คุณสามีพันล้าน - บทที่ 237 มันต้องดีขึ้น
“คนวรันธรเสียชีวิตแล้ว เธอพรากลูกสาวของแม่ไปจริง ๆ แต่ตอนนี้ก็เจอลูกสาวของแม่แล้ว หนูเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของแม่ ลูกของแม่ไงคะ และวิกาของแม่ไง……”
เทวิกาทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้น กอดขาแม่ของเธอและร้องไห้ออกมา
“วิกา”
“วิกา”
คนเป็นแม่สองคน และแม่สามีหนึ่งคน ตะโกนออกมาพร้อมกัน จากนั้นทั้งพิชญ์สินีและณัชชาก็ก้มลงพยายามพยุงเทวิกาลุกขึ้น
“วิกา ให้เวลาแม่ของหนูหน่อย อย่าบังคับเธอเลย เธอเสียสติมา 20 กว่าปี ไม่ใช่แค่สิบวันครึ่งเดือน ก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้”
พิชญ์สินีพลางพยุงลูกสาวให้ลุกขึ้น พลางพูดปลอบโยนอย่างเป็นห่วง
แม่ลูกคู่นี้ ช่างน่าสงสารจริง ๆ
แม่เสียสติเพราะสูญเสียลูกสาวมากว่า 20 ปี เมื่อแม่และลูกสาวได้พบกันอีกครั้ง ไม่มีความทรงจำร่วมกัน แม้คนเป็นแม่ปากเรียกหาแต่วิกา ทว่า ยังแบ่งเป็นลูกเป็นสองคน
การที่เทวิการู้สึกเสียใจนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
คุณหญิงธิษณาก้มหน้าลง สองมือไปจับเทวิกาไว้ เหมือนอยากจะช่วยพยุงเธอขึ้นมาเช่นกัน
ด้วยการช่วยของแม่ทั้งสาม เทวิกาลุกขึ้นยืน เธอหันไปกอดแม่บุญธรรมของเธอ น้ำตาที่ไหลออกมาเปียกโชกเสื้อผ้าของพิชญ์สินี
คุณหญิงธิษณาจ้องมองเธออย่างว่างเปล่าด้วยสายตาที่เศร้าหมองและสับสน
สุดท้าย เธอก็ก้มลงไปหยิบตุ๊กตาขึ้นมา ถือตุ๊กตาแล้วเหม่อลอย
เทวิกาที่สติแตกไปชั่วขณะ สงบลงภายใต้การปลอบโยนเงียบ ๆ ของแม่บุญธรรมของเธอ
เธอปาดน้ำตาและพูดขอโทษแม่สามี: “แม่คะ หนูขอโทษนะคะ หนูอดไม่ได้จริง ๆ..….”
“แม่เข้าใจ ๆ”
ณัชชาตบบ่าของเธอด้วยความรักและความเห็นใจ แล้วพูดปลอบว่า “วิกา ลูกก็อย่าไปใจร้อนมากสิ อาการแบบแม่หนู ต้องให้เวลาหน่อย”
เทวิกาพูดอย่างเจ็บปวด “หนูก็รู้ว่ามันต้องใช้เวลาค่ะ แต่หนูก็อดไม่ได้จริง ๆ……”
เมื่อเห็นแม่แท้ ๆ ของเธอถือตุ๊กตาแล้วเหม่อลอย เทวิการู้สึกเป็นทุกข์มาก เธอก้าวไปข้างหน้า และจับแขนของแม่เธอ แม้ว่าใบหน้าของเธอจะยังมีน้ำตาอยู่ก็ตาม เธอยิ้มและพูดกับแม่ของเธอว่า “แม่คะ เมื่อกี้เป็นความผิดของหนูเอง หนูไม่ควรไปแย่งลูกของแม่ หนูแค่อิจฉาที่แม่เห็นมันสำคัญกว่าหนู หนู……จะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วค่ะ แม่อย่าโกรธเลยนะคะ”
คุณหญิงธิษณาไม่พูดอะไร เพียงจ้องมองเธอและตุ๊กตาอย่างเหม่อลอย จากนั้น เธอก็ถือตุ๊กตาแล้วเดินเข้าไปในบ้านอย่างเหม่อลอย
ทุกคนรีบตามเข้าไปในบ้าน
มีคนนั่งอยู่ในบ้านหลายคน สำหรับเทวิกา พวกเขานั้นล้วนเป็นผู้อาวุโส
เมื่อทุกคนเห็นคุณหญิงธิษณาเข้ามา เดิมที พวกเขาอยากจะทักทาย แต่เมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงไม่มีใครเอ่ยปาก พวกเขามองดูคุณหญิงธิษณาเดินเข้ามา และเดินขึ้นไปชั้นบนโดยตรง
เทวิกาตามแม่ของเธอขึ้นไปชั้นบน เห็นแม่เดินเข้าไปในห้องที่ตัวเองพักอยู่ตอนนี้ จากนั้นปิดประตูแล้วล็อกห้อง
เทวิกาไปเคาะประตู แต่แม่ของเธอไม่สนใจเธอ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเปิดประตู
“วิกา”
ณัชชายืนอยู่ข้างหลังเธอและพูดขึ้นเบา ๆ : “ลูกปล่อยให้แม่ของตัวเองอยู่คนเดียวไปก่อน เธอดูเหมือนจะมีสติขึ้นแล้วเล็กน้อย ปล่อยให้เธอสงบลง และจัดการกับความทรงจำตัวเอง บางที ความทรงจำบางอย่างอาจเจ็บปวดเกินไปสำหรับเธอ จนทำให้เธอไม่เต็มใจที่จะเผชิญกับมันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา”
“แม่เชื่อมั่นในตัวเธอว่า ต้องผ่านจุดนี้ไปได้อย่างแน่นอน”
เทวิกาพยักหน้า
แม่เสียสติเพราะเสียใจกับการสูญเสียลูกสาว และเพราะเธอไม่สามารถเผชิญกับความเป็นจริงได้ ดังนั้นเธอจึงเสียสติ หลังจากที่เธอเสียสติ ความทรงจำของเธอก็หยุดอยู่ที่ ก่อนที่ลูกสาวของเธอจะอายุได้ครึ่งขวบ เธอคุยเรื่องราวในอดีตกับเทวิกา ล้วนเป็นเรื่องราวที่ ก่อนวิกาจะอายุครึ่งขวบ
เรื่องที่วรันธรพาวิกาไปนั้น เป็นอุปสรรค์ที่คุณหญิงธิษณาไม่สามารถเอาชนะได้
“ไปเถอะ เราลงไปข้างล่างกัน ให้แม่ของลูกอยู่คนเดียวไปก่อน”
ณัชชากอดไหล่ของเทวิกา แล้วพาเทวิกาลงไปชั้นล่าง
แม่สามีและลูกสะใภ้เพิ่งพบกันครั้งแรก แต่พวกเธอสนิทกันเหมือนแม่ลูกแท้ ๆ เลย
เพราะเรื่องของแม่แท้ ๆ ตัวเอง เทวิกาจึงอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ทำได้เพียง พยายามควบคุมมารยาทและความสุภาพของเธอไว้ เพื่อไม่ให้หยาบคายเกินไปต่อหน้าพ่อแม่สามีและผู้อาวุโสทั้งหลาย
ตอนที่ยศพัฒน์กลับมาก็เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว
พี่ภรรยาสองคนของเขา กลับมาพร้อมกับเขาด้วย
เขาไม่ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อน ที่เขากลับมาป่านนี้ ก็เพราะไปรับประยสย์ที่สนามบิน
ชเนนทร์นั้นมาที่นี่เอง แต่ไปเจอกันระหว่างทาง จึงกลับมาด้วยกัน
เมื่อเขาเข้าไปในบ้าน ก็เห็นพ่อแม่ของเขาอยู่ ยศพัฒน์ไม่มีทีท่าแปลกใจ และเดินเข้าไปพร้อมพี่ภรรยาสองคน
“พ่อ แม่ กลับมาแล้วเหรอครับ”
“อืม”
ณัชชาตอบกลับเบา ๆ และสายตาของเธอก็จ้องไปที่ประยสย์และชเนนทร์ ชเนนทร์เหมือนเป็นคนตระกูลวาชัยยุง เธอแค่มองก็สามารถเดาตัวตนของชเนนทร์ได้อย่างรวดเร็ว และใบหน้าของเธอก็ยิ้มออกมา สายตาที่เธอมองชเนนทร์นั้น มีความรักมากกว่าตอนที่เธอมองยศพัฒน์เสียอีก
เมื่อมองไปที่ประยสย์อีกครั้ง เธอขมวดคิ้วและถามขึ้นว่า “เจ้าห้า ลูกไปทำศัลยกรรมมาเหรอ?ทำไมหน้าถึงเปลี่ยนไปจากเดิมล่ะ?”
แม่ของเขาจำคนผิดแล้ว ยศพัฒน์ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “แม่ครับ นี่ไม่ใช่เจ้าห้าครับ นี่คือประยสย์ พี่ภรรยาอีกคนของผม นายน้อยตระกูลสาระทาแห่งเมืองซูเพร่า”
หลังจากที่ประยสย์เจอพ่อแม่ของตัวเองแล้ว เขาก็กลับเมืองแอคเซสซ์ไป
เดินทางไปมาทั้งวัน แม้จะเหนื่อย แต่เขาก็มีความสุขและเต็มใจ
ยศพัฒน์รีบแนะนำพี่ภรรยาทั้งสองให้พ่อแม่ของเขารู้จัก
จัตรภัคที่ยากจะชื่นชมผู้อื่น พูดขึ้นว่า “ล้วนเป็นคนที่โดดเด่นในบรรดาผู้คนจริง ๆ”
พี่ชายสองคนของลูกสะใภ้ ไม่ว่าจะเป็นพี่ทางสายเลือดหรือพี่บุญธรรม ต่างก็เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์และมีความสามารถ ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานและจะทำการใหญ่ในอนาคต
ชเนนทร์พูดด้วยรอยยิ้ม: “ลุงภัคชมเกินไปครับ ถ้าเทียบผมกับพัฒน์ เขานั้นเป็นคนที่โดดเด่น เหมือนหงส์มังกรในฝูงชน ส่วนผมเป็นคนธรรมดาทั่วไป เหมือนไก่เดินดินเลยครับ”
“ผมก็เทียบกับพัฒน์ไม่ได้เหมือนกัน”
ประยสย์พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม เขาเป็นคนจริงจังมาโดยตลอด และไม่ชอบหัวเราะ แต่คำพูดของชเนนทร์ที่บอกว่าตัวเองเป็นไก่เดินดินนั้น ทำให้เขาหัวเราะออกมา
วิกาถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี นั่นเป็นเพราะสมาชิกในครอบครัวตระกูลวาชัยยุงนั้น ล้วนเป็นคนดีมาก และพวกเขาก็พูดจาตลกมาก
ณัชชายิ้มโดยยังคงจ้องมองไปที่ชเนนทร์ และพูดว่า “พี่ชายของวิกาเองหรอกเหรอ ทำไมหน้าตาคล้ายกับเจ้าห้าแบบนี้ แม่ก็นึกว่าเจ้าห้าไปทำศัลยกรรมมาเสียอีก”
ณัชชาหัวเราะแล้วพูดขึ้น “หน้าตาคล้ายกันจริง ๆ”
“ลินท์แต่งหน้าให้เขาน่ะครับ ผมให้ลินท์แต่งหน้าให้เขาตามสไตล์เจ้าห้าครับ”
ยศพัฒน์พูดอธิบายเพิ่มเติม
“ไม่น่าล่ะ ที่แท้ก็เป็นฝีมือของลินท์นี่เอง” ณัชชาก็ตระหนักได้ในทันทีและไม่แปลกใจอีกต่อไป จะเห็นได้ว่าความสามารถของมิลินท์นั้น ฝังรากลึกอยู่ในหัวใจของตระกูลอริยชัยกุล
“กินข้าวมากันหรือยัง?ถ้ายังไม่กิน จะให้แม่บ้านเตรียมอาหารให้พวกลูก?”
“ลุงภัค น้าชาครับ ผมกินมาแล้ว ส่วนพัฒน์กับประยสย์ยังไม่น่ากินครับ”
ชเนนทร์กินข้าวแล้วค่อยมาที่นี่
ณัชชาไปสั่งแม่บ้านให้เตรียมอาหารให้ลูกชาย
ยศพัฒน์ถามถึงผู้เฒ่าทั้งสี่ และได้รับคำตอบว่าพวกท่านหลับไปแล้ว เขาก็ไม่อยากไปรบกวน สุดท้าย เขาก็ถามขึ้นว่า “แม่ครับ วิกาล่ะครับ?แล้วก็แม่ยายทั้งสองของผมล่ะครับ?”
ระหว่างแม่กับลูกไม่จำเป็นต้องถามหรืออธิบายอะไรมากมาย แค่พ่อแม่กลับบ้าน พวกเขาจะรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเขาและเทวิกา
“อยู่ชั้นบน แม่ยายของลูกขังตัวเองไว้ในห้อง ข้าวเย็นก็ไม่ยอมกิน วิกาเป็นห่วงและกำลังเกลี้ยกล่อมเธออยู่”
ณัชชาพูดพร้อมกับถอนหายใจ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ประยสย์ก็รีบขึ้นไปชั้นบนทันที
ยศพัฒน์และชเนนทร์ไม่รีรออะไร รีบตามขึ้นไปชั้นบนทันที
“ที่รัก ฉันสงสารและเป็นห่วงวิกาจังเลย”
ณัชชานั่งลงและถอนหายใจ “ประยสย์ก็เหมือนกัน ประยสย์ก็น่าสงสารมาก หวังว่าพระเจ้าจะใจดีกับพวกเขา ให้คุณหญิงธิษณาดีขึ้นเร็ว ๆ และให้จำวิกาได้อย่างแท้จริง ภาพที่วิกาคุกเข่าและร้องไห้นั้น ดีที่พัฒน์ไม่เห็น มิเช่นนั้น เขาต้องเป็นห่วงมากแน่ ๆ”
“มันจะต้องดีขึ้น!”
จัตรภัคพูดขึ้นเสียงเบา