คุณสามีพันล้าน - บทที่ 165 แม่ลูกอยู่ด้วยกัน
เทวิกายิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน ตอนนี้คุณหญิงธิษณาไม่ได้สติ ในความทรงจำของคุณหญิงธิษณา ลูกสาวและลูกชายของเธออายุแค่ไม่กี่เดือนเอง ความทรงจำของเธอหยุดอยู่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน
เทวิกาอ่อนโยนต่อเธอมาก และมีความอดทนมาก
หลังจากที่ผลตรวจDNAออกมาแล้ว แน่ใจว่าทั้งสองคนเป็นแม่ลูกกันจริงๆแล้ว เธอจะลองดูว่าจะสามารถรื้อฟื้นความทรงจำของคุณแม่ให้กลับมาเป็นปรกติได้ไหม
ตอนนี้เธอพอจะรู้เรื่องราวคร่าวๆแล้ว เธอไม่ได้ถูกพ่อแม่แท้ๆทอดทิ้ง แต่เป็นเพราะพลัดพรากจากกันต่างหาก ส่วนจะเป็นการพลัดพรากโดยบังเอิญหรือมีอย่างอื่นแอบแฝง ตอนนี้ยังไม่สามารถรู้ได้
ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุอะไร ต่างส่งผลกระทบร้ายแรงต่อแม่ทั้งนั้น
เธอเสียใจแทนคุณหญิงธิษณา ไม่รู้ว่าหลังจากที่เธอสูญเสียลูกสาวไป คุณหญิงธิษณาต้องพบเจออะไรบ้าง
ตอนนี้มีแค่ประยสย์ลูกชายคนนี้อยู่เคียงข้างคุณหญิงธิษณา เทวิกาเดาว่าชีวิตการแต่งงานของคุณหญิงธิษณาต้องมีปัญหาเกิดขึ้นแน่
“จริงเหรอ ถ้างั้นก็แสดงว่ามีพรหมลิขิตกันจริงๆ ฉันก็ว่าแล้วแค่เห็นหน้าคุณฉันก็รู้สึกชอบคุณมากเป็นพิเศษ และอยากใกล้ชิดคุณมาก ที่แท้คุณก็ชื่อวิกา ชื่อเหมือนลูกสาวฉันนั่นเอง”
คุณหญิงธิษณาดีใจมาก ยิ้มออกมาอย่างไร้เดียงสา
เทวิกาเก็บความเสียใจไว้ เปิดกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิที่เธอเอามาทีละกล่อง อาหารเช้าที่เธอทำเอง ถูกเธอเอาออกมาทีละกล่อง จากนั้นวางไว้บนโต๊ะตรงหัวเตียง และบนโต๊ะก็ถูกวางกล่องข้าวจนเต็มไปหมดในไม่ช้า
“คุณป้าธิษณา วันนี้ฉันตื่นมาแต่เช้า เพื่อต้มน้ำซุปให้คุณ และได้ทำอาหารเช้าหลายอย่าง คุณลองชิมฝีมือฉันดู ถ้ารู้สึกว่ามันอร่อย เดี๋ยวฉันจะทำมาให้คุณทุกวันเลย”
เมื่อเห็นมือทั้งสองของคุณหญิงธิษณาถูกผ้าพันแผลพันไว้
เทวิกาหยิบถ้วยที่เอามาด้วยไปล้างให้สะอาด แล้วเทน้ำซุปให้คุณหญิงธิษณาหนึ่งถ้วย จากนั้นนั่งลงบนขอบเตียง ป้อนน้ำซุปให้คุณหญิงธิษณากิน
“ฉันกินเองได้”
ถึงแม้คุณหญิงธิษณาจะพูดออกมาแบบนั้น แต่กลับให้ความร่วมมือมาก เทวิกาป้อนเธอหนึ่งคำ เธอก็ดื่มมันหนึ่งคำ
“มือของคุณบาดเจ็บอยู่ อุ้มตุ๊กตาได้ไม่กระทบอะไร แต่ถ้าถือถ้วยน้ำซุปไว้ ฉันกลัวมือของคุณจะเจ็บ ฉันว่าฉันป้อนคุณดีกว่า”
“น้ำซุปอร่อยไหม?”
“อร่อย อร่อย อร่อยมาก ฉันชอบ”
คุณหญิงธิษณาเหมือนเด็กมาก พยักหน้าอย่างตั้งใจ และตอบออกมาอย่างตั้งใจ
เทวิกาคีบเกี๊ยวกุ้งป้อนเธออีกหนึ่งชิ้น
เมืองซูเพร่ากับเมืองแอคเซสซ์ระยะห่างพันกว่าไมล์ การใช้ชีวิตของทั้งสองเมืองแตกต่างกันก็เป็นเรื่องปรกติ
คุณหญิงธิษณาน่าจะไม่ค่อยได้กินติ่มซำสไตล์กวางตุ้ง เมื่อเธอกินเกี๊ยวกุ้งลงไปคำหนึ่ง ตาเปร่งประกายขึ้นมาทันที แล้วพูดกับเทวิกาว่า: “วิกา อันนี้อร่อย เนื้อกุ้งข้างในทั้งสดทั้งอร่อย เป็นของสดที่เพิ่งมาจากทะเลสินะ”
ถึงแม้จะเป็นคุณหญิงของตระกูลสาระทา และถึงแม้คุณหญิงธิษณาจะเสียสติแล้ว แต่ก็ยังมีรสนิยมอยู่ หลังจากได้ชิมเกี๊ยวกุ้งของเทวิกาแล้ว ก็พูดถึงรสชาติของความสดและความอร่อยของเนื้อกุ้งออกมาได้
เทวิกาพูดชื่นชมออกมาว่า: “ลิ้นของคุณป้าธิษณาช่างเก่งกาจเหลือเกิน แค่ชิมก็รู้แล้ว ว่าวัตถุดิบไส้ข้างในพวกนี้เป็นของสด”
ตระกูลอริยชัยกุลร่ำรวยและมีอำนาจ แถมมีเกาะส่วนตัวอีกด้วย ถ้าอยากกินอาหารทะเลสดๆ ก็แค่ออกคำสั่งลงไป ก็สามารถกินอาหารทะเลที่หามาได้ทันที จากนั้นส่งไปที่คฤหาสน์ รับรองว่าเจ้านายได้กินอาหารทะเลที่สดและอร่อยแน่นอน
เมื่อเทวิกาเข้าไปในห้องครัว และหลังจากได้เห็นวัตถุดิบแล้ว ก็รู้สึกทึ่งในความร่ำรวยและอำนาจของตระกูลสามี วัตถุดิบเตรียมไว้ครบเครื่องพร้อมเพรียงกันทุกวัน ทุกอย่างล้วนเป็นของที่ดีที่สุด และสดที่สุด
มีวัตถุดิบที่สดใหม่ขนาดนั้น จึงเพิ่มคะแนนให้กับติ่มซำอาหารเช้าที่เธอทำออกมาไม่น้อย
“เมื่อก่อนฉันเองก็ชอบเข้าครัวมากเหมือนกัน สามีของฉันชอบกินอาหารที่ฉันทำ ต่อมาฉันต้องดูแลลูกและมีคนจำนวนมากต้องการแย่งลูกของฉัน ฉันจึงต้องอุ้มลูกอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ได้เข้าครัวทำอาหารอีก”
เทวิกาถามเธอออกมาเบาๆ : “ใครจะแย่งลูก ของคุณเหรอ?”
“คนร้าย คนชั่วร้าย ชอบฉวยโอกาสตอนที่สามีฉันไม่อยู่บ้าน หาวิธีต่างๆมารังแกฉัน ฉันสู้เธอไม่ได้ เธอร้ายกาจมากตอนนี้เมื่อฉันเห็นเธอ ฉันก็คงรู้สึกกลัว”
ผู้หญิงร้ายในปากของคุณหญิงธิษณาก็คือพลอยสินะ เมื่อเอ่ยเรื่องนี้กับเทวิกา เธอยังรู้สึกกลัวจนต้องหดตัวไว้เลย
เทวิกาฟังแล้วรู้สึกทั้งเสียใจทั้งโกรธ
เธอไม่ได้ถามต่อไปอีก ความกลัวของคุณหญิงธิษณา ทำให้เธอไม่กล้าถามออกไปอีก
ประยสย์มองดูทั้งสองคน เห็นตอนที่คุณแม่พูดคุยกับเทวิกาอยู่นั้น การพูดจาของเธอดูเหมือนคนปรกติมาก เขารู้สึกดีใจมาก ถ้าหากเทวิกาเป็นพี่น้องฝาแฝดของเขาจริงๆ มีเทวิกาอยู่เป็นเพื่อนแม่บางที คุณแม่อาจค่อยๆกลับมาเป็นปรกติอีกครั้งก็เป็นได้
“คุณประยสย์”
จู่ๆ เทวิกาก็หันหน้าไปมองเขา
“คุณเองก็กินน้ำซุปหน่อย กินอาหารเช้าด้วย คุณดูแลคุณป้าธิษณามาทั้งคืนแล้ว น่าจะเหนื่อยแล้ว หลังจากกินอาหารเสร็จ ก็ไปพักผ่อนก่อนเถอะเดี๋ยวฉันอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณป้าเอง”
เมื่อเทวิกาพูดจบก็พูดกับยศพัฒน์ว่า: “ยศพัฒน์ คุณไปทำงานเถอะ เรื่องในร้าน เดี๋ยวฉันโทรหากนกอรเอง ให้กนกอรเป็นคนช่วยดูช่างที่มาตกแต่งก็พอ”
ยศพัฒน์เงียบไปสักพัก แล้วตอบอืมออกมา “ผมกลับไปที่บริษัทก่อน มีเรื่องอะไรก็โทรหาผมนะ”
เทวิกาจะดูแลคุณแม่ ประยสย์รู้สึกดีใจมาก
เขาพูดกับยศพัฒน์ว่า: “คุณพัฒน์ เดี๋ยวผมไปส่งคุณ”
ยศพัฒน์ให้ประยสย์ส่งเขาออกไปจากห้องผู้ป่วยด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากภรรยาไป
ชายหนุ่มทั้งสองเดินออกมาพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างไม่ได้พูดอะไร
ประยสย์ส่งเขามาถึงหน้าประตูใหญ่ของโรงพยาบาล
“คุณพัฒน์ ขอบคุณคุณมาก!”
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก และถึงแม้ผมจะทำอะไร นั่นก็เป็นเพราะว่าผมทำเพื่อภรรยาของผม”
ไม่ง่ายเลยกว่าประยสย์จะมีรอยยิ้มออกมาได้ เขามองยศพัฒน์ “ดูออก ว่าคุณพัฒน์รักวิกามาก ผมได้ไปสืบดูเรื่องราวของพวกคุณแล้ว พวกคุณเพิ่งจดทะเบียนสมรสได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนเลย แต่รู้จักกันมาสิบเอ็ดปีกว่าแล้ว วิกาคือกระต่ายน้อย ส่วนคุณยศพัฒน์ก็คือจิ้งจอกเฒ่า หมาป่าตัวใหญ่นั่นเอง”
“ถ้าหาก วิกาเป็นน้องสาวฝาแฝดของผมจริงๆ ผมคิดว่า……”
“ผมกับวิกาจดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ได้จัดงานแต่งกัน แต่พวกเราก็เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ผมเคยพูดกับวิกาไว้แล้ว เธอจะมีก็เเค่สามีตายไปจากเธอ เเต่จะไม่มีโอกาสได้หย่าร้างกันเด็ดขาด!”
ยศพัฒน์นึกว่าหลังจากที่ประยสย์เจอน้องสาวแล้ว จะขัดขวางเขากับเทวิกาอยู่ด้วยกัน จึงรีบแสดงสิทธิ์ทั้งหมดของเขาออกมาอย่างเผด็จการ
เขาเป็นสามีของเทวิกา!
เป็นทั้งชีวิต!
ถ้ามีชาติหน้า เขาก็ขอโลภหน่อย แม้แต่ชาติหน้าก็ขอจับจองล่วงหน้าไว้ก่อน
เขาลงทุนไปไม่น้อย ถึงใช้เวลาภายในครึ่งเดือนสั้นๆนี้ ให้เทวิกายอมรับเขา และไม่เอ่ยเรื่องหย่าร้างกับเขาขึ้นมาอีก
จะให้เรื่องการได้เจอญาติ มากระทบต่อแผนการรักภรรยาของเขาไม่ได้
“ผมกับน้องสาวเป็นฝาแฝดกัน ปีนี้พวกเราอายุยี่สิบสี่ปีแล้ว ถือว่าอายุยังน้อยอยู่ ถ้าวิกาเป็นน้องสาวของผมจริงๆ ผมไม่มีทางขัดขวางคุณยศพัฒน์กับวิกาแน่ เพียงแค่หวังว่างานแต่งระหว่างคุณยศพัฒน์กับวิกาจะสามารถเลื่อนออกไปหน่อย แล้วให้วิกากลับบ้านไปกับผม ให้พวกเราได้ชดเชยวิกาหน่อย”
“สองปี คุณพัฒน์ พวกเราขอเวลาสองปี”
“วิกากลับบ้านไปกับคุณ ไม่ได้กระทบต่องานแต่งของผมกับเธอ ผมขอไม่ปิดบังคุณประยสย์ ผมได้เริ่มเตรียมงานแต่งของผมกับวิกาแล้ว แค่รอให้พ่อแม่ผมกลับมาจากท่องเที่ยว ก็สามารถจัดงานแต่งได้แล้ว”
ยศพัฒน์ไม่ยอมถอยให้ เขาจึงพูดขึ้นว่า: “ถึงแม้ผมจะจัดงานแต่งงานกับวิกา ผมก็สามารถพาเธอไปพักที่บ้านคุณได้บ้าง”
ประยสย์: “……แต่ว่า……พูดแบบนี้ดีกว่า ถ้าหากวิกาเป็นน้องสาวของผม เมื่อเธอกลับไปที่ตระกูลสาระทา เธอสามารถสืบทอดสมบัติครึ่งหนึ่งของพ่อผม สมบัติส่วนตัวของพ่อผมหลักๆก็จะมีบริษัท ร้านค้า บ้านและอื่นๆ ”