คุณสามีพันล้าน - บทที่ 161 อย่ามาเสียใจภายหลัง
“แม่!”
นฤเบศวร์พูดขัดความคิดของแม่ที่มีต่อคุณปู่กับกนกอรขึ้นมา
เขาไม่ได้อยากปกป้องกนกอร แต่เมื่อได้ยินคุณแม่คาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างคุณปู่กับกนกอรแล้ว ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะพูดห้ามปรามออกมา
“ถึงแม้คุณปู่จะบังคับผมก็จริง แต่กนกอรไม่ได้บังคับผม แต่เป็นผมต่างหากที่บังคับกนกอร เพราะกนกอรติดหนี้บุญคุณผม ผมให้เธอชดใช้หนี้บุญคุณให้ผม เธอไม่มีทางเลือก จึงยอมจดทะเบียนสมรสกับผม แม่อย่าพูดใส่ร้ายกนกอรตลอดเวลาได้ไหม”
บัณฑิตา: “……ถึงแม้เรื่องมันจะเป็นแบบนี้ก็ตาม แต่เพราะกนกอรปรากฏตัว แกถึงถูกคุณปู่บังคับ มันเป็นความผิดของเธอเหมือนกัน”
นฤเบศวร์หันไปมองคุณแม่สักพัก ขี้เกียจจะคุยกับคุณแม่ต่อ จึงทิ้งคำพูดไว้ว่า: “แม่ เรื่องของผม แม่ไม่ต้องยุ่ง ผมไม่ใช่เด็กสามขวบแล้ว เรื่องของผม ผมจัดการเองได้”
พูดจบ เขาเดินผ่านคุณแม่ แล้วเดินออกไป
“นฤเบศวร์ นฤเบศวร์”
บัณฑิตาเรียกติดต่อกันออกมาสองครั้ง นฤเบศวร์ก็ไม่สนใจเธอ
ทำให้เธอโมโหจนอยากขว้างขวดเหล้าออกไป แต่ก็กลัวว่าจะก่อความวุ่นวาย ทำให้ไอ้แก่ในบ้านไม่พอใจ จึงกระดกเหล้าเข้าไปในปาก
กนกอร เธอคอยดู!
เธอต้องให้กนกอรได้รับรู้ให้ได้ ว่าการเป็นสะใภ้ใหญ่ในตระกูลเดชอุปไม่ใช่จะเป็นกันได้ง่ายๆ
นฤเบศวร์ลงมาจากดาดฟ้า แล้วเข้าไปในห้องนอนของคุณปู่โดยตรง เขาเคาะประตู แต่ไม่มีเสียงตอบรับออกมา
ดีที่ลุงเซนได้ยินเสียง จึงเดินมาหา พูดขึ้นอย่างเคารพว่า: “คุณชายใหญ่ คุณท่านอยู่ในห้องหนังสือ”
หลังจากที่นฤเบศวร์รับรู้แล้ว ได้เดินเข้าไปหาคุณปู่ในห้องหนังสือทันที
ในมือเขายังถือขวดเหล้าไว้อยู่
เขาที่ดื่มเหล้าไปไม่น้อย เดินไปในห้องหนังสือด้วยกลิ่นกายที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า
คุณปู่ใส่แว่นตาคนแก่อยู่ และในมือถือหนังสือไว้หนึ่งเล่ม
เมื่อได้ยินเสียงคนเดิน เขาไม่ได้หันไปมองคนที่เดินเข้ามา แต่ได้กลิ่นเหล้า เขาจึงขมวดคิ้ว ปิดหนังสือลง แล้วหันไปมองหลานคนโต
“มาหาปู่ดื่มเหล้าเหรอ?”
คุณปู่เหลือบมองเหล้าในมือของนฤเบศวร์ที่ถือมา
“ผมดื่มมันแล้ว ขอไม่ให้คุณปู่ดื่มแล้วกันนะ”
นฤเบศวร์วางแก้วไวน์ลง แล้วมองไปที่คุณปู่ “คุณปู่ ผมทำตามที่คุณปู่ขอแล้ว คุณปู่ให้เวลาผมหายใจหน่อยได้ไหม?”
“ความหมายของแกคือ?”
“คุณปู่ให้แค่คนในครอบครัวของเรารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับกนกอรก็พอได้ไหม อย่าเปิดเผยความสัมพันธ์ของผมกับกนกอรให้คนนอกรู้ ผมต้องการเวลาเพื่อปรับตัวกับมันสักระยะหนึ่ง”
คำพูดประโยคสุดท้ายของนฤเบศวร์พูดออกมาด้วยความละอายใจเล็กน้อย
เขาไม่ได้ต้องการเวลาในการปรับตัว แค่ไม่อยากให้เปรมารู้เรื่องเท่านั้นเอง
คุณปู่เงียบไปนานมาก แต่เมื่อเห็นสายตาที่อ้อนวอนของหลานชายแล้ว เขาถอนหายใจ
ออกมา แล้วพูดขึ้นว่า: “ปู่รู้ว่าแกไม่พอใจ
ก็ได้ ในเมื่อแกแต่งงานแล้ว ปู่ก็จะไม่ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของแกอีก แต่มีเรื่องหนึ่งที่แกต้อง
จำไว้ ห้ามให้มันกระทบต่อRA กรุ๊ปเด็ดขาด มิฉะนั้นอย่าหาว่าปู่ไม่เกรงใจนะ”
นฤเบศวร์โล่งใจออกมา
แล้วรีบพูดยืนยันออกมาว่า: “คุณปู่ ผมรู้แล้ว”
ขอแค่คุณปู่ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาก็พอ
“แกไม่อยากให้คนอื่นรู้ความสัมพันธ์ระหว่างแกกับกนกอร หวังว่าสักวันหนึ่ง แกอย่ามาเสียใจภายหลังก็แล้วกัน”
คุณปู่พูดจบ ก็ไล่เขาออกไป: “ช่วงนี้ไม่ต้องกลับมา ปู่ไม่อยากเห็นหน้าแก”
นฤเบศวร์เผ่นออกไปเร็วยิ่งกว่ากระต่ายเสียอีก
ช่วงนี้เขาก็ไม่อยากเจอหน้าคุณปู่เหมือนกัน
เมื่อออกมาจากห้องหนังสือ นฤเบศวร์ส่งข้อความให้คริษฐ์ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขาทันที ใช้น้ำเสียงข่มขู่เพื่อเป็นการเตือนคริษฐ์เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกนกอร ถ้าถูกบ้านสามพวกเขาทำเรื่องรั่วไหลออกไป อย่ามาโทษหาว่าเขาไม่เกรงใจบ้านสามก็แล้วกัน
คริษฐ์ไม่มีทางพูดออกไปอยู่แล้ว แต่แม่ของเขาต้องพูดแน่นอน นฤเบศวร์ต้องการให้คริษฐ์ไปเตือนคุณหญิงสามต่างหาก
คริษฐ์ตอบกลับออกมาทันทีว่า:พี่ใหญ่วางใจได้ เรื่องนี้จะไม่มีทางรั่วไหลออกไปจากบ้านสามของพวกเราเด็ดขาด
พวกเขาสองคนได้แข่งขันกันอย่างลับๆ มาก่อนอยู่แล้ว นฤเบศวร์รู้จักลูกพี่ลูกน้องคนนี้ดี ในเมื่อเขารับปากแล้ว ก็ต้องทำได้แน่นอนอยู่แล้ว
ถึงแม้คุณหญิงสามอยากประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนได้รับรู้ แต่เพื่ออนาคตของลูกๆแล้ว เธอต้องอดทนเก็บมันไว้ไม่พูดออกไป
ตลอดทั้งคืนไม่มีคำพูดอะไรอีก
วันรุ่งขึ้น
ตีสี่ฝนเริ่มตก และตกหนักมาก ตกจนกระทั่งถึงหกโมงเช้าถึงค่อยๆ หยุดลง
หลังฝนตกเสร็จ ก็เช้าพอดี ทำให้อากาศดีเป็นพิเศษ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เทวิกาต้องออกไปเดินเล่นสักรอบ เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์หลังฝนตก
วันนี้ เธอตื่นเช้าเป็นพิเศษ แต่กลับวุ่นอยู่แต่ในห้องครัว
เธอกำลังต้มน้ำซุปอยู่
ต้มน้ำซุปให้คุณหญิงธิษณา
การตรวจDNAของเธอกับคุณหญิง ยศพัฒน์ได้ให้คนไปดำเนินการแล้ว โดยไม่ให้ใครรู้เรื่องนี้ ทุกอย่างเป็นความลับ และได้จัดวางคนให้ค่อยเฝ้าระวังเรื่องนี้อยู่ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครไปทำอะไรมันได้เด็ดขาด
เทวิกาเคยเจอคนที่ไม่เป็นมิตรกับเธอแล้วสองครั้ง แสดงว่าเงามืดที่อยู่เบื้องหลังได้เข้ามาถึงเมืองแอคเซสซ์แล้ว ระวังตัวไว้หน่อยก็เป็นเรื่องดีเหมือนกัน
เมื่อยศพัฒน์ตื่นนอน เขายื่นมือไปคลำข้างๆ ด้วยความเคยชิน แต่กลับคลำไม่เจอหญิงสาว ทำให้เขารีบตื่นขึ้นมานั่งทันที จากนั้นเรียกออกมาว่า: “เทวิกา เทวิกา”
ภายในห้องไม่มีคนตอบรับเขา
“เช้าขนาดนี้ไปไหนกันนะ”
เขาบ่นพึมพำไปด้วย ลุกออกจากเตียงไปด้วย
มองดูเวลายังเช้ามาก จึงเปลี่ยนเสื้อออกกำลังกาย กะว่าจะออกไปวิ่งข้างนอกตอนเช้า
หลังจากที่เขาลงมาถึงชั้นล่าง เจอคุณย่าที่เพิ่งออกมาจากห้องก่อนพอดี
คนแก่ทั้งสองเนื่องจากอายุมากแล้ว จึงพักกันอยู่ที่ชั้นหนึ่ง
“คุณย่า อรุนสวัสดิ์”
ยศพัฒน์ยิ้มอ่อนโยน แล้วพูดทักทายอรุณสวัสดิ์กับคุณย่า
เมื่อคุณย่าเห็นหลานชายที่หน้าตาหล่อเหลาคนนี้ อารมณ์ดีขึ้นมาก ใบหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “อรุนสวัสดิ์ นี่จะเป็นวิ่งตอนเช้าเหรอ?”
“เช้านี้ฝกตกหนัก พื้นเปียกไปหมด แกควรจะไปห้องออกกำลังกายมากกว่าไปวิ่งข้างนอกตอนเช้านะ”
คุณย่าเตือนหลานชายออกมาด้วยความหวังดี
“ฝนตกเหรอเช้านี้ มิน่าหล่ะเช้านี้อากาศถึงเย็นกว่าปรกติ ผมไม่รู้เลยว่าฝนตก”
นอนหลับสนิทมาก
“วิกาหล่ะ?”
“เช้านี้ผมตื่นขึ้นมาเธอก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว น่าจะอยู่ข้างนอกมั้ง”
เทวิกาชอบคฤหัสถ์เมเปิลมาก ตื่นเช้า น่าจะไปเดินเล่นบริเวณรอบๆ คฤหาสน์แน่เลย
“คุณชาย คุณหญิงใหญ่”
คนใช้ป้าเฟิร์นเดินออกมาจากห้องครัว เธอออกมาเพื่อหยิบของ แต่ได้ยินบทสนทนาเข้าพอดี ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า: “คุณเทวิกากำลังต้มน้ำซุปอยู่ในห้องครัวให้คุณชายใหญ่อยู่ค่ะ”
คุณชายใหญ่ทำงานเหนื่อยขนาดนี้ คุณเทวิกาต้องเป็นห่วงมากเน่เลย
ถึงตื่นเช้าขนาดนี้ และแย่งงานของพวกเธอไปหมด ทั้งเตรียมวัตถุดิบส่วนผสมเอง ต้มน้ำซุปให้คุณชายด้วยตัวเองคนเดียวทั้งหมด
ตอนนี้ใกล้ต้มเสร็จแล้ว ห้องครัวหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นของน้ำซุป
“คุณเทวิกาห่อเกี้ยวให้คุณชายใหญ่ด้วย ใกล้นึ่งเสร็จแล้ว แถมทำอาหารเช้าอีกหลายอย่าง ฝีมือของคุณเทวิกาช่างสุดยอดจริงๆ”
ป้าเฟิร์นชื่นชมฝีมือการทำอาหารของเทวิกาไม่หยุด
เทวิกาเปิดร้านกาแฟ ถึงแม้ในร้านจะจ้างพ่อครัวทำติ่มซำ แต่เธอกับกนกอรก็ทำเป็น แถมทำได้ดีอีกด้วย
ห้องครัวของตระกูลอริยชัยกุล วัตถุดิบอะไรก็มี ล้วนเป็นของสดที่เพิ่งซื้อกลับมาทั้งนั้น
เธออยากทำอาหารเช้าอะไร ก็มีวัตถุดิบครบหมดทุกอย่าง
เมื่อได้ยินแบบนั้น ยศพัฒน์ยิ้มกว้างออกมาทันที
“มิน่าหล่ะผมลงมาจากชั้นบนก็ได้กลิ่นหอมโชยออกมาเลย”
ยศพัฒน์พูดไปด้วยเดินเข้าไปในห้องครัวด้วย
คุณย่าอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา: “เมื่อกี้ไม่เห็นได้ยินเขาพูดว่าได้กลิ่นหอมเลย ตอนนี้รู้ว่าวิกาวุ่นอยู่ในห้องครัว จมูกของเขาก็กลายเป็นจมูกสุนัขไปเลยเหรอ”
คุณย่าไม่ได้เข้าไปในครัว เธอเดินไปนั่งบนโซฟาด้วยความเคยชิน และดูหนังสือพิมพ์ของเช้าวันนี้ก่อน