คุณสามีพันล้าน - บทที่ 295 แต่งหน้า
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 295 แต่งหน้า
นิรุตต์ยิ้มเอ่ยอย่างไม่โกรธเคืองว่า “ฉันรู้ว่าลินท์มีคนที่ชอบแล้ว เขาเป็นเพื่อนบ้านกับเธอ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ก็จริงที่เราไม่จำเป็นต้องนัดบอดอะไรกัน แต่เพราะความกระตือรือร้นของคนแนะนำ ก็เลยได้มาพบกันในคืนนี้”
“ถ้าคุณชายสองงานยุ่ง ก็กลับไปก่อนได้”
นิรุตต์อยากคุยกับกษิดิให้มากกว่านี้ แต่ก็ดูออกว่าอีกฝ่ายใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
เขาจึงให้กษิดิกลับไปก่อน
หลังจากที่กษิดิได้รับสายจากมิลินท์ เขาก็ดีใจจนจะโบยบินแล้ว เมื่อได้ยินนิรุตต์พูดแบบนี้ เขาก็ลุกขึ้นขอตัวจากไปอย่างไม่เกรงใจ
เขาเพิ่งจากไปได้ไม่ทันไร กันตภณก็ตามมาแล้ว
เขาได้ยินว่านิรุตต์จะนัดบอด เขาก็หึงหวง และอยากจะมาดูว่าผู้หญิงที่มานัดบอดกับนิรุตต์หน้าตาเป็นยังไง ปรากฏว่ากลับเห็นเพียงนิรุตต์คนเดียว
“ภณ”
นิรุตต์เห็นเขามาแล้ว ก็ยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยนดังเดิม ก่อนจะให้เขานั่งลง เอ่ยว่า “พวกเขากลับไปกันแล้ว แต่อาหารที่ฉันสั่งยังไม่มาเสิร์ฟเลย ในเมื่อนายมาแล้ว งั้นก็มากินข้าวกับฉันเถอะ”
“คู่นัดบอดของนายล่ะ?”
“ไม่มา”
สีหน้าของกันตภณดูดีขึ้นเล็กน้อย
“รุตต์ ฉันได้ยินเรื่องของบริษัทนายแล้ว ฉันจะคิดหาวิธีช่วยนายเอง นายไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเอง”
กันตภณหึงหวง ขณะเดียวกันก็รู้สึกปวดใจกับคนรักตัวเอง
ความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกปิดไว้แน่น มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าพวกเขาเป็นแฟนกัน ทุกคนนึกแค่ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกัน
หลังจากที่เงินทุนหมุนเวียนของเจบี กรุ๊ปเกิดปัญหา กันตภณก็เอาเงินที่ตัวเองเก็บมาหลายปีให้นิรุตต์ไปใช้ เพียงแต่เงินไม่กี่ล้านของเขา สำหรับบริษัทขนาดใหญ่แล้ว ก็เหมือนใช้น้ำหนึ่งแก้วดับไฟไหม้ ไม่เกิดประโยชน์อะไร
สิ่งที่เจบี กรุ๊ปต้องการคือการระดมทุน เพื่อเอามาช่วยเหลือเจบี กรุ๊ป
โดยส่วนตัวแล้ว นิรุตต์ตอบตกลงนัดบอดกับมิลินท์เองก็เป็นเพราะอยากจะใช้การแต่งงานให้ตระกูลศิริกรโสภณยื่นมือเข้ามาช่วยเจบี กรุ๊ป
เพียงแต่ คนในวงการธุรกิจ ล้วนเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
ตระกูลศิริกรโสภณก็ใช่ว่าจะช่วย ดูสิ เรื่องนัดบอดก็คุยกันไว้แล้ว พอถึงเวลา ตัวละครหลักกลับไม่มาซะงั้น
นี่คือคำตอบของตระกูลศิริกรโสภณ
“ภณ เรื่องธุรกิจ นายไม่เข้าใจ และก็ช่วยอะไรไม่ได้ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่นายให้เงินฉันแค่นิดหน่อยก็สามารถจัดการได้ แต่ต้องการการลงทุนจากบริษัทใหญ่ที่มีความสามารถ บริษัทเราจึงจะสามารถฟื้นคืนชีพได้ ไม่งั้นเจบี กรุ๊ปก็จะถึงทางตันไม่ช้าก็เร็วเพราะเงินทุนหมุนเวียนหยุดชะงัก”
โลกธุรกิจก็เหมือนทะเล มีขึ้นมีลง
ต่อให้เป็นบริษัทที่มีศักยภาพขนาดไหน ก็ไม่พ้นที่จะต้องพบเจอกับวิกฤติ
นิรุตต์ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนในวงการธุรกิจมาไม่น้อยแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครยื่นมือเข้ามาช่วย
“รุตต์ RA กรุ๊ปมีความสามารถนี้ที่จะช่วยเจบี กรุ๊ปได้ นายลองไปขอความช่วยเหลือจากท่านประธานใหญ่ของพวกเขาดูสิ”
กันตภณให้คำแนะนำ อันที่จริงคือข้อตกลงของเขากับปู่เร็น เพียงแค่เขาไปเข้าใกล้กนกอร แล้วจงใจจีบกนกอร ยั่วให้นฤเบศวร์หึงหวง อีกฝ่ายก็ยินยอมที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเจบี กรุ๊ป
แม้ว่าเจบี กรุ๊ปจะเป็นบริษัทใหญ่ของเมืองแอคเซสซ์ แต่กลับไม่สามารถทัดเทียมกับบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปและ RA กรุ๊ปได้
หากพูดกันตามตรง นิรุตต์ไม่สามารถแม้แต่จะขอพบเจอกับกษิดิที่บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปได้ ทั้งที่กษิดิยังไม่ใช่ผู้นำของบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปเลยด้วยซ้ำ
นิรุตต์มองใบหน้าหล่อเหลาของกันตภณเงียบๆ ครู่หนึ่ง เขาก็จึงจะถามว่า “ภณ นายแอบทำอะไรลับหลังฉัน?”
“ฉันไม่มีทางทำเรื่องที่ทรยศนาย เพียงแค่ช่วยปู่เร็นทำอะไรบางอย่างก็เท่านั้น เขาเคยตอบตกลงฉัน ตราบใดที่ฉันช่วยเขาทำเรื่องนี้ เขาก็ยอมยื่นมือเข้าไปช่วยบริษัทนาย มู่ฟาน นายรีบหาเวลาไปพบท่านประธานใหญ่เถอะ เขาจะช่วยนายแน่นอน”
นิรุตต์ขมวดคิ้ว “ฉันกับ RA กรุ๊ปไม่มีความร่วมมืออะไรกัน และไม่มีความสัมพันธ์อะไรนฤเบศวร์ด้วย ท่านประธานใหญ่มีเหตุผลอะไรที่จะช่วยฉัน? ภณ ถ้านายไม่บอกว่านายช่วยเขาทำอะไร ฉันก็จะไม่มีทางไปหาเขา”
กันตภณมองซ้ายมองขวา เมื่อมั่นใจว่ารอบๆไม่มีใครสนใจพวกเขา เขาก็จึงจะพูดข้อตกลงของเขากับปู่เร็นออกมาเสียงเบา
หลังจากที่นิรุตต์ฟังแล้ว เนิ่นนานเขาจึงจะถอนหายใจ เอ่ยว่า “น่าเห็นใจคนเป็นปู่จังเลยนะ เพื่อนฤเบศวร์เขาก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจมากจริงๆ”
เหมือนปู่ของเขา ก็เคยกังวลเรื่องแต่งงานของเขาเหมือนกัน สุดท้ายคือเขาอกตัญญู ทำให้คุณปู่ต้องจากโลกไปอย่างรู้สึกเสียดาย
เขาสนใจแค่ผู้ชายเท่านั้น…..
คู่รักคู่นี้เป็นยังไง พวกเทวิกาไม่รู้
มิลินท์มาถึงอพาร์ตเม้นของเทวิกา เธอแต่งหน้าให้ทั้งเทวิกาและกนกอร ทว่าไม่ใช่แต่งหน้าให้ดูน่าเกลียด
“แต่งหน้าให้น่าเกลียดดูชัดเจนเกินไป แล้วยังเป็นลูกค้าหน้าใหม่อีก ก็จะถูกจับตาดูได้ง่าย แต่งแบบปกติธรรมดาดีกว่า ถึงจะเป็นลูกค้าหน้าใหม่ คนอื่นก็จะคิดแค่ว่าพวกเธอเป็นลูกสาวของเศรษฐีใหม่
มิลินท์แต่งหน้าให้ทั้งคู่ แถมยังใส่วิกผมให้พวกเธอ แล้วค่อยใส่ทั้งคู่ใส่แว่นตาเลนส์ใส
“พวกเธอส่องกระจกดูสิ”
มิลินท์ยื่นกระจกให้เทวิกา ยิ้มเอ่ยว่า “ฉันรับรองว่าแม้แต่แม่แท้ๆของเธอก็ดูไม่ออกว่าเป็นเธอ”
“นี่คือฉันเหรอ? ไม่เหมือนเลยสักนิด ลินท์ มือของเธอมหัศจรรย์มากเกินไปแล้ว นี่มันยอดฝีมือนักแปลงโฉมชัดๆ”
เทวิกามองตัวเองในกระจก ราวกับกำลังมองคนแปลกหน้าคนหนึ่ง
“แน่นอนอยู่แล้ว ฉันเรียนมาตั้งสิบกว่าปีนะ เธอสองคนเปลี่ยนเสื้อด้วย อย่าใส่เสื้อที่ใส่ปกติ เผื่อมีคนคุ้นเคยเห็นแล้วดูออก”
มิลินท์หยิบเสื้อใหม่สองชุดออกมาจากถุงที่เธอเอามา แล้วยื่นให้ทั้งสองคน
“คุณลินท์ กระเป๋าเธอใส่ของได้เยอะจริงๆ ฉันเห็นเธอล้วงของออกมาจากระเป๋าไม่หยุดเลย เหมือนล้วงยังไงก็ล้วงไม่หมด”
กนกอรหยอกล้อ
ลินท์ยิ้มเอ่ยว่า “เธอไม่เห็นเหรอว่าฉันเอากระเป๋ามาสองใบ? รีบไปเปลี่ยนเสื้อได้แล้ว ฉันเองก็ต้องเปลี่ยนโฉมแล้ว เดี๋ยวเราเช่ารถไป แล้วก็ เดี๋ยวเธอสองคนไปก่อน ฉันตามไปทีหลัง ออกไปด้วยกันไม่ได้”
กนกอรถามโดยอัตโนมัติว่า “ทำไม”
ลินท์มองไปที่มองเทวิกา “วิกามีหาง”
กนกอรมองไปที่ด้านหลังของเพื่อนรักโดยอัตโนมัติ ก็ไม่เห็นหางจิ้งจอกยาวๆเลย
เทวิกาพลันเข้าใจความหมาย แล้วถามลินท์ว่า “เธอรู้ได้ยังไง?”
ขนาดเธอยังไม่รู้เลย
“ก็จากที่พัฒน์คลั่งรักเธอไง เขาจะไม่ทำอะไรเลยได้ยังไงกัน? ถึงเขาไม่ทำอะไร ก็ยังมีพี่ชายเธอกับพ่อเธอ”
กนกอรฟังบทสนทนาของทั้งคู่ก็จึงจะเข้าใจ
หางของเทวิกาหมายถึงบอดี้การ์ดที่คอยแอบปกป้องเธอลับๆ
“ตกลง ทำตามที่เธอพูด”
เทวิกานึกถึงว่ามีคนคอยจับตาดูทุกการกระทำของเธอ ก็พลันรู้สึกว่าไม่มีแม้แต่ความเป็นส่วนตัว แต่ก็เข้าใจว่ายศพัฒน์เป็นห่วงเธอ กลัวว่าเธอจะเกิดอะไรขึ้น จากที่เธอรู้นิสัยเขา เขาจะส่งคนมาคอยปกป้องเธอลับๆ แต่จะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องที่เธออยากทำ
เขาไม่บอก เธอก็แสร้งทำเป็นไม่รับรู้
หลังจากที่ทั้งคู่เปลี่ยนเสื้อเสร็จ ก็ออกไปจากอพาร์ตเม้นก่อน
ส่วนมิลินท์ก็ตามหลัง
วายุกับสายฟ้าเห็นมิลินท์เข้าไปในอพาร์ตเม้นที่คุณนายน้อยของพวกเขาเช่าอยู่ก็จริง ทว่ากลับไม่เห็นมีคนออกมานานมากแล้ว
ทั้งคู่ที่รู้ความสามารถของมิลินท์ดี ในที่สุดก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
วายุรีบโทรหายศพัฒน์ทันที “คุณชายใหญ่ คุณลินท์มาหาคุณนายน้อย พวกเธออยู่ในอพาร์ตเม้นของคุณนายน้อย แต่ว่าผ่านมานานมากแล้ว สองสามชั่วโมงแล้วก็ยังไม่เห็นมีคนออกมา ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยปกติ”