันผิดตรงไหนที่เขาอยากไปนั่งรถเล่นกับพี่ใหญ่?
ไม่รอให้ยศพัฒน์ตอบ เทวิกาก็ยิ้มและพูดว่า “เควินอยากไปนั่งรถเล่นเหรอ เอาสิ ไปด้วยกันก็ได้ มีใครอยากไปด้วยอีกไหม? ไปกันหลายๆคนจะได้สนุก”
ใบหน้าของยศพัฒน์มืดครึ้มในทันที
พี่ชายแท้ๆจากท้องแม่เดียวกันของ เควิน รีบดึงเขาเอาไว้ แล้วพูดกับเทวิกาด้วยรอยยิ้มว่า “พี่สะใภ้ เควินต้องทำงาน เขาน่าจะลืม ว่าเขาต้องไปจัดการมันให้เสร็จ เพราะงั้น คงไม่ได้ไปนั่งรถรับลมกับพวกพี่แล้ว พี่กับพี่ใหญ่ไปกันเองเถอะ”
“ผมลืมอะไร?”
เควิน ดูงุนงง
พี่ชายบีบต้นขาของเขา ความเจ็บทำให้เควิน เกือบกระโดดขึ้น ในเวลานี้ เขาไม่กล้าส่งเสียงอีกต่อไป ไม่ว่ายังไง พี่ชายของเขาจะไม่ทำร้ายเขา ถ้าเขาบอกว่าเขายังมีเรื่องต้องทำ….งั้นเขามีเรื่องให้ทำก็ได้
ยศพัฒนืพอใจมากที่ไม่มีใครกล้าตามเขาไปเป็นก้างขวางคอ
เขาหยิบกุญแจรถมามอบให้เทวิกา
“พี่ใหญ่ งั้นผมไปทำธุระก่อนนะ”
“พี่ใหญ่ งั้นผมขอตัวด้วย”
คุณชายทั้งเก้าคนรีบกลับทางใครทางมัน
“ถือว่ารู้จักกันแล้วเนอะ!”
ยศพัฒน์พ่นลมหายใจ
เทวิกายิ้มและพูดว่า “พัฒน์ ปกติคุณแกล้งพวกน้องชายบ่อยใช่ไหม พวกเขาดูกลัวคุณมาก”
“แล้วผมเหมือนพวกที่ชอบแกล้งคนอื่นเหรอ? พวกเขาทำโดยตั้งใจ พวกเขาจงใจทำให้ดูเหมือนถูกผมรังแก เพื่อให้ได้ความเห็นอกเห็นใจจากคุณ ให้คุณพูดแทนพวกเขาและต่อว่าผม”
ยศพัฒน์พูดไปเรื่อยๆ
หากคุณชายทั้งเก้าได้ยินคำพูดของเขา พวกเขาคงอาเจียนเป็นเลือดแน่ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น พี่ใหญ่ก็ดีกับพวกเขามาก และพวกเขาก็เคารพพี่ใหญ่มากๆ
ทั้งคู่เดินออกจากห้องโถงของบ้าน ขณะที่พูดคุยกันไปด้วย
ตอนกลางวัน ความสวยงามของคฤหาสน์เมเปิลให้ประจักษ์สู่สายตา
เทวิการู้สึกทึ่งกับความงามของบ้าน จนแทบไม่อยากออกไปไหน
“นี่คือบ้านของเรา เราจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ในอนาคตเรามีเวลาเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์มากกว่านี้แน่นอน”
ยศพัฒน์อุ้มภรรยาสุดที่รักขึ้นรถ
ใบหน้าของเทวิกาแดงก่ำ
ตอนที่ยศพัฒน์อุ้มเธอ เหล่าคนใช้ผู้หญิงต่างก็เห็นภาพนี้ เทวิกาเห็นพวกเธอแอบยิ้มกันด้วย ใบหน้าของเทวิกาจึงแดงก่ำด้วยความเขินอาย
“ตอนจะลงเขา เดี๋ยวผมขับเอง ถึงตีนเขาแล้วคุณค่อยขับ”
ยศพัฒน์วางภรรยาสุดที่รักของเขาลงบนเบาะที่นั่ง แล้วรัดเข็มขัดนิรภัยให้อย่างระมัดระวัง ใช้โอกาสนี้คว้าใบหน้าของเธอเข้ามาที่จูบริมฝีปาก
เทวิกาหัวหมุ่นเมื่อเขาจูบเธอ และเมื่อเธอรู้สึกตัว เขาก็ได้ขับรถพาเธอออกมาจากคฤหาสน์แล้ว
นอกจากถนนสายหลักที่ลงจากเขาแล้วยังมีถนนเล็กๆ หลายสาย เวลาว่างสามารถปีนขึ้นเขา และเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ได้
เทวิกาเห็นศาลาชมวิวหลายจุดที่สร้างระหว่างทาง
บนภูเขามีต้นไม้และดอกไม้หลากหลายชนิด เมื่อมองจากระยะไกลจะเห็นเป็นสีเขียวและสีแดงละลานตาไปหมด
มีต้นยี่เข่งขึ้นอยู่เต็มสองข้างทาง ซึ่งตอนนี้เป็นฤดูที่ดอกยี่เข่งกำลังบานเต็มที่ ดอกยี่เข่งที่บานตามกิ่ง ไม่ว่าจะมองจากระยะไกลหรือใกล้ วิวทิวทัศน์ก็สวยงามเหมือนกันหมด
ไม่นานก็ขับมาถึงตีนเขา ยศพัฒน์ก็ค่อยๆ หยุดรถ
“วิกา จะขับไหม?”
“ตกลงกันแล้วไง ว่าฉันจะขับ”
เทวิกาปลดเข็มขัดนิรภัยทันที ผลักประตูเพื่อออกจากรถ แลกเปลี่ยนตำแหน่งกับยศพัฒน์
“กริ๊งๆๆๆ……”
เมื่อเทวิกากำลังจะขับรถ พี่ชายของเธอก็โทรหาเธอ
“พี่…”
เทวิกาเรียกชเนนทร์ที่อยู่ในปลายสายอย่างไพเราะ
“แกอยู่คฤหาสน์เปิลเหรอ?”
ชเนนทร์ถาม
“อืม”
“ไม่คิดจะบอกพี่เลยหรือไง พี่จะได้ไปด้วย เผื่อมีใครมากลั่นแกล้งแก แล้วคนในครอบครัวของเขาดีกับแกไหม? วิกา ถ้าผู้ใหญ่ในครอบครัวเขาทำไม่ดีกับแก ให้แกรีบออกมาเลยนะ อย่าลังเลแม้แต่วินาทีเดียว”
ชเนนทร์พูดออกมาดังมาก จนยศพัฒน์ที่อยู่ข้างๆได้ยินไปด้วย