คุณสามีพันล้าน - บทที่ 244 พ่อลูกพบกัน
เทวิกามองแม่แท้ๆแวบหนึ่งอย่างรวดเร็ว กดเสียงเบาเอ่ยว่า “อีกครู่ฉันจะไป”
“ได้ ทางที่ดีที่สุดพาบอดี้การ์ดบ้านเธอมาด้วย จะได้ไม่ถูกคนแอบอ้าง”
เทวิกาไม่ใช่ลูกแท้ๆของบ้านตระกูลวาชัยยุง แต่ตอนนี้เธอเป็นคุณนายน้อยของตระกูลอริยชัยกุล บางคนที่ใจกล้า ก็ไม่แน่ว่าจะแอบอ้างจริงๆ
“พี่ชายฉันกลับมาแล้ว ฉันจะให้เขาไปดูเป็นเพื่อนฉัน ใช่แล้ว จะบอกข่าวดีอย่างหนึ่งกับเธอ คุณแม่ฉันได้สติแล้ว ได้สติเต็มร้อย จำเรื่องในอดีตได้ และจำฉันกับพี่ชายได้แล้ว”
กนกอรยิ้มเบิกบานทันที และแสดงความยินดีกับเพื่อนสนิททางโทรศัพท์
อาการป่วยทางใจก็ต้องตามหาสาเหตุที่ทำให้จิตใจได้รับความเสียใจ จากนั้นค่อยให้ยารักษา
คุณหญิงธิษณาเสียลูกไปถึงได้เป็นบ้า ตามหาลูกสาวกลับมาได้ ก็ค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมา
เทวิการ้อนใจอยากไปดูว่าผู้มาเยือนที่ร้านเป็นพ่อแท้ๆใช่หรือไม่ จึงไม่ได้คุยกับกนกอรนานเกินไป
พ่อแท้ๆมาแล้ว เทวิกาไม่ได้บอกแม่แท้ๆชั่วคราว เธอไม่รู้ว่าหลังจากที่แม่แท้ๆได้สติคืนมา จะสามารถเผชิญหน้ากับสามีเฮงซวยอย่างไม่บันยะบันยังคนนั้นได้หรือไม่
ภายในOne Day In Coffee ไซม่อนนั่งอยู่ในมุมคนเดียว ตรงหน้าเขามีกาแฟวางอยู่แก้วหนึ่ง และขนมหวานสองสามจาน เขาสั่งเอง เขาอยากจะชิมว่าขนมร้านลูกสาวอร่อยหรือไม่
กนกอรยังต้องรับรองลูกค้าคนอื่นๆ จึงไม่ได้มารบกวนเขา
เขามองเหล่าลูกค้าที่เข้ามาไม่ขาดสายเงียบๆ เลือกที่นั่งแล้วนั่งลง สั่งกาแฟที่ตัวเองชอบ และขนมมานิดหน่อย ดื่มกาแฟอย่างสบายอารมณ์ไป พลางอ่านหนังสือพิมพ์ที่หยิบมาจากชั้นวางหนังสือพิมพ์ และเล่นโทรศัพท์มือถือ
บางคนที่มากับเพื่อนๆ ก็พูดคุยกันเสียงเบาๆ
อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อม ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการจึงไม่กล้าเสียงดัง
นั่งอยู่ตรงนี้ ฟังบทเพลงอันไพเราะ มองดูผู้คน ลิ้มรสกาแฟอย่างไม่รีบร้อน ไซม่อนพลันรู้สึกว่าชีวิตแบบนี้สบายใจมาก
เขาไม่เคยใช้ชีวิตว่างๆขนาดนี้
ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยแผนการ แม้จะอยู่ในบ้านตัวเอง เขาก็ไม่กล้าผ่อนคลายจิตใจ กลัวว่าจะถูกคนเล่นงาน
อุณหภูมิด้านนอกสูงขึ้นเรื่อยๆ เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใกล้จะเที่ยงแล้ว
สองพี่น้องเทวิกาพาบอดี้การ์ดสองคนเดินเข้ามา
“วิกา พี่ประยสย์”
กนกอรเข้าไปต้อนรับทั้งสองคน
เธอมองไปทางไซม่อนที่อยู่ตรงมุม เอ่ยกับสองพี่น้องว่า “คุณลุงคนนั้น”
เทวิกามองไปทางไซม่อนที่นั่งอยู่ในมุม
ตอนที่ไซม่อนเห็นลูกชายลูกสาวเดินเข้ามา ก็ลุกขึ้นยืนอย่างอดไม่อยู่
เขาจ้องเทวิกาเขม็ง เส้นประสาทที่ผ่อนคลายเมื่อครู่ตึงเปรี๊ยะอีกครั้ง มองลูกสาวด้วยความตื่นเต้น
ไม่ต้องถามพี่ชาย เทวิกาก็รู้ว่านี่เป็นพ่อแท้ๆของเขา
เธอกับพ่อแท้ๆมองกันและกันโดยมีช่องว่าง ใครก็ไม่ได้ก้าวเท้าแรกออกไป
เป็นประยสย์ที่เคลื่อนไหวก่อน หลังจากที่เห็นบิดา ก็ก้าวเข้าไปใกล้บิดาทันที เขาลนลานเอ่ย “คุณพ่อครับ ทำไมคุณพ่อมาคนเดียว?”
อันตรายมากนะ
ไซม่อนดึงเขาออกไปเล็กน้อย ลูกชายบังเขามองลูกสาวแล้ว
เทวิกาก็เคลื่อนไหวแล้ว เธอเดินเข้ามา
ระยะห่างระหว่างสองพ่อลูกใกล้แล้ว ไซม่อนยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น ใบหน้ามีรอยยิ้ม แต่นัยน์ตากลับแดงระเรื่อ ครู่หนึ่ง ถึงได้เรียกอย่างระมัดระวังด้วยริมฝีปากที่สั่นระริก “วิกา”
เทวิกาขยับริมฝีปาก อยากจะเรียกคุณพ่อ แต่กลับเรียกไม่ออก
“วิกา พ่อเป็นพ่อของลูก”
ไซม่อนเอ่ยต่ออีกประโยคด้วยความระมัดระวัง “นับตั้งแต่พี่ชายลูกจากไป พ่อก็กินไม่อร่อย นอนไม่หลับ อดไม่ได้ที่จะมาเยี่ยมลูก”
เทวิกามองเขาเงียบๆ
ตอนที่เจอแม่แท้ๆ เธอตื่นเต้นมาก
ตอนที่เผชิญหน้ากับพ่อแท้ๆ สีหน้าเธอซับซ้อนมาก
นึกถึงสิ่งที่คุณแม่กับพี่ชายประสบพบเจอมา เธอก็เกิดความรู้สึกแค้นใจต่อพ่อแท้ๆ
แต่ เขาก็เป็นคุณพ่อที่ให้กำเนิดเธอ
“วิกา ลูก ลูกสบายดีมั้ย”
ไซม่อนยังคงพูดจาระมัดระวังทั้งที่ใบหน้าประดับรอยยิ้ม
“วิกา เขาเป็นพ่อแท้ๆของพวกเราจริงๆ”
ประยสย์เอ่ยเสียงเบา
เขารู้เหตุผลที่น้องสาวไม่เอ่ยปากเรียกคุณพ่อ เป็นเพราะโทษว่าบิดาเฮงซวยเกินไป ปกป้องมารดาไม่ได้
“การที่คุณพ่อออกมาคนเดียวนั้นเสี่ยงอันตรายมาก”
สุดท้ายเขาก็ช่วยเอ่ยแทนบิดา หวังว่าน้องสาวจะเรียกคุณพ่อสักคำ ไม่ทำให้คุณพ่อมาเสียเที่ยว
เทวิกาหันหน้าไป สายตามองถนนนอกหน้าต่างที่มีผู้คนผ่านไปผ่านมา
มีคนที่เป็นคุณพ่อ บ้างจับมือ บ้างอุ้มลูกสาวเดินผ่านประตูร้านเธอไป
ในใจของลูก คุณพ่อเป็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง เป็นภูเขาลูกโต ที่สามารถกันลมพายุฝนให้พวกเขาได้
สูดลมหายใจลึกอยู่หลายครั้ง เทวิกาก็หันมาสบตากับพ่อแท้ๆอีกครั้ง และเอ่ยเรียก “คุณพ่อคะ”
ไซม่อนเอ่ยรับคำซ้ำๆ เขาดึงกระดาษทิชชู่มาซับตาของตัวเอง แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มแต่งแต้ม และเอ่ยว่า “พ่อนอนไม่พอ ตาเลยแสบๆ ทำให้น้ำตาไหลง่าย”
“นั่งสิ วิกา นั่งคุยเป็นเพื่อนพ่อหน่อย”
ไซม่อนเสี่ยงอันตรายมา เพราะอยากเจอลูกสาว
สามพ่อลูกล้วนนั่งลง
“วิกา พี่ประยสย์ พวกเธอต้องการน้ำอุ่นหรือกาแฟ”
“ฉันเอาน้ำเปล่าแก้วหนึ่ง”
เทวิกาพยักหน้าขอบคุณให้กับเพื่อนสนิท
เมื่อวานประยสย์เมา ตอนนี้ศีรษะยังคงปวดเล็กน้อย เขานวดขมับตอบกนกอรเสียงนุ่ม “พี่เอากาแฟดำแก้วหนึ่ง”
“ค่ะ”
กนกอรหมุนตัวเดินจากไป ให้สามคนครอบครัวสนทนากันไป
ใกล้เที่ยง ลูกค้าภายในร้านก็น้อยลงไปเยอะ
บอดี้การ์ดสองคนนั่งอยู่ห่างๆ พนักงานสาวในร้านหยิบขนมอบมาให้พวกเขาสองจาน และชงชาให้พวกเขาหนึ่งกา
“วิกา พ่อผิดต่อลูก”
ไซม่อนขอโทษลูกสาว
เทวิกานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “คุณพ่อผิดต่อคุณแม่ของหนูมากกว่า”
เอ่ยถึงภรรยาที่เป็นบ้า แววตาของไซม่อนก็อาบย้อมไปด้วยความเจ็บปวด เขาไม่กล้ามองลูกชายลูกสาวคู่นี้ ก้มหน้ามองกาแฟที่เขาเพิ่งจะดื่มไปได้อึกหนึ่ง เขาเอ่ยเสียงแหบพร่า “ใช่ คนที่พ่อทำผิดด้วยที่สุดคือแม่ของลูก”
เขาเงยหน้ามองลูกสาวอย่างรวดเร็ว พลางถามว่า “พวกลูกออกมา แม่ลูกรู้ไหม บอกเธอหรือเปล่าว่าพ่อมา”
ประยสย์เอ่ยตอบ “แม้ว่าผมจะบอกคุณแม่ คุณพ่อคิดว่าคุณแม่จะจำคุณพ่อได้เหรอครับ”
เรื่องที่คุณแม่ได้สติแล้ว สองพี่น้องเลือกที่จะปิดบังคนเป็นคุณพ่อ
พวกเขาต้องลองหยั่งเชิงท่าทีที่คุณแม่มีต่อคุณพ่อสักหน่อย
ได้ยินคำพูดของลูกชายแล้ว สีหน้าของไซม่อนก็ขาวซีด
นับตั้งแต่ภรรยาเป็นบ้า ไม่เพียงแต่จะจำลูกชายไม่ได้ กระทั่งเขาก็จำไม่ได้เช่นกัน
รอจนลูกชายโตแล้ว ภรรยาก็เห็นลูกชายเป็นเขา เรียกลูกชายว่าสามี พอเห็นเขากลับกลัวหัวหด
คนที่สร้างผลลัพธ์เช่นนี้คือใคร
ก็เขาไง!
“ตอนนี้คุณแม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมาก เข้ากับพวกพิชญ์สินีได้ดีมาก นานมากแล้วที่คุณแม่ไม่ได้อารมณ์ดีและผ่อนคลายขนาดนี้ ถ้าผมบอกคุณแม่ว่าคุณพ่อมา ก็จะเป็นการช่วงชิงความสุขที่คุณแม่ยากจะมีไปล่วงหน้า”
คาดว่าสีหน้าขาวซีดและเจ็บปวดของคนเป็นพ่อทำให้ประยสย์ใจอ่อน เขาจึงเสริมอีกประโยค
ไซม่อนที่ได้ยินประโยคนี้ของลูกชายกลับมีนัยน์ตาเป็นประกาย
เขามองไปทางลูกชาย สองคุณพ่อลูกสบตากัน
ใบหน้าของเขาค่อยๆปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เป็นรอยยิ้มแห่งความสุข
ภรรยาได้สติแล้ว!
ดีจริงๆ!
ตามหาลูกสาวกลับมาได้ ภรรยาก็ได้สติแล้ว
ช่วงเวลาอันทุกข์ทรมานของครอบครัวพวกเขาสี่คนใกล้จะถึงจุดสิ้นสุดแล้ว
เทวิกามองคุณพ่อและมองพี่ชาย สัญชาตญาณบอกเธอว่า ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้รู้ว่าคุณแม่ได้สติแล้ว