คุณสามีพันล้าน - บทที่ 197 แม่สองคน
อีกทั้งเปรมายังทุบทำลายร้านของคนอื่นเพราะอิจฉาอีก จนขึ้นเทรนด์ข่าวยอดนิยม ชื่อเสียงเสียหาย ซ้ำยศพัฒน์เองก็ตั้งแง่ใส่เธออีก ทำให้เส้นทางธุรกิจของเธอยากลำบากมากๆ
บ้านตระกูลไชยรัตน์ก็จะสร้างบ้านใหม่อีก นฤเบศวร์เดาว่าเธอไม่น่าจะไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น
“ก็ยังมีนายอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
นฤเบศวร์พูดไม่ออกทันที
เปรมายังร้องไห้กล่าวโทษอะไรบางอย่างในโทรศัพท์ นฤเบศวร์ฟังไม่เข้าไปอีกแล้ว ท้ายที่สุด เขาจึงเอ่ยว่า “เปรมา ฉันขับรถก่อน เรื่องที่เธอถูกกชนิภาตบตี ฉันจะช่วยเธอจัดการเอง วางใจเถอะ จะทำให้กชนิภามาขอโทษเธอแน่ ๆ”
จากนั้น เขาก็กดวางสาย
กนกอรรู้ว่าเขาอารมณ์ไม่ดี
เธอจึงไม่ได้เยาะเย้ยเขา เพียงแค่เอ่ยถามว่า “นายยังขับรถต่อได้ไหม? ถ้าขับไม่ได้ก็ให้ฉันมาขับ”
นฤเบศวร์สลับที่กับเธอเงียบๆ
กนกอรลอบเหน็บแนมในใจว่า: เปรมานี่เก่งมากเสียจริง แค่โทรศัพท์สายเดียวก็ทำให้ประธาน RA กรุ๊ปเศร้าเสียใจได้ขนาดนี้
ประธานตัวร้ายเองก็รักเปรมามากจริงๆ
ณ คฤหัสน์เมเปิล
หลังจากพิชญ์สินีรู้ว่านี่ไม่ใช่ทางไป One Day In Coffee ก็ถามคนขับรถว่าจะพาพวกเขาไปไหน
คนขับรถตอบอย่างนอบน้อมว่า “ไปคฤหัสถ์เมเปิลครับ ก็คือบ้านที่แท้จริงของคุณชาย”
พิชญ์สินีอึ้งชะงักครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงอ้อ และไม่ได้ถามต่ออีก
เธอรู้ ว่าคนขับรถก็เป็นแค่คนขับรถ ไม่มีทางรู้ว่าทำไมลูกเขยเธอถึงสั่งแบบนี้
ในเมื่อเป็นคำสั่งของลูกเขย ก็ย่อมมีเหตุผลของเขาเอง เธอเองก็ไม่รีบร้อน รอถึงคฤหัสถ์เมเปิลเมื่อไหร่ ก็จะรู้เจตนาก็ลูกเขยเอง
ยศพัฒน์ไม่ได้บอกแม่ยายตรงๆ เพราะเขาอยากให้เทวิกาเป็นคนอธิบายเอง
เทวิกาเป็นลูกบุญธรรมของบ้านตระกูลวาชัยยุง ตอนนี้เธอหาพ่อแม่แท้ๆของเธอเจอแล้ว เรื่องนี้ ให้เธอบอกคนบ้านตระกูลวาชัยยุงเองจะดีกว่า นี่ก็เป็นการให้เกียรติพวกเขาด้วย
“คฤหัสถ์เมเปิลเป็นบ้านที่แท้จริงของพัฒน์ ครอบครัวของเขาก็คงอาศัยอยู่ที่นั่นกันหมดเลยใช่ไหม สินี นี่เรากำลังจะไปเจอครอบครัวของหลานเขยเหรอ? แต่เราเอาไปแค่พวกของฝากท้องถิ่น ไปเจอครอบครัวเขาแบบนี้ จะดูซอมซ่อไปหรือเปล่า?”
คุณย่าโบว์กังวลว่าไปเจอครอบครัวหลานเขยครั้งแรก ถ้าดูซอมซ่อเกินไปแล้วจะถูกพวกเขารังเกียจ
รังเกียจพวกเขานั้นไม่เท่าไหร่ แต่กลัวว่านี่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้วิกาถูกครอบครัวสามีรังเกียจไปด้วย
พัฒน์เองก็ไม่พูดให้แน่ชัดเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเธอก็คงเอาเงินเก็บออกมาเตรียมของกำนัลดีๆไปฝาก ไม่ถึงกับดูยากจนซอมซ่อขนาดนี้
“พ่อหนุ่ม แถวนี้มีซูเปอร์มาร์เก็ตไหม? จอดให้เราลงไปซื้อของหน่อยได้หรือเปล่า?”
คนขับรถตอบว่า “ปลายทางของถนนเส้นนี้ก็คือคฤหัสถ์เมเปิล ไม่มีซูเปอร์มาร์เก็ตระหว่างทางครับ ท่านไม่ต้องกังวลหรอกครับ คุณปู่ภูธิปและคุณย่าชนิศาเป็นกันเองมากๆ และก็ไม่มีอคติเรื่องฐานะ ไม่ว่าพวกคุณจะเอาของอะไรมาฝาก พวกท่านก็จะไม่มีทางรังเกียจหรอกครับ”
เขาเคยได้ยินมาก่อน ว่าตอนที่คุณนายน้อยมาคฤหัสถ์เมเปิลกับคุณชายครั้งแรก เธอก็เอาของฝากท้องถิ่นมากมายมาฝากด้วยเช่นกัน ก็ถูกพวกคุณชายคุณหญิงแย่งกันจนไม่เหลือซาก มีรังเกียจสักที่ไหนกัน?
เขาเองก็เป็นคนขับรถของตระกูลอริยชัยกุลมาหลายปีแล้ว ตระกูลอริยชัยกุลเป็นตระกูลเศรษฐีที่แตกต่างจากคนอื่นจริงๆ พวกเขาเป็นกันเองและถ่อมตัวมากๆ
เพียงแต่คฤหัสน์เมเปิลไม่เปิดให้คนนอกเข้า ดูลึกลับมากเกินไป จึงให้ความรู้สึกเหมือนว่าคนตระกูลอริยชัยกุลนั้นถือตัวและหยิ่งยโส
เพราะเป็นตระกูลเศรษฐีอันดับหนึ่ง
พิชญ์สินีเองก็พูดปลอบพ่อแม่สามีว่า “พ่อ แม่ หนูเคยเจอคุณปู่คุณย่าของพัฒน์มาก่อน พวกเขาเป็นกันเองจริงๆ ครั้งก่อนเราเองก็ให้ของฝากท้องถิ่นไปมากมาย พัฒน์ยังบอกเลยว่าคนในบ้านเขาชอบมากๆ”
ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ แต่มีพัฒน์อยู่ พิชญ์สินีก็รู้สึกว่าคนตระกูลอริยชัยกุลจะให้เกียรติพวกเขาแน่นอน
คุณย่าโบว์เอ่ยเสียงพึมพำว่า “งั้นก็ดี งั้นก็ดี”
แต่สุดท้ายก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจ
กลัวว่าครอบครัวฝั่งนั้นจะรังเกียจ
ไม่นาน รถก็ถูกขับมาถึงตีนเขาคฤหัสถ์เมเปิล
คนบ้านตระกูลวาชัยยุงมองออกไปนอกหน้าต่าง ก็สามารถเห็นทิวทัศน์ของตีนเขาได้อย่างชัดเจน มีทุ่งนาและทุ่งดอกไม้ที่กว้างใหญ่ไพศาล มีภูเขามีแม่น้ำ ส่วนใหญ่แล้วจะปลูกต้นผลไม้ และก็มีบ้านมากมาย ไม่เหมือนครอบครัวเดียว กลับเหมือนหมู่บ้านหนึ่งซะมากมาย
มีภูเขามีแม่น้ำมีทุ่งนามีสวนไร่ เหมือนที่ยศพัฒน์บอกในตอนนั้นจริงๆด้วย ว่าบ้านพวกเขาเองก็ทำนาปลูกดอกไม้เช่นกัน……
รถขับไปตามทางภูเขาจนไปถึงยอดเขา
สองสามีภรรยายศพัฒน์กลับมาถึงคฤหัสถ์นานแล้ว ตอนนี้พวกเขากำลังรออยู่หน้าประตูคฤหัสถ์
คนขับรถลดความเร็วลง ขับเข้าไปในคฤหัสถ์ช้าๆ รอจนกระทั่งรถจอด สองสามีภรรยาเทวิกาก็เดินมาต้อนรับ
“คุณปู่คุณย่า”
สองสามีภรรยาหนุ่มสาวพยุงคนแก่ลงจากรถ
คุณย่าโบว์จับมือของหลานสาวเอาไว้ เอ่ยเสียงเบาว่า “ถนนภูเขานั้นเส้นคดเคี้ยวมากเลย วิกา คราวหลังเธอก็อย่าขับรถลงเขาเองเลย ฝีมือขับรถของเธอย่าไม่ไว้ใจ”
วิกายิ้มแหยๆ
“คุณย่าวางใจเถอะครับ ผมให้คนขับรถรับส่งวิกาโดยเฉพาะ ไม่ให้เธอมีโอกาสได้จับพวงมาลัยเด็ดขาด”
คำพูดของยศพัฒน์ทำให้คุณย่าโบว์เบาใจ
ตลอดทั้งทางที่ขึ้นเขา ใจของคนแก่ก็อยู่ไม่สุขเลย
กลัวว่าคนขับรถไม่ระวัง จนทั้งรถทั้งคนจะกลิ้งตกเขา
เทวิกาแอบหยิกแขนของยศพัฒน์ทีหนึ่ง
ตอนนี้เธอเสียใจภายหลังมากที่พายศพัฒน์ไปขับรถเล่น ทำให้เขารู้ว่าเธอขับรถซิ่งเหมือนเสือ แล้วไม่ยอมให้เธอขับรถเองอีก นี่ก็ไม่ได้จับพวงมาลัยแล้วจริงๆด้วย
เมื่อรู้ว่าคนบ้านตระกูลวาชัยยุงมาแล้ว สองสามีภรรยาปู่ภูธิปก็พาลูกชายและลูกสะใภ้เดินออกมาจากบ้าน
สองครอบครัวพบหน้ากัน ก็ทักทายถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันสักพัก จนกระทั่งประยสย์พาแม่มาถึงคฤหัสถ์เมเปิล
เมื่อเห็นประยสย์ที่หน้าตาคล้ายคลึงกับเทวิกาอยู่บางส่วน คนบ้านตระกูลวาชัยยุงก็เหมือนจะเข้าใจเจตนาของยศพัฒน์แล้ว
นี่คือ ครอบครัวที่แท้จริงของวิกาสินะ?
ไม่ต้องรอให้พวกเขาปริปากถาม เทวิกาก็อธิบายว่า “เมื่อคืนหนูโทรหาแม่ เดิมทีอยากจะบอกเรื่องนี้กับแม่ แต่เราสองคนแม่ลูกคุยเรื่องสัพเพเหระกันจนเพลิน จนหนูลืมไปเลย ก็เลยคิดว่ามาคุยกันต่อหน้าวันนี้เลยดีกว่า”
พิชญ์สินีถามด้วยความรู้สึกสับสนว่า “พวกเขาคือ?”
“พี่ชายฝาแฝดกับแม่แท้ๆของหนู”
เทวิกาจับมือของแม่เอาไว้ “แม่ แม้หนูจะหาครอบครัวแท้ๆของหนูเจอแล้ว แต่หนูก็ยังคงเป็นลูกสาวของพ่อกับแม่นะ”
พิชญ์สินีตบหลังมือลูกสาวเบาๆ “แม่ไม่คิดมากหรอก แม่เชื่อเธอ เธอสามารถตามหาครอบครัวแท้ๆเจอได้เร็วขนาดนี้ แม่ก็ดีใจกับเธอด้วย”
“แม่”
เทวิกากอดแม่อย่างซาบซึ้งใจ
พิชญ์สินีตบแผ่นหลังเธอเบาๆ
เทวิกาหาครอบครัวแท้ๆของตัวเองเจอ ไม่ว่าจะเป็นคนตระกูลอริยชัยกุลหรือบ้านตระกูลวาชัยยุงก็ต่างดีใจกับเธอทั้งนั้น
“วิกา”
ทันทีที่คุณหญิงธิษณาลงจากรถและเห็นเทวิกา เธอก็อยากจะเดินไปหา แต่กลับถูกประยสย์รั้งไว้เสียก่อน
ไม่รอให้เทวิกาได้พูดกับแม่บุญธรรม คุณหญิงธิษณาก็สะบัดมือลูกชายออก ก่อนจะอุ้มตุ๊กตาเดินไป แล้วตะโกนเรียกยิ้มๆว่า “วิกา วิกา”
จากฝันของเทวิกา พิชญ์สินีเดาว่าแม่แท้ๆของเทวิกาเป็นบ้าไปแล้ว ตอนนี้พอเห็นคุณหญิงธิษณาอุ้มตุ๊กตาแล้วเรียกมันว่าวิกา ไม่ได้เห็นวิกาเป็นลูกสาว พิชญ์สินีก็รู้สึกปวดใจแทนลูกสาว
และรู้สึกสงสารคุณหญิงธิษณา
ทั้งที่ตามหาลูกสาวแท้ๆเจอแล้ว อยู่ตรงหน้านี่เอง
แต่คุณหญิงธิษณากลับอุ้มตุ๊กตาแล้วเรียกมันว่าลูกสาว
“วิกา วิกา”
คุณหญิงธิษณาเดินเข้ามาใกล้ แล้วยิ้มเอ่ยว่า “วิกา นี่คือบ้านเธอเหรอ? ตอนมา สามีฉันบอกฉันว่า จะมาเป็นแขกที่บ้านเธอ”
พิชญ์สินีมองประยสย์และบอดี้การ์ดด้านหลังเขา พลันถามเทวิกาเสียงเบาว่า “ใครเป็นพ่อแท้ๆของเธอ?”
ดูจากอายุของผู้ชายเหล่านั้นแล้วยังหนุ่มกันทั้งนั้น ไม่มีใครเหมือนพ่อของเทวิกาเลยสักคน