คุณสามีพันล้าน - บทที่ 330 ศัตรูตัวฉกาจ
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 330 ศัตรูตัวฉกาจ
“นายจะออกมาหรือให้ฉันเข้าไปหา?”
ยศพัฒน์ขมวดคิ้ว, “โทรคุยเอาไม่ได้เหรอ?”
“ฉันอยากพูดต่อหน้า”
นฤเบศวร์จึงตอบว่า: “พัฒน์ ฉันขอร้องล่ะ เราพูดกันต่อหน้าไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”
ยศพัฒน์หัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “นฤเบศวร์ นายถึงขั้นต้องมาขอร้องฉันเลยเหรอ”
“ใช่ ฉันขอร้องล่ะ สรุปนายจะออกมาหรือให้ฉันเข้าไปหา?”
ด้วยความรัก ทำให้นฤเบศวร์รู้สึกว่าไม่มีอะไรให้เสียต่อหน้ายศพัฒน์แล้ว
เมื่อก่อนเพื่อเปรมา แต่ตอนนี้เพื่อกนกอร
“ก็ได้ นี่เป็นแค่เพราะเธอเคยช่วยฉันมาก่อนนะ เธอเข้ามาสิ เดี๋ยวให้คนไปเปิดประตูให้”
ยศพัฒน์ยิ้ม
พร้อมให้นฤเบศวร์เข้ามา
นฤเบศวร์พูดขอบคุณ และวางสาย
“เกิดอะไรขึ้น”
เทวิกาถามด้วยความเป็นห่วงว่า “นฤเบศวร์ขอร้องอะไรคุณ
“ก็ไม่ได้ขอร้องอะไร แค่อยากจะคุยกับผมเฉย ๆ ผมเองยังไม่รู้เลยว่าเรามีอะไรเรื่องให้คุยกัน แต่เมื่อกี้เท่าที่ได้ยินเสียงเขาผ่านมือถือ ก็รู้สึกได้ว่าต้องมีอะไรรบกวนใจเขาอยู่แน่ ๆ”
ยศพัฒน์ดึงเครื่องเป่าผมออกมาจากมือของเทวิกา “เดี๋ยวผมช่วยคุณเป่าผมให้เสร็จก่อน แล้วค่อยไปหาเขา”
“เดี๋ยวฉันเป่าเองก็ได้ คุณรีบไปหาเขาเถอะ เผื่อมีเรื่องด่วน ตอนนั้นที่ฉันมีเรื่องด่วน เขาก็มาช่วย ถึงแม้ว่ากนกอรจะเป็นคนขอให้ช่วยก็ตามเถอะ ตอนนี้ถึงตาพวกเราช่วยเขาบ้างแล้วล่ะ”
ยศพัฒน์จึงตอบว่า “ตอนนั้นผมไปถึงบ้านเขาเพื่อไปขอบคุณและให้เงินก้อนหนึ่งเป็นรางวัล เพื่อนรักของคุณยังยอมแต่งงานกับเขาเพื่อชดใช้หนี้บุญคุณเดิม ถ้าจะบอกว่าเราติดหนี้บุญคุณใคร ก็ต้องเป็นเพื่อนรักของคุณ ไม่ใช่นฤเบศวร์”
เขาช่วยเทวิกาเป่าผมต่ออีกสักพัก แล้วยื่นเครื่องเป่าผมให้เทวิกาเป่าต่อเอง
“วิกา เธออยากกินมื้อดึกไหม?”
ยศพัฒน์หันมาถามก่อนเดินออกจากห้อง
“ไม่กินแล้ว กินดึกเดี๋ยวก็อ้วนอีก ตอนนี้ก็อ้วนตัวจะแตกอยู่แล้ว ถ้ากินมื้อดึกอีกล่ะก็ ต้องตัวแตกจริงแน่ ๆ เลย”
ยศพัฒน์หุบยิ้ม “ไม่เห็นอ้วนเลย สวยผอมหุ่นดีเหมือนนางแบบ”
“ต่อให้คุณจะอ้วนแค่ไหน ผมก็จะยังรักคุณอยู่ จะอ้วนเป็นร้อยกิโล ผมก็จะไม่รังเกียจคุณ เพราะผมจะอ้วนกว่าคุณ พวกเราจะไม่รังเกียจกัน”
เทวิกายิ้มแล้วพูดว่า “เอาเถอะ คุณรีบลงไปเถอะ เดี๋ยวนฤเบศวร์รอไม่ไหว เดี๋ยวเขาก็วิ่งขึ้นมาหาคุณเอาหรอก”
ยศพัฒน์ก็เดินออกไป
พอเขาลงถึงชั้นที่หนึ่ง ก็มีคนเปิดประตูให้นฤเบศวร์เข้ามา แต่บอดี้การ์ดของนฤเบศวร์ไม่ได้เข้ามาด้วย
“คุณชายคะ คุณนฤเบศวร์มาถึงแล้วค่ะ”
ป้ามะนาวได้พานฤเบศวร์มาที่โซฟา และยศพัฒน์ก็สั่งป้ามะนาวว่า
“ป้ามะนาว ไปชงเก๊กฮวยให้นฤเบศวร์สักแก้วหน่อยสิ”
ยศพัฒน์เดินเข้ามาพร้อมสั่งป้ามะนาว
ป้ามะนาวผงกหัวรับทราบ จึงเดินไปชงเก๊กฮวยให้นฤเบศวร์
“นั่ง”
ยศพัฒน์เชิญให้นฤเบศวร์นั่ง พอนฤเบศวร์นั่งลงแล้ว เขาก็นั่งตาม
“ฉันไม่ชอบดื่มเก๊กฮวย”
พอนฤเบศวร์นั่งลง ก็เริ่มบ่น “ไม่มีชาอื่นเลยเหรอ?ฉันอุตส่าห์มาทั้งที ไม่คิดจะเอาชาดี ๆ มาเสิร์ฟบ้างเลย เอาแค่ชาเก๊กฮวยธรรมดา ๆ มาเสิร์ฟ”
ยศพัฒน์มองเขาแล้วพูดว่า “ตอนนี้นายกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แทบเป็นบ้าแล้ว ก็ให้ป้ามะนาวไปชงเก๊กฮวยมาให้ เผื่อจะดับร้อนได้บ้าง ถ้านายไม่รู้จักสำนึกคุณคน ก็จะไม่มีใครปฏิบัติตัวดีกับนาย”
นฤเบศวร์ “……”
สมกับเป็นศัตรกันจริง ๆ แค่เห็นหน้ากันแวบเดียวก็รู้แล้วว่าอารมณ์โกรธเขาแรงเหมือนไฟที่พร้อมเผาทุกอย่างเป็นเถ้าถ่าน
“มาหาดึกยังไม่พอ ยังมีหน้ามาเยี่ยมแบบมือเปล่า ไม่รู้จักเอาของมาให้”
นฤเบศวร์ “……”
เขาเอาของมาเยอะมาก ทว่า สิ่งของเหล่านั้น ตอนแรกซื้อไปฝากบ้านแม่ยาย ภายใต้การพูดของแม่ยายและภรรยา เขาตอบตกลงที่จะหย่าไปอย่างช่วยไม่ได้ ของเหล่านั้นถูกปฏิเสธการรับ และยังอยู่ในรถของบอดี้การ์ดของเขา
แม้จะถูกแม่ยายปฏิเสธที่จะรับของ ทว่า นฤเบศวร์ก็ไม่คิดที่จะมอบมันให้กับศัตรูตัวฉกาจนี้
ไว้วันหลัง เขาจะเอาสิ่งของเหล่านั้นไปฝากอีกครั้ง เอาไปฝากครั้งหนึ่งไม่สำเร็จก็ต้องเอาไปฝากหลาย ๆ ครั้ง ต้องมีสักครั้งที่มันสำเร็จ
“ว่ามา RA กรุ๊ปของนายเจอปัญหาอะไร? ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า สำหรับRA กรุ๊ปแล้ว ฉันแค่รับซื้อ แต่ไม่ลงทุน”
นฤเบศวร์พูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ยศพัฒน์ ปากหมาแบบนี้ พูดดี ๆ ไม่เป็นหรือไง”
พูดกันไม่กี่คำก็ไปบอกว่าบริษัทเขามีปัญหา อยากซื้อบริษัทเขา
ยศพัฒน์ถามกลับว่า “นายเคยเห็นปากหมาเหรอ?”
นฤเบศวร์ถึงกับอึ้งไปสักพัก
“นอกเหนือจากเรื่องธุรกิจแล้ว ฉันนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเรามีเรื่องอะไรต้องคุยกัน ถึงขึ้นต้องมารบกวนกันตอนเวลาดึกดื่นแบบนี้”
“นายก็ใช่ย่อย เหมือนกับพวกที่ไม่รู้จักพอ”
ยศพัฒน์จึงพูดว่า “ฉันกับภรรยาฉันรักกันดี คำว่า ‘ไม่รู้จักพอ’ เอาไปใช้กับนายนู่น”
“นฤเบศวร์ ฉันมีเวลาให้นายแค่ยี่สิบนาที ตอนนี้ดูนาฬิกาสิ ตั้งแต่ที่นายเข้ามา เสียเวลาชีวิตฉันไปแล้วกี่นาที?”
นฤเบศวร์ “……ไม่ใช่นายหรอกหรือที่ทำฉันเสียเวลาน่ะยศพัฒน์ นายไม่รู้สึกบ้างเหรอว่าชีวิตการแต่งงานของเรามันเหมือนกัน? นายแต่งงานกับเมียของนายโดยมีข้อตกลง ฉันกับกนกอรก็เหมือนกัน”
ยศพัฒน์พิงลงไปที่โซฟา ยิ้มแล้วพูดว่า “ที่แท้ก็มาเพราะเรื่องของคุณกนกอร นายควรไปหาวิกา ไม่ใช่มาหาฉันวิกากับคุณกนกอรเป็นเพื่อนรักกัน”
“ถ้าฉันตั้งใจมาหาเทวิกาแต่แรก นายคงไม่แม้แต่จะเปิดประตูบ้าน”
“นายก็โทรหาเธอสิ เรื่องนี้ฉันไม่ถือ ฉันเป็นคนใจกว้าง ให้อิสระแก่เธอเสมอ”
นฤเบศวร์หัวเราะ “ถ้าเป็นเรื่องของความรักแล้ว ไม่มีใครใจกว้าง”
“ยศพัฒน์ นายอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง เราคุยเรื่องที่ฉันอยากคุยแต่แรกกันเถอะ”
ยศพัฒน์ผายมือให้เขาพูดต่อ
ป้ามะนาวเอาน้ำเก๊กฮวยมาให้นฤเบศวร์ และน้ำอุ่นให้ยศพัฒน์
“ป้ามะนาว ทำอาหารให้หน่อยสิ”
ยศพัฒน์หิวมาก
เขามองไปที่นฤเบศวร์ แล้วพูดว่า “ทำมาเผื่ออีกที่หนึ่ง”
“รับทราบค่ะ”
ป้ามะนาวผงกหัวรับรู้ แล้วก็เดินเข้าห้องครัวไป
“พรุ่งนี้อาทิตย์ต้องขึ้นทางตะวันตกแน่ ๆยศพัฒน์ เพราะนายกำลังเลี้ยงข้าวฉัน”
“งั้นคืนนี้นายก็ไม่ต้องนอน ไปนั่งจ้องรอตะวันขึ้นดินได้เลย ดูสิว่ามันจะขึ้นทางตะวันตกจริงหรือเปล่า นายจะอะไรกับฉันหนักหนา ทำดีด้วยนิดหน่อย ก็ทำเป็นเหลิง นายมาถึงก็อยากทุลักทุเลเหมือนโดนหมาป่าไล่กัดเหรอ ครั้งหน้าฉันจะทำให้นายสมหวังเอง ฉันจะเลี้ยงหมาป่าไว้สองตัว ถ้านายจะมา ฉันจะไม่ให้อาหารพวกมัน เมื่อปล่อยออกมา ด้วยความหิว พวกมันต้องวิ่งไล่นายเร็วอย่างแน่นอน”
นฤเบศวร์:……
“พัฒน์,ตอนที่เทวิการู้ตัวตนที่แท้จริงของนาย เธอพูดถึงเกี่ยวกับการหย่าไหม?”
นฤเบศวร์เข้าสู่ประเด็นหลัก
ตอนที่ถามคำถามนี้ เขารู้สึกผิดเล็กน้อย
เพราะว่าตอนนั้นเขาเป็นคนที่ทำให้เทวิการู้ตัวตนที่แท้จริงของยศพัฒน์