คุณสามีพันล้าน - บทที่ 248 ผมไม่ได้ตกหลุมรักคุณ
เทวิกาไปเรียกกนกอร บอกกับเธอว่า “กนกอร ไป ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอ ไปโรงแรมเมเปิล”
กนกอรก็ไม่เกรงใจเธอ เดินกลับไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่แคชเชียร์ พลางเอ่ยยิ้มๆว่า “อย่างนั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนั้น จะไปกินข้าวฟรีกับเธอแล้ว”
“พูดอะไรน่ะ พวกเราสองคนยังต้องแบ่งเธอแบ่งฉันด้วยเหรอ”
กนกอรหัวเราะอิอิ ใครจะไปรู้ว่าทั้งสองคนเพิ่งออกประตูร้านไป นฤเบศวร์ก็โทรหากนกอรแล้ว
“วิกา ฉันรับโทรศัพท์นะ”
“แบตบอสโทรมาสินะ”
กนกอรตั้งฉายาให้นฤเบศวร์ เทวิกาก็เลยเรียกตาม
“เป็นเขา ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรอีก ดูเหมือนว่าสองวันนี้ฉันจะไม่ได้ไปหาเรื่องเปรมมา วันนั้นตอนเปรมามา พวกเราก็ไม่ได้ทำอะไรเธอ”
กนกอรงึมงำ “แม้ว่าจะระบายความโมโหแทนเปรมาก็สายไปหน่อยมั้ง ไม่เหมือนกับแต่ก่อนที่เร็วขั้นเทพ”
ตอนที่เปรมาเพิ่งจะกลับประเทศมา ได้รับความไม่เป็นธรรมนิดหน่อย ตอนที่นฤเบศวร์วิ่งแจ้นไปปลอบใจเธอ ไประบายอารมณ์โมโหแทนเธอนั้นยังวิ่งเร็วกว่ากระต่ายเสียอีก
งึมงำก็ส่วนงึมงำ กนกอรยังคงกดรับสายที่นฤเบศวร์โทรมา
“แบตบอส มีเรื่องอะไรเหรอ”
นฤเบศวร์ที่อยู่อีกฟากของโทรศัพท์ได้ยินกนกอรเรียกตัวเองว่าแบตบอสแล้วก็อยากจะบีบโทรศัพท์มือถือให้แหลก
หลังจากอดกลั้นแล้วอดกลั้นอีก เขาก็เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ผมโอนเงินให้คุณแล้ว คุณไม่เห็นเหรอ มีเงินไม่รู้จักรับ”
กนกอรร้องอ่อ “คุณโอนเงินให้ฉันเหรอ เมื่อครู่ฉันยุ่ง ไม่ได้ดูข้อความโทรศัพท์มือถือจริงๆ คุณโอนเงินให้ฉันทำไม”
“คงจะไม่ได้ให้ฉันช่วยสั่งอาหารเดลิเวอร์รี่ให้คุณหรอกนะ วันนี้ฉันไม่กินอาหารเดลิเวอร์รี่ คุณอยากกินก็สั่งเอง”
นฤเบศวร์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “กนกอร คุณไม่ทำให้ผมโมโหวันหนึ่ง คุณจะรู้สึกไม่สบายตัวสินะ?”
กนกอรก็เอ่ยอย่างซื่อสัตย์ว่า “เป็นแบบนั้นจริงๆแหละ ไม่ทำให้คุณโมโห ฉันก็รู้สึกไม่สบายตัว ฮ่าๆ”
“นี่คือค่ารักษา Black Card ที่ผมให้คุณ สองวัน รวมทั้งหมดสี่พัน”
“โอเค ฉันจะไปกดรับเงินเดี๋ยวนี้ มีเงินเข้าบัญชีแล้ว ขอบคุณเจ้านาย!”
กนกอรเอ่ยจบก็จะวางสาย นฤเบศวร์คล้ายกับเดาการกระทำต่อไปของเธอได้ จึงรีบเอ่ยว่า “อย่าเพิ่งวางสาย ในเมื่อโทรติดแล้ว พวกเราก็คุยกันมากหน่อย ตอนนี้คุณสามารถออกมาได้มั้ย ผมจะพาคุณไปกินข้าว กินข้าวเสร็จไปดูรถที่ร้าน4S คุณปู่ให้ผมซื้อรถคันใหม่ให้คุณ”
“ข้าวน่ะไม่ต้องหรอก มีคนเลี้ยงข้าวฉันแล้ว รถใหม่เหรอ นั่นไม่ได้อยู่ในขอบเขตสัญญาของพวกเรา ก็ไม่ต้องเช่นกัน ฉันตอบแทนน้ำใจคุณ ทำตามสัญญา นอกเหนือจากสัญญา ฉันไม่ต้องการ ไม่มีผลงานไม่รับค่าตอบแทนของคนอื่น ฉันเกรงว่ารับรถคันใหม่จากคุณแล้วจะติดค้างคุณอีก”
นฤเบศวร์ “…บางครั้งปู่ของผมขอร้องให้พวกเรากลับไปกินข้าวด้วยกันที่บ้าน จักรยานไฟฟ้าของคุณวิ่งได้ไม่ไกลขนาดนั้น ต้องมีรถสี่ล้อสักคน แบบนั้นจะวิ่งได้เร็วหน่อย ซื้อรถคันใหม่ให้คุณ ก็ให้คุณร่วมมือแสดงละครกับผม ไม่ใช่ให้คุณโดยไม่มีเหตุผล”
สุดท้าย เขายังเอ่ยเน้นย้ำอีกประโยคเป็นพิเศษว่า “วางใจได้ ผมไม่ได้ตกหลุมรักคุณ ไม่มีทางมอบของขวัญเป็นพิเศษเพื่อให้คุณโปรดปรานหรอก”
กนกอรเอ่ย “ถึงคุณจะตั้งใจให้ของขวัญฉัน ฉันก็ไม่เอาหรอก”
นฤเบศวร์พูดไม่ออกไปทันที
“ใครเลี้ยงข้าวคุณ”
เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
กนกอรมองไปทางสองพ่อลูกตระกูลสาระทาที่รูปร่างหน้าตาชวนให้จิตใจเบิกบานแล้ว ก็ตอบไปตามสัญชาตญาณว่า “หนุ่มหล่อสองคน”
นฤเบศวร์ขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ถามต่อ “อย่างนั้นคุณก็ไปกินข้าวเถอะ กินเยอะหน่อย จะได้มีน้ำมีนวลขึ้น”
“ฉันกินมากกว่านี้ก็ไม่อ้วน”
เธอออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง
นฤเบศวร์วางสายโทรศัพท์เงียบๆ
เดิมอยากจะเลี้ยงข้าวเธอ ขุนเธอให้อ้วน อย่างน้อยก็ต้องหนักห้าสิบกิโลกรัมถึงจะได้ แบบนั้นจะได้ไม่มีผู้ชายคนไหนมาชอบเธอ
เธอไม่อยากให้เขาเลี้ยงข้าวเธอ อยากจะให้รถคันใหม่เธอ เธอก็ไม่เอา
ไม่ใช่คนเห็นแก่เงินเหรอ?
มีของฟรีๆส่งให้ถึงที่ก็ไม่เอา
โง่!
นฤเบศวร์แขวะเธอในใจ พลางลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว
แบตบอสไม่ได้พูดอะไรอีก กนกอรรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกเหมือนไม่ใช่นิสัยของเขา
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาจะต้องเถียงเธอแล้ว
แต่เขาไม่เถียงน่ะดีกว่า ตอนนี้เธอจะไปกินอาหารมื้อใหญ่ ไม่มีเวลามาเถียงกับเขา กินข้าวสำคัญกว่า
กนกอรรับเงินที่นฤเบศวร์โอนมาเอาไว้
และตอบเขาด้วยสติ๊กเกอร์ “ขอบคุณเจ้านาย” ไป
จากนั้นก็ยัดโทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วคล้องแขนเทวิกาอย่างสนิทสนม หัวเราะอิอิ พลางเอ่ยว่า “วิกา ไปกันเถอะ”
“แบตบอสจะเลี้ยงข้าวเธอ”
เทวิกาได้ยินเนื้อหาสนทนาของทั้งสองคน
“อืม แต่ฉันปฏิเสธไปแล้ว กินข้าวกับเขา เขาเลือกกินมาก คีบเนื้อใส่ชามฉันหมด พูดว่าเขากินเยอะขนาดนั้นไม่ไหวอะไรนั่น ฉันสงสัยว่าเขาไม่ชอบกิน ถึงได้บอกว่ากินเยอะขนาดนั้นไม่ไหว”
เทวิกาหัวเราะ “เธอไม่เคยสงสัยเหรอว่าความจริงแล้วเขาอาจจะอยากให้เธอกินดีหน่อย”
“แสดงจินตนาการในการเขียนของเธออีกแล้ว วิกา เธอว่านฤเบศวร์จะเป็นห่วงฉันได้ยังไง อยากให้ฉันกินดีหน่อย? นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ คนที่เขารักอย่างลึกซึ้งคือเปรมา ขอเพียงแค่เปรมาโทรศัพท์หาเขา เขาก็มีความสุขเสียจนจำแม้กระทั่งชื่อแซ่ของตัวเองไม่ได้แล้ว”
“อีกอย่าง เขาก็ไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น ยังไม่เคยเลี้ยงข้าวฉันอย่างจริงจังเลย มีแต่ฉันเลี้ยงอาหารเดลิเวอร์รี่เขา”
นฤเบศวร์ : เงินนั่นผมเป็นคนให้
“วันนี้จู่ๆก็บอกว่าจะเลี้ยงข้าวฉัน ฉันสงสัยว่าเขาจะให้ฉันช่วยทำอะไรอีก ไม่แน่ว่าจะให้ฉันไปถูกเปรมาตบอีก”
เทวิกามองเธอยิ้มๆ
“วิกา เธออย่ามองฉันแบบนี้ ฉันกับนฤเบศวร์นั้นไม่มีทางเป็นไปได้จริงๆ เขาไม่มีทางตกหลุมรักฉัน ฉันก็ไม่โง่ไปรักเขา เรื่องของฉันไม่เหมือนกับเรื่องของเธอ”
“กนกอร มีบางคำพูดอย่าพูดเต็มปากเกินไป อนาคตตอนที่ถูกตบหน้าเข้า มันเจ็บมากนะ”
กนกอรหยิกแขนเธอเบาๆ
“อยากเห็นละครแฮปปี้แอนด์ดิ้งของฉันเหรอ ไม่มีโอกาสนั้นหรอก ฉันไม่มีทางถูกตบหน้า”
“พวกเธอสองคนคุยอะไรกัน ถึงได้สนุกสนานขนาดนี้”
ประยสย์ยืนรอทั้งสองคนอยู่ที่ข้างรถ
ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม สองคนนี้ไม่ใช่พี่สาวน้องสาว แต่สนิทกันเหมือนพีสาวน้องสาว ประยสย์รักและทะนุถนอมน้องสาว รักน้องก็ต้องรักคนที่เกี่ยวข้องกับน้องสาวด้วย จึงปฏิบัติต่อกนกอรอย่างเท่าเทียม
“คุยเรื่องซุบซิบระหว่างเด็กสาวพวกนั้นค่ะ”
เทวิกาตอบยิ้มๆ เธอดึงกนกอรขึ้นไปบนรถด้วยกัน
คนทั้งหมดมุ่งหน้าไปยังโรงแรมเมเปิล
เซทท์รออยู่ที่หน้าประตูโรงแรม
เมื่อรถของยศพัฒน์จอดนิ่ง เซทท์ก็ยิ้มแย้ม ขณะก้าวเข้ามาต้อนรับ รอพี่ชายพี่สะใภ้ลงจากรถแล้ว เขาถึงได้เปิดประตูรถให้คนที่นั่งอยู่บนเบาะด้านหลัง
เขาไม่กล้าเอาใจพี่สะใภ้ กลัวพี่ใหญ่จะถลกหนังเขา
“คุณพ่อครับ นี่คือน้องสามของผม เซทท์”
ยศพัฒน์แนะนำเซทท์ให้ไซม่อนรู้จักก่อน
ความจริงแล้วไซม่อนตรวจสอบคุณชายทั้งสิบคนของตระกูลอริยชัยกุลไปรอบหนึ่งแล้ว รู้ว่าผู้ชายตรงหน้าคือคุณชายสามแห่งตระกูลอริยชัยกุลที่สง่างามหล่อเหลาไม่แพ้ลูกเขยเลย
“คุณชายสาม”
ไซม่อนเป็นฝ่ายยื่นมือขวาออกไปจับมือกับเซทท์
เซทท์จับมือเขา พลางเอ่ยยิ้มๆว่า “คุณลุง คุณเรียกผมว่าเซทท์ก็ได้ครับ พวกเราสองครอบครัวเป็นครอบครัวที่ดองญาติกัน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้นครับ”
ไซม่อนยิ้ม “ใช่ๆๆ พวกเราสองครอบครัวเป็นครอบครัวที่ดองญาติกัน ไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น”
แต่ในใจกลับอิจฉาความปรองดองสามัคคีของครอบครัวที่ดองญาติกันจริงๆ อิจฉาที่ลูกหลานของตระกูลอริยชัยกุลยอดเยี่ยม
ถ้าตระกูลสาระทามีความปรองดองกันได้ครึ่งหนึ่งของตระกูลอริยชัยกุล พวกเขาสี่คนครอบครัวก็คงไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ในวันนี้