คุณสามีพันล้าน - บทที่ 249 ลมหอบเอาแบตบอสมา
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 249 ลมหอบเอาแบตบอสมา
เซทท์เตรียมนำทุกคนเข้าไปในโรงแรม
“เอี๊ยด…”
ทันใดนั้นก็มีเสียงรถเบรกกะทันหันดังลอยมา
ทุกคนล้วนหันไปมองโดยไม่รู้ตัว
ก็เห็นรถหรูหลายคันจอดอยู่ที่หน้าประตูโรงแรม ที่นี่ไม่ใช่ลานจอดรถ จอดได้แค่รู่เดียว หลังจากคนบนรถลงจากรถแล้ว คนขับก็ต้องขับรถเข้าไปจอดในลานจอดรถใต้ดินของโรงแรม
สองที่จอดสุดท้ายในลานจอดรถขนาดเล็กหน้าประตูโรงแรมถูกรถของพวกยศพัฒน์จอดไปแล้ว
จอดรถชั่วคราวที่หน้าประตูโรงแรมนั้นไม่เป็นไร แต่ที่สำคัญคือรถหรูหลายคันนี้ นอกจากสองพ่อลูกตระกูลสาระทาแล้ว คนอื่นๆล้วนรู้สึกคุ้นตาเป็นพิเศษ
รถคันแรกคันนั้น คันที่มีเสียงเบรกรถกะทันหันเป็นรถของนฤเบศวร์โดยเฉพาะ
ประตูรถถูกผลักให้เปิดออก ขาเรียวยาวของนฤเบศวร์ยื่นออกมา รองเท้าหนังสีดำเป็นมันเงาวับสะดุดตาเล็กน้อย
นฤเบศวร์ที่สวมชุดสูทเนี๊ยบกริบสวมเนคไท ความจริงแล้วก็หน้าตาหล่อเหลา เป็นหนุ่มหล่อคนหนึ่ง เพียงแต่เขาชอบประจบเปรมา ทำให้กนกอรมองข้ามความหล่อเหลาของเขา
“โอ้ว วันนี้ลมอะไรพัดหนอ ถึงกับพัดเอาคุณเบศวร์มาที่โรงแรมของผม
เซทท์รับผิดชอบดูแลโรงแรมเมเปิล ย่อมต้องเป็นเขาที่เอ่ยปากคนแรก
เขามีสีหน้าประหลาดใจ ก้าวขึ้นไปถามยิ้มๆ “คุณเบศวร์แค่ผ่านมาหรือมากินข้าวที่โรงแรมผมครับ อาหารโรงแรมเมเปิลของพวกเรา เมื่อเทียบกับโรงแรมแอคเซสซ์ของพวกคุณมีแต่เยี่ยมกว่า ไม่มีด้อยกว่า รับประกันได้ว่านฤเบศวร์เดินเข้าไปแล้ว
จะต้องเดินพยุงกำแพงออกไปแน่นอน”
“กินแล้วยังอยากจะกลับมากินอีก ต้องการทำบัตร VIP มั้ยครับ อนาคตตอนคุณเบศวร์มาใช้บริการ ผมจะมอบน้ำแร่ให้คุณฟรีลังหนึ่ง”
สายตาของนฤเบศวร์ตกลงบนร่างของกนกอรก่อนเป็นคนแรก ประจวบกับที่กนกอรยืนอยู่ข้างประยสย์ แม้ว่าประยสย์จะยังวัยรุ่นอยู่ แต่เขาเป็นนายน้อยตระกูลสาระทา ผ่านอุปสรรคมาไม่น้อยไปกว่านฤเบศวร์ รอบกายแผ่กลิ่นอายซับซ้อนมากออกมา แม้ว่าจะมีความสูงศักดิ์ แต่ก็มีความเผด็จการ แฝงไปด้วยความหยิ่งยโสแต่ก็ไม่สูญเสียความสุขุม
แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นผู้มีปัญญาหลักแหลม มีพื้นภูมิดี
คนคนนี้เป็นใครน่ะ?
นฤเบศวร์กลั่นกรองในสมองรอบหนึ่ง มั่นใจแล้วว่าตัวเองไม่เคยเจอประยสย์มาก่อน
จากมาดของประยสย์ จะต้องเป็นลูกหลานตระกูลไฮโซแน่นอน แต่ว่าเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
ประยสย์ยืนอยู่กับกนกอรแล้ว ถึงกับทำให้นฤเบศวร์เกิดภาพหลอนว่าพวกเขาเหมาะสมกันมาก
เหอะ!
ไม่เหมาะสม!
ไม่เหมาะสมกันสักนิด!
กนกอรเป็นภรรยาเขา!
แม้ว่าจะเป็นการแต่งงานกันตามสัญญา แต่ในทางกฎหมาย กนกอรเป็นภรรยาเขาจริงๆ!
สายตาที่นฤเบศวร์มองไปทางประยสย์เปลี่ยนเป็นคมปลาบขึ้นมาทันที แทบอยากจะหาข้อบกพร่องออกมา จะได้พูดถึงมันต่อหน้ากนกอร เพื่อไม่ให้เธอถูกไก่อ่อนหลอกเอา
ประยสย์เห็นสายตาของนฤเบศวร์ที่มองเขาคมปลาบเย็นยะเยือก นัยน์ตาเขาก็ไหววูบ เดาได้ว่านฤเบศวร์เข้าใจเขากับกนกอรผิดแล้ว
เขายิ้มเยาะในใจ ตัวนฤเบศวร์ยากที่จะลืมเปรมา มักจะปลูกหญ้าบนหัวกนกอร กนกอรแค่ยืนอยู่ข้างเขา นฤเบศวร์ก็มองเขาแบบนี้แล้ว นฤเบศวร์มีคุณสมบัติมาทำแบบนี้กับกนกอร?
“กนกอร”
ประยสย์หันหน้าไปมองกนกอร ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้ม
ความจริงแล้วเขากับกนกอรไม่มีหัวข้อสนทนาอะไร เขาก็แค่อยากจะระบายความโมโหใส่นฤเบศวร์แทนกนกอร
อย่านึกว่ากนกอรบ้านยากจนแล้ว ตระกูลเดชอุปจะสามารถรังแกกนกอรได้
แต่ก่อน เขาไม่สนใจ แต่ตอนนี้น่ะ ไม่ได้
กนกอรมีตระกูลสาระทาของพวกเขาดูแลอยู่ ใครกล้ารังแกกนกอร ไม่กลัวตาย ก็เข้ามาได้เลย
บางที ตระกูลอริยชัยกุลอาจจะแค่กดดันธุรกิจ แต่ตระกูลสาระทาของพวกเขาไม่ได้มีแค่วิธีนี้เท่านั้น
“ทำไมเหรอคะ”
กนกอรก็หันหน้าไปมองประยสย์ รอยยิ้มบนใบหน้านั้นเห็นได้ชัดเจนมาก
ภาพนี้ในสายตาของนฤเบศวร์หมายความว่า สองคนนี้เมินเขา เล่นหูเล่นตากันอย่างเปิดเผย!
“คุณเบศวร์?”
เซทท์มองนฤเบศวร์ และหันไปมองกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังตัวเอง
ไม่มั่นใจว่านฤเบศวร์มองใคร
ในใจนฤเบศวร์มีโทสะ แต่กลับไม่แสดงออกบนใบหน้า
เขาถอนสายตากลับมา ไม่มองชายหญิงที่เป็นชู้สองคนนั้นเล่นหูเล่นตากันอีก พลางเอ่ยว่า “เซทท์ ช่วงนี้ธุรกิจโรงแรมเมเปิลของพวกคุณก็ไม่ได้ไม่ดีนะ ขี้เหนียวกับแขกผู้มีเกียรติอย่างผมแบบนี้ ทำบัตร VIP ใบหนึ่ง ให้ผมแค่น้ำแร่ลังหนึ่ง!”
เซทท์หัวเราะเหอๆ “ผมคิดว่าการให้น้ำแร่คุณเบศวร์ลังหนึ่งนั้นใจกว้างมากแล้วนะครับ”
พวกเขาเป็นศัตรูกันนะ
“คนอื่น ผมไม่ให้แม้กระทั่งน้ำ มีแค่คุณเบศวร์มาใช้บริการถึงได้ให้น้ำฟรี”
“ขี้เหนียว!”
นฤเบศวร์เอ่ยกับเซทท์แล้วเดินผ่านเซทท์ไปถึงตรงหน้ายศพัฒน์ “พัฒน์ วิธีการต้อนรับแขกแบบนี้ของนายไม่ผ่านนะ ฉันมาถึงหน้าประตูแล้ว นายมัวแต่ยืนอยู่ตรงนี้โดยไม่ให้การต้อนรับฉันเลยสักนิด”
“เซทท์ก็ให้การต้อนรับนายแล้วไม่ใช่เหรอ โรงแรมเมเปิลมีเซทท์เป็นคนรับผิดชอบ ฉันไม่แย่งงานของเขา
คำพูดของยศพัฒน์ทำให้นฤเบศวร์พูดไม่ออก
บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปมีความเกี่ยวข้องหลายด้านเกินไป เหล่าคุณชายของตระกูลอริยชัยกุล นอกจากเจ้าสิบที่เพิ่งจะเข้ามหาวิทยาลัย ยังไม่สามารถรับช่วงต่อดูแลบริษัทได้ คุณชายคนอื่นๆล้วนแบ่งสรรงานการที่ต้องทำ และประสานร่วมมือกันทำงาน แต่ละคนรับผิดชอบงานไม่เหมือนกัน แต่ล้วนยึดเอายศพัฒน์เป็นศูนย์กลาง
ยศพัฒน์เป็นพี่ใหญ่ที่เป็นพี่ใหญ่จริงๆ ไม่เหมือนกับเขา นฤเบศวร์ที่แม้ว่าจะเป็นพี่ใหญ่ในบรรดาพี่น้อง แต่กลับไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับพี่ใหญ่อย่างยศพัฒน์ได้เลยสักนิด
หดหู่ใจ!
“วันนี้ลมพัดแรงจริงๆ!”
ยศพัฒน์เอ่ย
นฤเบศวร์เงยหน้ามองแสงอาทิตย์อันเจิดจ้าบนท้องฟ้า ร้อนจนทำให้คนตายได้ ไม่มีลมเลยสักนิด!
“ไม่มีลม!”
“มี ลมแรง ลมแรงมากๆ ไม่อย่างนั้นคงจะพัดคุณเบศวร์ที่น้ำหนักเป็นตันมาไม่ได้หรอก”
นฤเบศวร์ลอบกัดฟันกราม หางตาอดที่จะปรายมองความเคลื่อนไหวของกนกอรกับประยสย์ไม่ได้
“พัฒน์ สองคนนี้ไม่คุ้นหน้าเลย ไม่แนะนำให้ฉันรู้จักเหรอ”
ความจริงแล้วคุ้นหน้าคุ้นตาเล็กน้อย โดยเฉพาะไก่อ่อนที่อยู่ข้างกายกนกอรคนนั้น
ประยสย์ดูคล้ายกับเทวิกา นฤเบศวร์เห็นเทวิกาบ่อยๆ จึงรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาประยสย์มาก เพียงแต่ตอนนี้เขาไม่ทันได้ตระหนักว่าประยสย์กับเทวิกามีความคล้ายคลึงกันหลายส่วน
ใจมุ่งแต่อยากจะรู้ฐานะของไก่อ่อน เขาจะได้ให้ธันวาช่วยเขาตรวจสอบดู
จะต้องขุดคุ้ยเรื่องอื้อฉาวในอดีตของไก่อ่อนออกมาให้หมด ให้กนกอรดูดีๆ หลังจากนี้ต้องให้ความสนใจและสังเกตทุกด้านของคนข้างกาย ไม่ใช่ว่าไปมาหาสู่กับใครก็ได้
จะกลายเป็นการช่วยเขาทั้งที่ตัวเองก็ถูกหลอกได้!
“คุณเบศวร์ สวัสดีครับ ผมประยสย์ สาระทา”
ประยสย์ไม่ให้น้องเขยแนะนำ เป็นฝ่ายแนะนำตัวเองเอง ทั้งยังยื่นมือขวาออกไปอย่างต้องการจับมือกับนฤเบศวร์
ที่แท้ก็นามสกุลสาระทา!
ตระกูลฝ่ายแม่ของคุณย่าชนิศาก็นามสกุลสาระทาไม่ใช่เหรอ
หรือว่าไก่อ่อนนี่จะเป็นหลานชายของคุณย่าชนิศากัน มิน่าเขาถึงได้มองแล้วคุ้นหน้าอยู่บ้าง
นฤเบศวร์รู้ชื่อแซ่ของไก่อ่อนนี่แล้ว ก็นึกว่าตัวเองเดาฐานะได้แล้ว จึงจับมือกับประยสย์ เขาจงใจใช้แรง อยากจะให้มือของประยสย์รู้สึกเจ็บ ให้ประยสย์เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าเป็นลูกผู้ชาย
เหมือนกับเขา นฤเบศวร์ที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง ประยสย์น่ะเป็นแค่ไก่อ่อน!
ประยสย์โค้งมุมปาก และเพิ่มแรงเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ
สองคนจับมือกันไม่ปล่อย
สุดท้าย ก็เป็นนฤเบศวร์ที่ดึงมือกลับไป
“นี่คือคุณพ่อของผม”
ประยสย์แนะนำบิดาโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี และไม่ได้เอ่ยชื่อของบิดาออกมา
ในเมืองซูเพร่า คนอื่นล้วนเรียกเขาว่าประยสย์
เขาบอกว่าชื่อประยสย์นฤเบศวร์จะได้ไม่คิดไปถึงตระกูลสาระทาแห่งเมืองซูเพร่า
นฤเบศวร์จับมือกับไซม่อนต่อ
ไซม่อนสังเกตเห็นหลังมือเขาแดง ก้นบึ้งนัยน์ตาก็มีแววลำพองใจ
คิดจะรังแกลูกชายเขา?
ไม่มีทาง!
ได้ลิ้มรสชาติความเก่งกาจแล้วสินะ!
นฤเบศวร์ : นึกว่าเป็นไก่อ่อน ทนแรงของเขาไม่ไหว ใครจะไปรู้ว่าดันพบกับเหล็กหนาสิบเมตรเข้า ฝ่ายตรงข้ามไม่เพียงแต่เป็นคนฝึกศิลปะการต่อสู้ ฝีมือก็น่าจะอยู่เหนือกว่าเขาด้วย!