คุณสามีพันล้าน - บทที่ 316 นามสกุลเดียวกับภรรยาประธาน
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 316 นามสกุลเดียวกับภรรยาประธาน
จู่ๆ เขาก็หยุดลง ทำให้ทุกคนตกใจมาก ต่างพากันมองเขาด้วยความตื่นเต้น
ยศพัฒน์หันหน้า แล้วมองไปที่เทวิกา
สีหน้าของเทวิกาเต็มไปด้วยความเคารพ ฉวยโอกาสที่คนอื่นไม่ทันสังเกต กะพริบตาใส่เขาสองสามที
ก่อนที่เธอจะออกจากบ้าน ยศพัฒน์ยังทำตัวเป็นสามีผู้อาภัพอยู่ในห้อง ไม่ได้เห็นใบหน้าของเธอในวันนี้ ดีที่ น้ำเสียงคุ้นเคย และรูปร่างคุ้นเคย
เวลานี้ ยศพัฒน์รู้แล้วว่าหน้าตาของภรรยาที่อยู่ในบริษัทเป็นยังไง
เธอเดินไปข้างหน้าของเทวิกา
ทุกคนเฝ้าดูการกระทำของเขา และพนักงานฝ่ายบุคคลรู้สึกประหม่าจนฝ่ามือมีเหงื่อไหลออกมา เพราะกลัวว่าพนักงานใหม่จะทำให้ประธานไม่พอใจ
“พนักงานมาใหม่เหรอ?”
ใบหน้าของยศพัฒน์อ่อนโยนลง และได้ถามเสียงทุ้มต่ำออกมา
เทวิกาเงยหน้ามองเขา แล้วก้มหน้าลงทันที แสดงท่าทีเหมือนไม่กล้ามองหน้าเขาโดยตรง แต่ยังคงมีมารยาทเหมือนเดิม “เพิ่งมาวันนี้เหรอ”
“ตั้งใจทำงาน!”
ยศพัฒน์พูดเสียงต่ำออกมาเสร็จ ก็หันหน้า แล้วเดินออกไป
เมื่อเขาเดินออกไป พนักงานฝ่ายบุคคลโล่งอกออกมาทันที
เมื่อยศพัฒน์เดินเข้าไปในลิฟต์แล้ว พนักงานฝ่ายบุคคลถึงกล้าพาเทวิกาเดินต่อ และเดินไปด้วยพูดไปด้วยว่า: “เมื่อกี้ฉันตกใจหมดเลย ฉันคิดว่าประธานไม่พอใจเธอเสียอีก เพิ่งทำงานวันแรก ถ้าเธอทำให้ประธานไม่พอใจ ก็ไม่สามารถทำงานที่นี่ต่อได้อีก”
“ฉันเพิ่งมา ยังไม่ได้ทำเรื่องอะไรเลย คงไม่ได้สร้างความไม่พอใจให้ประธานหรอก พูดไปแล้ว พวกคุณเหมือนกลัวประธานมากเลยนะ?”
พนักงานฝ่ายบุคคลมองมาที่เธอ “แล้วเธอไม่กลัวเหรอ?”
เทวิกาทำท่าทางกลัวออกมา “กลัวเหมือนกัน”
“ถ้างั้นก็ถูกแล้ว บริษัทของพวกเรา มีไม่กี่คนหรอกที่ไม่กลัวท่านประธาน ถึงแม้ประธานจะไม่ถือว่าเย็นชา แต่เมื่อเห็นหน้าเธอ ก็จะรู้สึกมีแรงกดดันขึ้นมา เมื่อก่อน พนักงานตัวเล็กๆ อย่างฉันมีโอกาสเห็นประธานน้อยมาก วันนี้ถือว่าโชคดี ที่ได้เจอ”
ชะงักไปสักพัก พนักงานฝ่ายบุคคลพูดเสียงเบาออกมาว่า: “เจอดีกว่าไม่ต้องเจอ เมื่อกี้ฉันตกใจมากจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่ประธานเดินมาตรงหน้าเธอ ฉันตื่นเต้นจนมือไหลเหงื่อออกมา”
เทวิกาพูดเสริมขึ้นว่า: “ฉันเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน”
กลัวยศพัฒน์จะพูดออกมาว่า “สวัสดีที่รัก”
“เข้าใจ ใช่แล้ว เธอก็ชื่อเทวิกา ภรรยาของท่านประธานก็ชื่อเทวิกาเหมือนกัน ตอนเห็นชื่อเธอ ฉันตกใจมาก นึกว่าเป็นภรรยาของท่านประธานมาทำงาน”
พนักงานฝ่ายบุคคลเป็นคนอัธยาศัยดี ระหว่างทางที่พาเทวิกาเป็นสถานที่ทำงานของเธอนั้น หาเรื่องคุยกับเทวิกาตลอด
เทวิกายิ้ม แล้วพูดขึ้นว่า: “บนโลกนี้มีคนชื่อและนามสกุลเหมือนกันเยอะมาก”
“มันก็ใช่ ชื่อเหมือนนามสกุลเหมือนแต่วาสนาไม่เหมือนกัน ภรรยาของท่านประธานชื่อเหมือนเธอ อายุก็เท่าเธอ เธอโชคดีมาก ได้แต่งงานกับประธานของพวกเรา ก่อนหน้านี้ พวกเราต่างคิดกันว่าที่ประธานไม่ยอมแต่งงานเพราะเขารอคู่รักตอนเด็กของเขาเสียอีก”
“ตอนนี้ถึงรู้ว่าที่แท้ท่านประธานรอภรรยามาโดยตลอด ได้ยินมาว่าทั้งสองคนรู้จักกันมาสิบเอ็ดปี ท่านประธานได้หลงรักภรรยาตั้งนานแล้ว และรอภรรยาเติบโต คิดดูแล้ว คุณหญิงช่างโชคดีจริงๆ !”
ในคำพูดนั้นเต็มไปด้วยความอิจฉาเทวิกา
เทวิกาได้แต่ยิ้ม แล้วพูดเสริมขึ้นว่า: “โชคดีจริงๆ”
ถึงแม้เธอจะถูกยศพัฒน์หลอก แต่ก็ต้องยอมรับ หลังจากได้แต่งงานกับเขา ถือว่าโชคดีจริงๆ
หลังจากเรียนจบเทวิกาไม่เคยทำงานที่บริษัทมาก่อน เธอไม่เคยมีประสบการณ์ในการทำงาน ถึงแม้เธอจะเรียนด้านออกแบบมา แต่ก็ต้องเริ่มทำงานตั้งแต่พื้นฐานก่อน
เนื่องจากเธอเป็นคนใหม่ หน้าตาธรรมดา ตอนนี้เธอทำงานทั่วไป ที่ไหนต้องการเธอ เธอก็ไปที่นั่น
หลายครั้งที่ยศพัฒน์อยากลงไปดูที่ชั้นล่าง แต่ก็ห้ามใจไว้
เทวิกาเคยพูดแล้ว ตอนอยู่ในบริษัท พวกเขาต่างไม่รู้จักกัน
และช่วงเช้าก็ผ่านไปเร็วมาก
ยศพัฒน์ลงมาชั้นล่างเร็วกว่าปรกติ ตอนแรกต้องการกินอาหารกลางวันกับเทวิกา เขาได้ส่งข้อความให้เทวิกา แต่เทวิกตอบกลับเขาว่า เธอได้ไปกินข้าวที่โรงอาหารของบริษัทแล้ว
ยศพัฒน์มองข้อความที่ภรรยาที่รักส่งมาให้ เงียบไปนานมาก
ดูแล้ว คงต้องกลับถึงบ้าน เขาถึงสามารถเห็นหน้าเธอได้
เทวิกากำลังเตรียมตัวเป็นทายาสืบทอดในอนาคต ส่วนกนกอรกำลังปวดหัวว่าจะทำยังไงนฤเบศวร์ถึงยอมหย่า
เมื่อคืน เธอถูกนฤเบศวร์แบกกลับตระกูลเดชอุป เห็นแก่หน้าคุณปู่เร็น เธอเลยอดทนไว้ กินอาหารค่ำที่บ้านตระกูลเดชอุปท่าทางของพ่อสามีดีขึ้นเล็กน้อย แต่แม่สามียังคงไมชอบเธอเหมือนเคย
กนกอรรู้ว่าแม่สามีชอบเปรมามาก ในใจอยากให้นฤเบศวร์แต่งงานกับเปรมา ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะยศพัฒน์ตรวจสอบเจอเรื่องที่เปรมเคยทำในต่างประเทศ บัณฑิตาคงตัดใจจากเปรมาไม่ได้
แต่ ถึงแม้เธอจะถูกเปรมาทำให้เสียใจมาก และไม่เกลี้ยกล่อมลูกชายให้ไปอยู่กับเปรมาอีก แต่ก็ไม่มีทางยอมรับกนกอรลูกสะใภ้คนนี้ง่ายๆ
ในสายตาของบัณฑิตา กนกอรเป็นลูกสาวของตระกูลธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นระดับ หรือว่าวิสัยทัศน์ ไม่ว่าด้านไหนก็เทียบกับตระกูลเดชอุปของพวกเขาไม่ได้เลย
หลังกินอาหารค่ำเสร็จ กนกอรจะกลับมา ตอนแรกนฤเบศวร์ไม่อยากส่งเธอกลับ เธอจึงพูดกับเขาว่า ถ้ากล้าบังคับให้เธออยู่ค้างคืนที่ตระกูลเดชอุป เธอจะตัดขาดกับเขาทันที
สุดท้าย เขาก็ยอมส่งเธอกลับบ้านแต่โดยดี
ครั้งนี้ เขากลับต้องการเข้าบ้าน แต่กนกอรไม่ยอมให้เขาเข้าบ้าน
ทำให้นฤเบศวร์กลับบ้านด้วยความโกรธเคือง
“เฮ้อ!”
กนกอรถอนหายใจออกมาแรงๆ
ไม่มีคนมีปฏิกิริยาตอบรับ
“เฮ้อ ปวดหัว”
เธอถอนหายใจแรงๆ ออกมาอีกครั้ง
ยังคงไม่มีใครมีปฏิกิริยาตอบกลับเธอเช่นเคย เธอหันหน้าไปมอง ไม่มีใครอยู่ข้างกายเลย และเทวิกาก็ไม่อยู่
กนกอรตกตะลึงไปสักครู่ แล้วพูดเองออกมาว่า: “วิกาไปทำงานแล้ว ฉันอยู่คนเดียวน่าเบื่อจริงๆ เลย”
กิจการในร้านขายดีมาก
ถึงแม้เทวิกาจะไปทำงานแล้ว แต่คนอื่นไม่รู้ คนส่วนใหญ่มาที่นี่เพราะฐานะของเทวิกา
“คุณกนกอร”
เสียงคุ้นหูดังขึ้นมา
ไม่มอง ก็รู้ว่าเป็นกันตภณ
เมื่อเห็นกันตภณ กนกอรตาใสขึ้นมาทันที เพราะในที่สุดก็มีคนมาคุยเป็นเพื่อนเธอสักที
“คุณกันตภณ คุณมาแล้วเหรอ”
กนกอรลุกขึ้นมาอย่างตื่นเต้น เดินอ้อมผ่านเคาน์เตอร์ เพื่อไปต้อนรับกันตภณ
เธอนึกว่ากันตภณถูกนฤเบศวร์โยนออกไปแล้วครั้งหนึ่ง คงไม่กล้ามาอีกแล้ว
ผู้ชายคนนี้ถือว่ามีความกล้าอยู่
ในใจของกันตภณขมขื่น เขาทำเพื่อบริษัทของแฟน จึงจำเป็นต้องมา
จากการสังเกตของเขา ถึงแม้จะไม่มีการกระตุ้นของเขา นฤเบศวร์ก็หวั่นไหวแล้ว การปรากฏตัวของเขา ก็แค่ช่วยผลักดันเพิ่มขึ้นไปหน่อยเท่านั้นเอง
กนกอรเชิญกันตภณให้นั่งลง
“สาวน้อย เอาของว่างมาให้คุณกันตภณสองจาน”
“รับทราบค่ะ”
กันตภณมองไปรอบๆ แน่ใจแล้วว่าจะไม่เจอนฤเบศวร์ ถึงวางใจลงได้
“คุณกนกอร เวลากินข้าวไม่ต้องเสิร์ฟอาหารว่างหรอก วันนี้ผมมีเรื่องไม่สบายใจเล็กน้อย อยากหาคนกินข้าวเป็นเพื่อน คุณกนกอร พวกเราคุยกันถูกคอ ให้เกียรติ กินข้าวกับผมได้ไหม?”
เถ้าแก่บอกกับเขาว่า ต้องเข้าใกล้กนกอรให้มากที่สุด ต้องให้กนกอรรับปากกินข้าวกับเขา ช้อปปิ้ง จากนั้น เขาก็เริ่มส่งของขวัญให้กนกอร เงินที่ใช้ซื้อของขวัญ เถ้าแก่จะเป็นคนออก ไม่ต้องใช้เงินเขา
กันตภณรู้สึกว่าภารกิจของเขายิ่งอยู่ยิ่งอันตราย
เมื่อวันตอนที่ถูกนฤเบศวร์โยนออกไป ทำให้เขาเจ็บปวดมาก
และเกือบหักมือเท้าของเขาขาด
ถ้าหากให้นฤเบศวร์รู้ว่าเขากับกนกอรยังกินข้าว ช็อปปิ้ง ส่งของขวัญอีก กันตภณคิดว่าขาวสองข้างของเขาต้องชำรุดเสียให้แน่
นฤเบศวร์เป็นคนขี้หึง!