คุณสามีพันล้าน - บทที่ 289 กระต่ายน้อยกลับบ้าน
บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป
กษิดิเคาะประตูห้องทำงานของประธาน เมื่อได้รับเสียงตอบรับ จึงได้เปิดประตูเข้าไป
“พี่ใหญ่”
เขาเดินเข้าไปพร้อมกับเอกสารสองสามฉบับแล้วยื่นให้กับยศพัฒน์
“ทำไมนายต้องมาด้วยตัวเองล่ะ”
ยศพัฒน์รับเอกสารนั้นมา แล้วก็วางลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ถามน้องชาย
“มีเรื่องอยากจะคุยกับพี่ใหญ่”
กษิดิยิ้มแล้วนั่งลง “พี่ใหญ่รู้ใจผมที่สุด”
ยศพัฒน์เหลือบมองเขา “ว่ามาเถอะ มีเรื่องอะไรถึงต้องมาถึงที่นี่ด้วยตัวเอง”
“คือว่า สาวทอมนั่นเข้ามาพักที่บ้านผมแล้วจริง ๆ ด้วย”
“สาวทอม”
กษิดิอธิบาย:“ก็มิลินท์ไง”
ยศพัฒน์แอบหัวเราะ:“ลินท์เหมือนสาวทอมตรงไหนกัน สวย สง่า รูปร่างนางแบบ เดินไปถึงไหนก็เหมือนกับแม่เหล็ก สามารถดึงดูดสายตาของชายหนุ่มนับไม่ถ้วน เป็นผู้หญิงในฝันของผู้ชายจำนวนไม่น้อยเลยนะ ต่อหน้านายไหงเป็นทอมไปซะงั้น”
“ชัยเดชที่เป็นผู้ชาย แต่การกระทำของเขานั้น พอต่อหน้านายไหงไม่กลายเป็นตุ้งติ้งเหมือนสาวล่ะ”
ยศพัฒน์กระแอมเสียงแล้วกล่าว:“ชัยเดชเดิมทีก็เป็นผู้หญิงข้ามเพศ ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวผู้ใหญ่ทางบ้านรับไม่ได้ เขาคงไปผ่าตัดแปลงเพศแล้ว”
“ลินท์ไม่ได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านนายวันแรกสักหน่อย แล้วเพิ่งมาถามในเวลานี้ นายคิดจะทำอะไร”
กษิดิกล่าวอย่างเขินอาย:“ผมไม่กล้ากลับบ้านเลย แต่ผมทำของสำคัญหนึ่งอย่างตกไว้ที่บ้าน อยากจะแอบกลับไปเอา ดังนั้นก็เลยอยากจะขอลาหยุดสักหน่อย”
ยศพัฒน์:“……นายเป็นผู้ชายหรือเปล่า กลัวผู้หญิงคนเดียวกลัวถึงขั้นนี้ ตอนที่ลินท์เกิดเรื่องนั้น ทำไมไม่เห็นนายหลบซ่อนล่ะ ทุกครั้งก็เห็นนายวิ่งเร็วขนาดนั้นทำไม เมื่อก่อนตอนที่เรียนนั้น เธอกับคนอื่นมีเรื่องชกต่อยกัน เมื่อนายรู้ ไม่มีเวลาแม้แต่จะบอกกับพวกเรา ลุยเดี่ยวไปช่วยเธอ จนโรงเรียนเกือบจะไล่นายออก วีรกรรมแบบนี้ไม่น้อยเลยนี่”
“เอ่อ……ผมก็กลัวเธอจะถูกตีจนตาย ต่อไปไม่มีคนคอยทะเลาะกับผมไง ใครเป็นห่วงเธอกันล่ะ ความโอหังของเธอนั้น เห็นผมทีไรก็ชวนทะเลาะต่อยผมจนล้ม ใครจะไปห่วงเธอ”
“นายก็มักจะถูกเธอต่อยล้มเสมอ เพราะนายไม่มีความสามารถ จะโทษใครได้ล่ะ อีกอย่าง นายสู้เธอไม่ไหวหรือว่านายยอมเธอกันแน่”
กษิดิยืดอกตรงแล้วกล่าว:“ผมเป็นผู้ชายไม่สู้กับผู้หญิง……สู้เธอไม่ได้จริง ๆ เธอทั้งเคยเรียนเทควันโด ไทชิ ไทเก๊ก ตอนเด็กเหมือนกับเด็กผู้ชาย ได้ยินมาว่ากังฟูอะไรดี เธอก็จะไปเรียน เรียนดีกว่าผมอีก!”
ยศพัฒน์เหลือบมองน้องชาย ครู่หนึ่งถึงได้กล่าวขึ้น:“ ฉันล่ะสงสัยนายจริง ๆ นายอิจฉาที่ลินท์เก่งกว่านาย นายจึงอคติกับเธอ”
เรื่องขี้ปะติ๋วจริง ๆ!
“ใครอิจฉาเธอกันล่ะ เธอคิดว่าเธอเก่งเหรอ ถ้าเก่งขนาดนี้ทำไมไม่แต่งงานออกไปล่ะ ทอมเอ้ย หยาบกระด้างสุด ๆ ใครจะกล้าขอเธอกัน ใครขอเธอแต่งงานคนนั้น……ผมเป็นผู้ชายที่เคยฝึกฝนจิตใจ ปากยังไม่ร้ายขนาดนั้น ไม่เช่นนั้นถ้าเธอได้ยินก็มาหาเรื่องผมอีก”
“นายเก่งขนาดนี้ทำไมไม่แต่งเมียกลับมาสักคนล่ะ อารองกับอาสะใภ้รองต้องการขายนายออกไปให้เร็ว ๆ ในสายตาของอารองกับอาสะใภ้รองนายเป็นสินค้าที่ขายไม่ดี แล้วยังจะมีหน้ามาว่าให้ลินท์อีก”
กษิดิ:“……พี่ใหญ่ ผมคิดว่าพี่กับพี่สะใภ้หลังจากจดทะเบียนสมรสแล้ว ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย ชอบแสดงความรักกันต่อหน้าผม บาดตาบาดใจคนโสดอย่างผม ชอบหยอดคำหวาน และยังยกยอให้ท้ายพี่ใหญ่ เดินตามรอยเท้าของผู้ใหญ่ เริ่มยุให้พวกเรารีบแต่งงาน”
“ตอนที่พี่ใหญ่ยังเป็นโสดนั้น ขอเพียงทางบ้านพูดเรื่องแต่งงาน พวกเราก็จะใช้พี่เป็นโล่กำบัง ตอนนี้……”
กษิดิพูดจนถูกพี่ใหญ่ถลึงตาใส่ จึงไม่กล้าพูดต่อไป
“พี่ใหญ่ ผมลาหยุดแล้วนะ อาศัยช่วงที่สาวทอมไม่อยู่บ้าน ต้องรีบกลับบ้านไปเอาของ พี่ใหญ่ พี่อย่าได้บอกข่าวกับสาวทอมเด็ดขาดนะ”
ขณะที่พูด กษิดิได้ลุกขึ้นมา และไม่รอให้พี่ใหญ่เซ็นอนุมัติ ตัวเองเผ่นไปก่อน แม้แต่เอกสารก็ไม่เอาแล้ว
ยศพัฒน์มองดูประตูห้องทำงานที่กำลังปิดสนิท จึงอมยิ้มแล้วกล่าว:“ตั้งใจมาเพื่อลาหยุด ก็เพราะอยากให้ฉันแจ้งข่าวกับลินท์ไม่ใช่เหรอ เห็น ๆ อยู่ว่าชอบแต่ก็ไม่อยากจะพูดให้ชัดเจน ฉันจะรอดูว่าพวกเธอสองคนจะทรมานกันไปได้ถึงไหน”
เขาหยิบโทรศัพท์โทรหามิลินท์ เมื่อมิลินท์รับสายแล้ว เขาจึงกล่าว:“ลินท์ กระต่ายน้อยกลับบ้านแล้ว”
มิลินท์ตอบอืม แล้วถาม:“กระต่ายน้อยอ้วนหรือยัง”
“ยังไงก็ให้เธอทานได้อย่างอิ่มจนหนำใจ”
“ใครอยากจะกินมัน ทั้งตัวมีแต่กระดูก เคี้ยวยาก”
คำพูดมิลินท์เต็มไปด้วยความรังเกียจ
ยศพัฒน์กล่าวด้วยรอยยิ้ม:“ยุ่งอยู่ใช่ไหม งั้นยุ่งไปเถอะ จะจับไม่จับกระต่ายน้อยก็เป็นเรื่องของเธอ ฉันแค่พูดไปอย่างนั้น ฉันต้องทำงานแล้ว ว่าง ๆ ค่อยคุยกัน”
มิลินท์อยากจะบอกว่าวันนี้ไม่ยุ่ง ตอนเช้าไม่ได้ออกไปไหนเลย กิน ๆ ดื่ม ๆ ดูหนัง อยู่ที่บ้านสองของตระกูลอริยชัยกุลตลอด ทั้งยังเล่นไพ่กับคนรับใช้อีก ชนะเงินมาไม่น้อย จนคนรับใช้ไม่อยากจะเล่นไพ่กับเธอแล้ว รังเกียจที่เธอดวงดีกว่า
น่าเสียดายที่เธอยังไม่ได้กล่าวจบ ยศพัฒน์ก็วางสายเธอเสียแล้ว
เธอก็ไม่ถือสา วางโทรศัพท์ลง อุ้มจานผลไม้ไว้ พลางทานพลางเล่นไพ่กับคนรับใช้ จากนั้นกล่าว:“คุณชายรองของพวกเธอจะกลับมาแล้ว เล่นอีกสองสามตาก็เลิกเล่น เดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันพาพวกเธอเสียคน”
เห็น ๆ อยู่ว่าพวกเขาพาเธอเสียคน
“ขอเพียงคุณลินท์อยู่ที่นี่ คุณชายรองกลับมาก็ไม่เห็นพวกเราเล่นไพ่หรอกค่ะ”
พี่วิวแม่บ้านของบ้านสองพูดหนึ่งประโยคที่เป็นความจริงสุด ๆ
คุณชายรองกับคุณลินท์เป็นคู่รักกันมาตั้งแต่เด็กจริง ๆ เพียงแต่ว่าวิธีการอยู่ร่วมกันของพวกเขาไม่เหมือนกับคู่รักวัยเด็กคู่อื่น ๆ
ดูเหมือนเป็นคู่ปรับกัน แต่ความจริงแล้วรักใคร่ลึกซึ้งกันมาก
นิสัยของทั้งคู่หัวรั้นนัก ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมก้มหัวสารภาพรักกัน จึงได้คงสภาพความเป็นคู่ปรับแบบนี้มาโดยตลอด
“พวกเธอก็จริง ๆ เลย ไม่อยากเล่นไพ่กับฉัน ยังจะให้ฉันเป็นกำบังอีก มา ๆ ๆ ให้ฉันได้เล่นอีกสองสามตา”
มิลินท์ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาพวกพี่วิว “ยากมากนะกว่าฉันจะมีเวลาว่างได้ เห็นแก่ครีมบำรุงผิวที่ฉันมักมอบให้กับพวกเธอหน่อยสิ พวกเธอมาแปลกแยกฉัน มีมโนธรรมบ้างไหม”
พี่วิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม:“คุณลินท์ กระเป๋าเงินของพวกเราเจ็บยิ่งกว่าอีก”
กระเป๋าเงินกับมโนธรรม เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเธอคิดว่ากระเป๋าเงินสำคัญกว่า
คุณลินท์ที่เดิมทีเล่นไพ่ไม่เป็น เป็นพวกเขาที่ตอนขาไม่ครบลากคุณลินท์มาร่วมวง เดิมทีนึกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนเก่าแก่กัน จะสามารถชนะเงินของคุณลินท์ได้ไม่น้อย แต่ที่ไหนได้ดวงของคุณลินท์ดีมาก เรียนรู้วิธีการเล่นเร็ว สอนครู่เดียวก็เป็น
จากนั้นบีบไล่ตลอดทาง เอาชนะพวกเธอไม่ยั้ง คุณชายรองเพิ่งจะมอบโบนัสให้พวกเธอเมื่อกี้ ล้วนได้อุทิศให้กับคุณลินท์หมดแล้ว เดิมทีโบนัสที่คุณชายรองให้กับพวกเขาในครั้งนี้มากกว่าทุก ๆ ครั้ง ทำให้พวกเธอดีใจไปตั้งหลายวัน แต่แล้วเงินยังไม่ทันได้จับให้หายหอมปากหอมคอ ก็ต้องแพ้ยกให้กับคุณลินท์จนหมด
พี่วิวสงสัยเงินโบนัสที่คุณชายรองมอบเกินมาให้กับพวกเขา ก็คือจงใจตบตาให้พวกเขาแพ้ให้กับคุณลินท์