คุณสามีพันล้าน - บทที่ 153 มีข่าวดี
ประยสย์โบกมือ บอดี้การ์ดทั้งสองก็เดินไปข้างหน้า จากนั้นจับตัวคุณหญิงสามแล้วลากตัวเธอออกไปข้างนอก
“ประยสย์!”
คุณย่าตะโกนห้ามออกมา “แกเห็นฉันตายไปแล้วเหรอ?ต่อหน้าย่าแกยังกล้าทำแบบนี้กับป้าสามของแกอีกเหรอ!”
“คุณย่า คุณย่าไม่รู้สึกเหรอว่าคุณป้าสามพูดมากเกินไปแล้ว?สร้างความวุ่นวายได้ทั้งวัน ทำให้คนอื่นรำคาญ หลังจากไล่เธอออกไปแล้ว คุณย่าไม่รู้สึกว่ามันสงบขึ้นเหรอ?”
คุณย่า: “……”
“ที่นี่เป็นบ้านของบ้านใหญ่ ถ้าป้าสามจะมาเยี่ยมเยียน หลานชายอย่างผมยินดีต้อนรับอยู่แล้ว แต่ถ้าเธอมาสร้างปัญหา ต้องขอโทษด้วย ผมไม่ยอมเธอแน่ เป็นผู้ใหญ่แล้วยังไงเหรอ?เธอมีความเป็นผู้ใหญ่บ้างไหม?”
แถมเป็นผู้รากมากดีอีกด้วย แค่มารยาทพื้นฐานยังไม่มีเลย
แม่เขาที่เสียสติ ยังดีกว่าป้าสามตั้งเยอะ
คุณย่า: “……”
ประยสย์จูงมือแม่ลงมาจากบันได เมื่อเดินผ่านหน้าคุณย่า ประยสย์ได้หยุดลง
เขาเอียงหน้ามองคุณย่า และพูดเตือนขึ้นมาว่า: “คุณย่า คุณย่ากับคุณปู่อาศัยอยู่กับครอบครัวของพวกเรามาโดยตลอด ถึงแม้คุณย่าจะรักลุงสามพวกเขามากกว่า แต่ก็อย่าทำเกินไปมากนัก แน่นอน ถ้าลุงสามกับป้าสามยินดีที่จะรับคุณย่ากับคุณปู่ไปอยู่ด้วย ไปดูแลและกตัญญูพวกท่าน ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”
“ผมพาคุณแม่ไปเดินเล่นก่อนนะ”
เมื่อประยสย์พูดจบ ก็ไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคุณย่าเลย จูงมือคุณแม่แล้วเดินออกไป
คำพูดของเขาทำให้คุณย่ารู้สึกโกรธมาก แต่ก็ทำอะไรเขาไม่ได้
คฤหาสน์ของตระกูลสาระทาหลังใหญ่มาก คุณย่ากับคุณปู่อยู่บ้านใหญ่มาทั้งชีวิต ถ้าจะให้เธอย้ายที่อยู่ไปที่อื่น เธอไม่ยินยอมอยู่แล้ว
ความจริงเธอรู้อยู่แก่ใจ อย่าคิดว่าสะใภ้ทั้งสองบ้านปรกติทำดีต่อเธอ ความจริงแล้วก็แค่ต้องการหลอกใช้เธอให้มาข่มเหงบ้านใหญ่ และต้องการอยากได้ผลประโยชน์จากเธอเท่านั้นเอง
ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณย่าสองสามีภรรยารวมกัน ยังมีอยู่เกือบหมื่นล้าน
โดยเฉพาะเครื่องประดับราคาแพงที่เธอสะสมไว้
ใครที่ทำให้เธอดีใจ ถ้าเธอยอมเปิดหีบสมบัติ มอบเครื่องประดับชิ้นใดชิ้นหนึ่งให้ ก็สามารถทำให้คนตกตะลึงได้เลย
บ้านใหญ่เป็นหัวหน้าครอบครัว ทรัพย์สมบัติก็มีเยอะที่สุด จึงไม่ได้จ้องแต่จะเอาสมบัติของคนแก่อย่างพวกเขา การอาศัยอยู่บ้านใหญ่ หนึ่งเป็นเพราะความคุ้นเคย สองคือสงบ สามคือไม่มีการวางแผนทำร้ายใคร
คุณหญิงบ้านใหญ่เสียสติแล้ว ไม่รู้จักวางแผนทำร้ายใครหรอก
ส่วนลูกชายคนโตกับประยสย์ก็งานยุ่ง ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไปวางแผนทำร้ายใคร
พลอยยังไม่แต่งเข้าบ้าน ยังอยู่ระหว่างเอาใจคุณย่าอยู่ ยังวางแผนทำร้ายใครไม่เป็น
คุณย่ามองหลานตัวเองที่จูงมือแม่ที่เสียสติออกไปโดยทำอะไรไม่ได้
เวลาผ่านไปนานมาก เธอถึงขยับตัว
จากนั้นเดินไปนั่งลงบนโซฟา และหลังจากที่นั่งลงแล้ว เริ่มเหม่อลอย และไม่รู้กำลังคิดอะไรอยู่
ป้าอ้อยเทน้ำอุ่นให้เธอแก้วหนึ่ง
จากนั้นเดินออกไปเงียบๆ
เมื่อสองแม่ลูกเดินไปถึงสนามหญ้าแล้ว ประยสย์ถึงได้โทรศัพท์หาคนของตัวเอง
“เป็นยังไงบ้าง มีความคืบหน้าอะไรไหม?”
ประยสย์ถามเสียงทุ้มต่ำออกมา
ในขณะที่เขาคุยโทรศัพท์อยู่นั้น ไม่ลืมที่จะหันไปมองแม่ เพราะกลัวว่าแม่จะเดินออกไปกะทันหัน
สติของคุณแม่ไม่ดีแล้ว ไม่เพียงแต่จำลูกชายคนนี้ไม่ได้ แม้แต่บ้านของตัวเองก็ยังจำไม่ได้ ถ้าไม่มีคนดูแลอยู่ ก็จะหลงทาง และไม่สามารถกลับเข้าบ้านเองได้
ตอนที่เขายังเด็ก จำได้ว่ามีอยู่บ่อยครั้งหลังจากที่คุณแม่ออกไปแล้วไม่รู้ทางกลับมา และตอนที่หาคุณแม่เจอ คุณแม่จะตกอยู่ในสภาพที่หิวโซและสกปรกมาก แถมบางครั้งก็ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
“คุณชาย มีข่าวดี”
เสียงของอีกฝั่งฟังดูตื่นเต้นมาก
พวกเขาช่วยคุณชายตามหาน้องสาวที่หายสาบสูญไปหลายปีแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มีความคืบหน้าเสียที
เมื่อได้ยินแบบนี้ ประยสย์กำโทรศัพท์ไว้แน่น ถามเสียงทุ้มต่ำออกมาว่า: “น้องสาวผมอยู่ที่ไหน?”
“คุณชาย ตอนนี้ยังไม่แน่ใจว่าคุณหนูอยู่ที่ไหน พวกเราตรวจสอบเจอว่า ในแวดวงสังคมชั้นสูงในเมืองใหญ่หลายๆ แห่ง มีคนไปสอบถามว่ามีใครเคยทำลูกหายไหมซึ่งคนที่สอบถามคือตระกูลเดชอุปแห่งเมืองแอคเซสซ์”
“เมืองแอคเซสซ์มีตระกูลใหญ่ๆ อยู่หลายตระกูล ซึ่งร่ำรวยมั่งคั่ง มีอำนาจบารมี และตระกูลเดชอุปก็เป็นตระกูลหนึ่งในนั้น”
“ไม่นานมานี้ ผู้เฒ่าของตระกูลเดชอุปได้สอบถามไปทั่วว่ายี่สิบกว่าปีก่อนบ้านไหนได้ทำลูกสาวหายตัวไป”
ประยสย์ตะลึงไปพักหนึ่ง “เมืองแอคเซสซ์เหรอ?”
คนของเขารวมตัวกันตามหาน้องสาวที่เมืองเรวาเป็นหลัก แต่กลับไม่เคยคิดมาก่อนว่าน้องสาวของเขาจะหลงไปอยู่ในเมืองแอคเซสซ์
“แน่ใจแล้วใช่ไหม?”
“แน่ใจแล้ว ก็คือผู้เฒ่าของตระกูลเดชอุปนั่นเอง”
“ถ้างั้น คุณหนูอยู่ไหน?”
“ยังไม่รู้ แต่ว่าในเมื่อผู้เฒ่าของตระกูลเดชอุปทำแบบนี้ ก็แสดงว่าเคยเห็นคุณหนูมาก่อน”
ประยสย์ตอบอืมออกมา เพราะเขาก็คิดแบบนี้เหมือนกัน
“ได้ ผมรู้แล้ว”
“พวกคุณไปที่เมืองแอคเซสซ์แล้วไปตรวจสอบหญิงสาวที่อายุใกล้เคียงในเมืองแอคเซสซ์ ช่วยตรวจสอบให้ผมอย่างละเอียดอีกหนึ่งรอบ”
เขาเองก็ต้องหาเวลา บินไปเมืองแอคเซสซ์เงียบๆ ครั้งหนึ่ง เพื่อไปเยี่ยมเยียนผู้เฒ่าของตระกูลเดชอุป
“ได้ครับ”
หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว ประยสย์เอียงหน้าไปมองคุณแม่ที่อยู่ข้างๆ
คุณหญิงก็เงยหน้ามองเขาเช่นกัน
สายตาสองแม่ลูกประสบกัน สายตาของคุณหญิงใสซื่อและสงบ ไร้ลมไร้พายุ
“แม่”
ประยสย์พูดเสียงต่ำออกมาว่า: “ดาวอาจจะอยู่เมืองแอคเซสซ์ก็ได้ ผมคิดว่า ผมจะรีบบินไปเมืองแอคเซสซ์รอบหนึ่ง แต่ทิ้งแม่ไว้ที่บ้านคนเดียว ผมก็เป็นห่วง”
จู่ๆ คุณหญิงก็จับมือเขาไว้แน่น
ทำให้ประยสย์ตกใจ
“ไซม่อน คุณเคยบอกว่าชาตินี้ทั้งชาติพวกเราจะไม่มีทางพรากจากกันเด็ดขาด”
คำพูดของคุณหญิงทำให้ประยสย์ตื่นมาจากอาการตกใจ
เขานึกว่าคุณแม่ได้ยินแล้วเสียอีก
ปรากฏว่าแม่ยังคงเห็นเขาเป็นคุณพ่อเหมือนเดิม
“ฉันจะไปกับคุณ!”
คุณหญิงพูดออกมาอย่างดื้อรั้น
ประยสย์พูดปลอบใจคุณแม่ออกมาว่า: “ได้ๆๆ แม่ ผมพาแม่ไปด้วย แต่ว่า แม่ แม่ต้องอยู่อย่างสงบนะ เวลาที่ผมยุ่ง แม่อย่างวิ่งไปไหนเรื่อยเปื่อยเด็ดขาดนะ”
เขาเองก็ไม่ไว้ใจที่จะให้คุณแม่อยู่บ้านคนเดียว
ถ้าเขาบินไปที่เมืองแอคเซสซ์ คุณแม่ก็จะไม่มีที่พึ่งอีก คนพวกนั้นก็จะฉวยโอกาสมาทรมานคุณแม่อีก
ถึงแม้ว่า การพาแม่ออกจากบ้าน จะเป็นการโจ่งแจ้งเกินไป แต่อย่างน้อยก็รับประกันความปลอดภัยของคุณแม่ได้
คุณหญิงเมื่อได้รับคำตอบแล้ว จึงยอมปล่อยมือลูกชายออก จากนั้นร้องไห้กล่อมตุ๊กตาในอ้อมแขนต่ออีก ทั้งๆ ที่ตุ๊กตาไม่มีเสียงอะไรเลย
ประยสย์รีบโทรศัพท์หาผู้ช่วยตัวเอง เพื่อให้อีกฝ่ายช่วยเขาเตรียมการ เขาต้องการบินไปเมืองแอคเซสซ์ทันที
จากนั้น เธอแจ้งให้ป้าอ้อยทราบอีกคน เขามีเรื่องด่วนที่ต้องไปจัดการกะทันหัน จำเป็นต้องเดินทางไกล เนื่องจากเป็นห่วงคุณแม่ จึงตัดสินใจพาคุณแม่ไปด้วย ให้ป้าอ้อยช่วยคุณแม่เก็บเสื้อผ้าสักสามสี่ชุด
เมื่อเครื่องบินส่วนตัวเตรียมพร้อมแล้ว ประยสย์พาคุณแม่นั่งเครื่องบินส่วนตัว บินหลายพันไมล์เพื่อไปเมืองแอคเซสซ์
ในขณะที่อยู่บนเครื่องบิน เขานึกถึงฝันร้ายของคุณแม่ขึ้นมาอีกครั้ง
คนในครอบครัวเขาต้องมีคนรู้ว่าน้องสาวของเขาอยู่ที่ไหนแน่นอน
ประยสย์ดีใจที่คนของเขาได้ค้นพบเจอร่องรอยเช่นเดียวกัน
หวังว่า เขาจะสามารถปกป้องน้องสาวได้ทัน
ประยสย์พาคุณแม่ออกจากบ้าน ใช้ข้ออ้างว่าไปทำงาน ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องปลอม
นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาทำงานที่โอเอ กรุ๊ป ก็ไม่เคยออกไปทำงานต่างถิ่นมาก่อนเลย
เพราะกลัวแม่ที่เสียสติจะถูกคนรังแก
ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของตระกูลสาระทา ไซม่อนเมื่อรู้ว่าลูกชายพาแม่ออกเดินทางไกลไปด้วย เขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงช่วยลูกชายปิดบัง เมื่อมีคนพูดจาใส่ร้าย ก็ช่วยแก้ตัวว่าไปทำงานจริง และเขาเองที่เป็นคนสั่งให้ลูกชายไปทำงาน
สถานที่ที่ประยสย์เดินทางไปจริงๆ และจากการปกป้องของคุณพ่อ ในระยะสั้นนี้ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าเขาไปทำงานที่ไหน หรือไปเจอคนสำคัญอะไร อย่างเช่นน้องสาวที่หายตัวไปยี่สิบกว่าปี