คุณสามีพันล้าน - บทที่ 143 นฤเบศวร์ถูกบังคับให้แต่งงาน
“คุณปู่ รอผมตรวจสอบจนรู้ชัด ผมจะบอกคุณปู่ทีหลัง”
คุณปู่ภูธิปพูดเสียงทุ้ม “ตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน ขอแค่มีหลักฐานที่แน่ชัด ไม่ว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังก็ห้ามคิดจะเกรงใจ คิดจะทำอะไรก็ทำได้ กล้าแตะต้องคนของตระกูลอริยชัยกุลใจกล้ามาก”
สีหน้าของยศพัฒน์เปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “ใครคิดจะแตะต้องแม้แต่ผมเส้นเดียวของวิกาผมจะทำให้มันหัวล้าน!”
ชาติกำเนิดของเทวิกา ตอนนี้ยังตรวจสอบอะไรไม่ได้ ตอนนี้เขาจึงไม่อยากบอกรายละเอียดเรื่องนี้ให้คุณปู่รู้
คุณปู่กับคุณย่ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเทวิกาไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของบ้านตระกูลวาชัยยุง แต่เทวิกาเป็นลูกของใคร พวกเขาทั้งสองคิดว่าควรปล่อยให้หลานชายเป็นคนไปตรวจสอบ และเอาชนะใจหลานสะใภ้เอง
“ไปเถอะ ไปกินข้าวกันก่อน อย่าให้ย่าของแกสงสัย”
คุณปู่ภูธิปเอ่ยพูด แล้วลุกขึ้นเดินไปที่ห้องอาหาร
ผู้อาวุโสทั้งสอง ล้วนแต่อารมณ์ดี
มีหลานชายกับหลานสะใภ้มากินข้าวด้วย คุณย่าชนิศาจึงกินข้าวไปครึ่งชาม
ทางฝั่งตระกูลอริยชัยกุลมีความสุข แต่ทางตระกูลเดชอุปกลับไม่ค่อยดีนัก
นฤเบศวร์ถูกปู่เรียกกลับมาที่บ้าน เขาจึงต้องยกเลิกนัดหมายลูกค้าตอนเย็น และกลับบ้านพร้อมกับบอดี้การ์ด
“คุณชายครับ คุณท่านกำลังรอคุณอยู่ในห้องทำงานครับ”
พอนฤเบศวร์ลงจากรถ พ่อบ้านก็เข้ามารายงานอย่างนอบน้อม
ในขณะที่นฤเบศวร์เดินเข้าไปในบ้าน เขาถามพ่อบ้าน “คุณปู่เรียกฉันกลับมาเร่งด่วนขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น?”
พ่อบ้านยกยิ้ม “คุณชายได้เจอคุณท่านก็รู้แล้วครับ”
นฤเบศวร์ไม่ได้ถามอะไรอีก
คุณปู่รอเขาอยู่ในห้องทำงาน นั่นหมายความว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
พอเดินเข้าบ้านแล้วไม่เจอพ่อแม่ เขาเดาว่าพ่อแม่คงไม่อยู่บ้าน คุณแม่โดนคุณปู่ด่าว่า จึงอารมณ์ไม่ดี ปกติคุณพ่อต้องเกลี้ยกล่อมมพาด้วยการพาคุณแม่ออกไปเดินซื้อของให้สบายอารมณ์
นฤเบศวร์เดินผ่านห้องโถง และขึ้นไปชั้นบน
พอเขามาที่ห้องทำงานของคุณปู่ เขาก็ยกมือขึ้นแล้วเคาะประตู แล้วตะโกนพูด “คุณปู่ ผมเองครับ ผมกลับมาแล้ว”
“เข้ามาได้”
นฤเบศวร์ผลักประตูแล้วเดินเข้าไปข้างในห้อง จึงเห็นปู่ของเขานั่งอยู่บนโซฟา และกำลังพลิกปฏิทินในมือของเขา
บนโต๊ะกลมตรงหน้า มีทะเบียนบ้านวางอยู่
พอเห็นอย่างนี้ ในใจนฤเบศวร์รู้สึกว่าตัวเองแย่แล้ว
“ปิดประตูด้วย”
คุณท่านสั่ง
เดี๋ยวสองปู่หลานจะต้องทะเลาะกัน พอปิดประตู คนข้างนอกก็ไม่มีใครได้ยินว่าพวกเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร
นฤเบศวร์ปิดประตูตามคำสั่ง
“มานั่งนี่สิ ปู่มีเรื่องจะพูด”
หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก นฤเบศวร์ก็เข้ามานั่งลงข้างๆ ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขากำลังยิ้มแย้ม เขาวางมือบนไหล่ของคนเป็นปู่ แล้วถามอย่างเอาใจ “คุณปู่ กำลังดูอะไรอยู่ครับ?”
“ดูฤกษ์ดี เลือกวันดีให้แก แล้วไปจดทะเบียนสมรสกับกนกอรที่อำเภอ”
นี่ไง เรื่องไม่ดีจริงๆ ด้วย!
รอยยิ้มบนใบหน้าของนฤเบศวร์หุบลงทันที และแทบจะกระโดดขึ้นมา
“คุณปู่ ล้อเล่นใช่ไหมครับ ให้กนกอรกับผมไปจดทะเบียนสมรส ผมกับเธอยังรู้จักกันได้ไม่นาน ถึงแม้จะนัดดูตัวกันแล้ว แต่เราทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้ชอบกัน คุณปู่จะให้ผมไปจดทะเบียนสมรสกับเธอได้ยังไงครับ!”
บังคับให้เขาไปนัดดูตัวก็ช่างมันเถอะ แต่นี่ยังบังคับให้เขาแต่งงานกับกนกอรอีก
คุณปู่เร็นปิดปฏิทินปฏิทินในมือลง แล้วพูดว่า “วันมะรืนนี้จะเป็นวันดี พรุ่งนี้แกไปคุยกับกนกอรและทำการเตรียมแหวนแต่งงานไว้ให้พร้อม หลังจากจดทะเบียนสมรสเสร็จ พวกแกทั้งคู่ต้องสวมแหวนแต่งงานไว้ตลอด เพื่อประกาศว่าพวกแกแต่งงานกันแล้ว เป็นคนที่แต่งงานแล้ว”
“คุณปู่ครับ!”
นฤเบศวร์คำรามด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “คุณปู่ครับ อย่าแทรกมือเข้ามายุ่งกับการแต่งงานของผมได้ไหมครับ คุณปู่ก็รู้ว่าผมรักเปรมา รักมากด้วย นอกจากเปรมาแล้ว ฉันจะไม่มีวันรักผู้หญิงคนอื่นแน่นอน”
“กนกอรไม่คู่ควรกับผม และผมก็ไม่ได้รักเธอด้วย ผมจะไม่แต่งงานกับเธอเด็ดขาด!”
“ในสายตาของคุณปู่แล้ว ขอแค่ไม่ใช่เปรมา ใครก็แต่งงานกับผมได้อย่างนั้นเหรอครับ?”
นฤเบศวร์ไม่เคยคิดเลยว่าปู่ของเขาจะให้เขาแต่งงานกับกนกอร
เปรมามาจากครอบครัวผู้ดี ปู่ของเขากลับไม่ชอบเธอ แต่จริงๆ แต่ปู่ของเขากลับยอมรับกนกอรที่มาจากครอบครัวเล็กๆ
ถ้าไม่ได้รู้จักเปรมาก่อน นฤเบศวร์คิดว่าหญิงสาวธรรมดาอย่างกนกอรก็มีดีของตัวเอง อย่างน้อยตอนอยู่ด้วยกันเขาก็รู้สึกผ่อนคลายมาก แต่บางครั้งสิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นพูดออกมาก็ทำให้เขาสะอึกจนพูดไม่ออกได้เหมือนกัน
“แกรักเปรมามาก แล้วเปรมารักแกหรือไง”
คุณปู่เร็นถามอย่างเย็นชา
“เธอทำกับแกยังไง ปู่เห็นมาตลอดสิบกว่าปี แกเติบโตมาข้างกายปู่ คนที่ปู่เอ็นดูมากที่สุดคือแก หลานชายที่ปู่รักมากที่สุด กลับถูกเธอหลอกใช้งาน แกคิดว่าปู่ควรจะดีใจหรือไง”
“ปู่คิดว่า ถ้าแกถูกเธอทำร้ายจิตใจมากพอ แล้วจะยอมปล่อยวางได้ ปู่จึงได้แต่รอ รอให้แกได้สติ และหยุดถูกเปรมาหลอกใช้ประโยชน์ แต่แกทำให้ปู่ผิดหวังมาก”
“ตาเบศวร์ ไม่ใช่ว่าปู่ไม่ยอมรับเปรมา แต่เป็นเพราะเปรมาทำเกินไป ขอแค่เธอจริงใจกับแกบ้าง ปู่ยังพอจะรอได้ รอจนกว่าแกจะดึงหัวใจของเธอมาครอบครองได้อย่างสมบูรณ์”
“แต่แกก็เห็นว่าแล้ว ว่าเธอหมกมุ่นอยู่แต่กับพี่พัฒน์ ถึงแม้พี่พัฒน์จะแต่งงานแล้ว เธอก็ไม่ยอมปล่อยมือ พอเธอถูกปล่อยตัวออกมา เธอก็จะใช้แผนการที่บ้าระห่ำและชั่วร้ายมากขึ้นเพื่อแย่งพี่พัฒน์อย่างแน่นอน ถ้าไม่เชื่อ ปู่พนันกับแกได้เลย”
“และคนที่เธอจะหลอกใช้งานได้ก็มีแต่คนโง่อย่างแกกับแม่ของแก แกรักเธอสุดใจ เธอไม่รู้ก็แล้วไป แต่เธอรู้ว่าแกรักเธอ แล้วยังคิดจะหลอกใช้แก ตอนที่แกช่วยเธอตามจีบพี่พัฒน์ หรือว่าแกไม่รู้สึกอิจฉา ไม่รู้สึกเจ็บปวดเสียใจ?”
สีหน้าของนฤเบศวร์เริ่มซีดเผือด
คำพูดของคุณปู่ช่างทำร้ายจิตใจอย่างรุนแรง
เปรมาปฏิบัติกับเขายังไง เขารู้ดีแก่ใจ
“ตาเบศวร์ ฉันเป็นคนเลี้ยงแกมาจนโต ในด้านอื่น ๆ แกจัดการได้ดีจนน่าทึ่ง ปู่พอใจมาก สิ่งเดียวที่แกจัดการได้แย่มากก็คือด้านความรู้สึก ปู่ไม่พอใจมาก”
“สรุปก็คือ ถ้าปู่ยังมีชีวิตอยู่ แกอย่าแม้แต่จะคิดว่าจะได้แต่งงานกับเปรมา ถ้าแกกล้าที่จะแต่งงานกับเปรมา ฉันจะทำการประกาศตัดความสัมพันธ์กับแก ถือเสียว่าการเลี้ยงดูสั่งสอนแกมาตลอดยี่สิบกว่าปีเสียเปล่า”
นฤเบศวร์จ้องมองหน้าปู่ของตัวเอง แล้วพูดด้วยความเจ็บปวด “คุณปู่ครับ ต้องบังคับผมถึงขนาดนี้เลยเหรอ? ผมไม่ได้รักกนกอรคุณปู่ให้ผมแต่งงานกับเธอ ชีวิตแต่งงานของเราก็ไม่มีความสุข ถึงแม้ผมจะแต่งงานกับเธอ ผมก็จะไม่แตะต้องเธอ เธอจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เปรมาจะเป็นรักเดียวในใจของผม คุณปู่ทำแบบนี้เป็นการทำร้ายกนกอร”
“ในเมื่อคุณปู่อยากให้ผมแต่งงานกับกนกอร นั่นหมายความว่าคุณปู่เอ็นดูเธอมาก ดังนั้นคุณปู่จะทนให้หญิงสาวที่อายุเพียงยี่สิบสี่ปีต้องโดดเดี่ยวเหรอครับ?
คุณปู่เร็นพูดอย่างเย็นชา “ฉันไม่ได้มีหลานชายแค่แกคนเดียว ถ้าแกไม่ยอมมีเหลนให้ฉัน ตาคริษฐ์ก็มีให้ฉันได้ แต่จะแต่งหรือไม่แต่ง ถ้าแกไม่แต่ง ฉันจะตัดความสัมพันธ์กับแก แล้วแกก็ออกจากRA กรุ๊ปซะ ทุกสิ่งที่ได้จากฉันไป ก็เอาคืนฉันมาให้หมด”
“ถ้าแกไม่มีอะไรติดตัว ไม่มีอำนาจ แล้วยังถูกคนอื่นรังแก ฉันก็อยากจะรู้ว่าแกทำอะไรเพื่อเปรมาได้อีก ถ้าเปรมารู้ว่าแกไม่มีอะไรเหลือแล้ว เธอคงจะพยายามหลบหน้าแก กลัวว่าแกจะเกาะเธอกิน”
นฤเบศวร์จ้องมองไปที่ปู่ของเขาด้วยความโกรธ