คุณสามีพันล้าน - บทที่ 346 จิ้งจอกเฒ่ามาขอโทษถึงบ้าน
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 346 จิ้งจอกเฒ่ามาขอโทษถึงบ้าน
น่าเสียดายที่หลานชายของตนเองไร้ประโยชน์ จึงรักษาหลานสะใภ้เอาไว้ไม่ได้
กนกอรพูดอย่างนิ่งเฉย: “คุณเร็นคะ เรื่องของฉันกับนฤเบศวร์ คุณชัดเจนดีที่สุด ตอนนี้เราหย่ากันแล้ว ฉันไม่ใช่ภรรยาของเขาอีกแล้ว ก็ไม่ต้องเรียกคุณว่าคุณปู่อีกเช่นกันค่ะ คุณเร็น นี่คืออะไรคะ?”
ตั้งแต่ที่คุณปู่ชรัณรู้ว่าโดนคุณปู่เร็นหลอก ก็ไม่ให้คุณปู่เร็นมาเหยียบที่บ้านอีกเลย
ทั้งชีวิตนี้ของคุณปู่เร็นดูท่าคงโดนคนอื่นยกยอมาโดยตลอดสินะ ไม่เคยลองโดนใครไล่ออกจากบ้าน แม้จะรู้ว่าตนเองผิด ก็ไม่ยินยอมที่จะก้มหัวขอโทษอย่างจริงใจ ดังนั้น จึงนานมากแล้วที่ไม่ได้มาเหยียบบ้านของตระกูลภูสิทธ์อุดม
“อร เชิญปู่เข้าไปนั่งในบ้านแล้วค่อยคุยกันได้ไหม? ใช่สิ ปู่ของเธออยู่บ้านไหม?”
กนกอรรีบเชิญคุณปู่เร็นเข้ามาในบ้าน เดินไปพูดไป: “ปู่ฉันอยู่บ้านค่ะ คุณเร็นมาขอโทษปู่ฉันเหรอคะ?”
คุณปู่เร็นหน้าแดงระเรื่อ แต่ก็กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว พูดขึ้น: “เมื่อก่อน เป็นปู่เองที่ทำไม่ถูก ปู่หลอกลวงปู่ของเธอ ทั้งๆที่ปู่เธอเห็นปู่เป็นเพื่อน ไม่แปลกใจเลยที่ปู่ของเธอจะโกรธ ไม่ว่าจะพูดยังไง ปู่ก็ควรจะมาขอโทษปู่ของเธอด้วยตัวเอง”
หลานชายอยู่ในกำมือของกนกอรแล้ว
ถึงจะบอกว่าครอบครัวของตระกูลภูสิทธ์อุดมธรรมดา แต่ก็ไม่มีจุดด่างพร้อย กนกอรเองก็เป็นคนที่รู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำด้วย ทั้งยังไม่หวั่นเกรงลูกสะใภ้สติเลอะเลือนคนนั้นของเขาอีก คุณปู่เร็นจึงยิ่งรู้สึกว่ากนกอรเหมาะสมที่จะเป็นนายหญิงของตระกูลเดชอุปของเขา
ลูกสะใภ้คุณสมบัติไม่เพียงพอ ตอนที่ลูกชายจัดการเรื่องในบริษัท เขาจึงให้ภรรยาคนที่สองเป็นนายหญิงของตระกูล ไม่อยากมอบตระกูลเดชอุปให้ลูกสะใภ้ คิดจะรอให้หลานสะใภ้เข้ามาในบ้านก่อน ค่อยให้หลานสะใภ้ข้ามหน้าข้ามตาลูกสะใภ้ มาเป็นนายหญิงของตระกูลเดชอุปทันที
เขาจึงต้องให้ความสำคัญกับตระกูลภูสิทธ์อุดม อันดับแรกเลยก็ต้องมาขอโทษตาเฒ่าชรัณก่อน
กนกอรพาคุณปู่เร็นเข้ามารอในบ้าน
“ปู่คะ คุณเร็นมาค่ะ”
เมื่อคุณปู่ชรัณเห็นเฒ่าเจ้าเล่ห์ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยก็อึมครึมทันที มองซ้ายมองขวา ท่าทางอยากจะหาอะไรมาไล่เฒ่าเจ้าเล่ห์นี่ออกไป
“ชรัณ ขอโทษด้วย คราวก่อนฉันผิดเอง ฉันไม่ควรหลอกแก ครั้งนี้ฉันตั้งใจมาขอโทษแกโดยเฉพาะ แกเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว ให้อภัยฉันสักครั้งเถอะนะ”
คุณปู่เร็นไม่รอให้คุณปู่ชรัณไล่ ก็เดินเข้ามา ขอโทษอย่างจริงจัง
“เฒ่าเจ้าเล่ห์ เฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างแกทำร้ายหลานสาวฉัน อรยังไม่มีแม้แต่ความรัก ก็โดนแกทำร้ายจนกลายเป็นผู้หญิงที่หย่าขาดกับสามี ถ้าไม่ใช่ว่าเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างแกบีบบังคับ จะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายขนาดนี้เหรอ? เกมที่ตระกูลคนรวยอย่างพวกแกเล่นกันน่ะ ตระกูลจนๆของพวกฉันเล่นด้วยไม่ได้หรอก แกมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น!”
ชรัณโมโหคุณปู่เร็นจริงๆ
ทั้งยังตำหนิตนเองเช่นกัน
ตอนแรกเขาได้ยินคุณปู่เร็นพูดถึงหลานชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน จึงอยากช่วยหลานสาวหาแฟนด้วยใจจริง ใครจะคิดว่านี่เป็นการผลักหลานสาวเข้าไปในกองไฟ
“ใช่ๆๆ ฉันมันเฒ่าเจ้าเล่ห์ เป็นความผิดของฉันทั้งหมด ชรัณ แกด่าฉันสิ ด่าฉันให้เละเทะไปเลย ฉันจะยอมรับเอาไว้ แต่ขอร้องแกให้อภัยฉันสักครั้งเถอะ ฉันรับรองว่าต่อไปจะไม่หลอกลวงแกอีกแล้ว”
คุณปู่ชรัณแสดงท่าทียอมรับผิด
เขาอธิบาย: “ฉันก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายอร หวังจริงๆว่าไอ้หลานไม่รักดีของตระกูลฉันจะได้ใช้ชีวิตกับอรอย่างมีความสุข ชรัณเอ้ย พวกเราเป็นปู่กันแล้ว แกรักอรมากขนาดไหน คาดหวังให้อรมีความสุขมากขนาดไหน ฉันเองก็รักเจ้าเบศวร์ หวังให้เจ้าเบศวร์มีความสุขมากเช่นกัน”
ชรัณคำรามออกมา: “การทำอะไรที่ฝืนใจอีกฝ่ายมักจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดี แกไม่รู้หรือไง? ผมขาวหมดแล้ว ยังไม่เข้าใจทฤษฎีนี้อีก แกมันใช้ชีวิตมาอย่างไร้ประโยชน์แล้วนะ”
“ฉัน……ฉันผิดไปแล้ว ชรัณ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ แกให้อภัยฉันสักครั้งเถอะ”
ชรัณยังคงฮึดฮัดไม่พอใจ แต่ทว่ามือเขากลับเริ่มเคลื่อนไหว เทใบชาในกาทิ้งไป หลังจากทำความสะอาดกาน้ำชาแล้ว จึงเติมใบชาลงไปอีกครั้ง เริ่มชงชา ต้อนรับแขก
กนกอรเห็นผู้อาวุโสทั้งสองคนไม่ทะเลาะกันแล้ว จึงเดินออกมาเงียบๆ
เห็นบอดี้การ์ดสองคนของตระกูลเดชอุปกำลังถือของขวัญอยู่ กนกอรจึงนึกถึงนฤเบศวร์ขึ้นมาเขาไปไหนกันนะ
เขาต้องไปซื้อของขวัญแน่ๆ
จริงๆด้วย เธอเพิ่งเดินออกมาจากประตูบ้าน ก็เห็นนฤเบศวร์ที่มือข้างหนึ่งกำลังกอดช่อดอกไม้เงินเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหิ้วถุงเล็กๆใหญ่ๆเดินกลับมา เห็นแล้วเธออยากจะขำ เพราะสภาพของเขาในตอนนี้ดูลำบากลำบน
รอให้เขาเข้ามาใกล้ เธอจึงพูดขึ้น: “นายหอบดอกไม้ช่อนี้เดินอวดไปทั่วเลยเนี่ยนะ? ไม่มีคนมาปล้น ก็ถือว่านายยังโชคดีอยู่”
“คนอื่นคงคิดว่าเป็นเงินปลอมน่ะสิ อีกอย่างผมตัวสูงใหญ่ ใครจะกล้ามาแย่งดอกไม้เงินผมล่ะ?”
เขาเคยฝึกฝนศิลปะป้องกันตัวมาด้วย โจรกระจอกที่ไหนกล้ามาแย่งดอกไม้เงินที่เขาเอาไว้ตามจีบภรรยา นั่นก็เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ เขาจะทำให้ไอ้โจรกระจอกนั่นได้นอนคุกไปตลอดชีวิต!
“ฉันคิดว่านายกลัวโดนปู่ฉันไล่ ถึงได้กลับไปเองซะอีก”
กนกอรหิ้วของบางอย่างมาจากในมือของเขา เขาจะได้ไม่หนักเกินไป
“นายซื้อของมาเยอะขนาดนี้ คนในครอบครัวฉันอาจจะไม่รับไว้ก็ได้นะ”
“รับหรือไม่รับเป็นเรื่องของพวกคุณ ผมมาถึงที่นี่คงเข้าไปมือเปล่าไม่ได้หรอก ไร้มารยาทเกินไป ตอนนี้ผมขอแค่ในแง่ของการให้คะแนน ห้ามให้คะแนนมารยาทของผมหายไปเชียว”
นฤเบศวร์ส่งดอกไม้เงินไปให้เธอ หลังจากเธอรับดอกไม้เงินไปแล้ว เขาก็เอาของขวัญพวกนั้นกลับมาจากในมือของเธอ พูดขึ้น: “ของพวกนี้หนัก คุณอย่าถือเลย ใช่สิ ตอนผมกลับมา เห็นรถสองคันเหมือนรถปู่ผมเลย ไม่รู้ว่าผมตาฝาดหรือว่า……”
“ปู่นายนั่นแหละ เขาก็มาด้วย ขอโทษปู่ฉันอยู่ในบ้านน่ะ”
นฤเบศวร์เข้าไปในบ้านกับเธอ ได้ยินเสียงของปู่จริงๆ เขาจึงเบ้ปาก บ่นๆ: “รอให้ผมหย่า เขาถึงมาขอโทษถึงบ้านได้ หมายความว่าไงเนี่ย? ถ้ามาขอโทษเร็วกว่านี้ ไม่แน่แม่ยายผมอาจจะไม่บังคับให้เราหย่ากันก็ได้”
“ใช่สิ แม่ยายผมอยู่บ้านไหม? เห็นผมมา จะคว้ากระบองมาตีคุณหรือเปล่า? กนกอร ถ้าแม่คุณตีคุณอีก คุณก็วิ่งนะ ผมจะช่วยกันให้คุณเอง ให้แม่คุณตีผม ผมหนังหนา ไม่กลัวโดนตีหรอก”
กนกอรมองเขา ตอนที่เขาขวางกระบองแทนเธอ มันเป็นไปโดยสัญชาตญาณ เขาใส่ใจเธอจริงๆ
เพียงแต่ เปรมายังมาเกาะแกะเขาอยู่ ต่อให้เขาจะตัดขาดได้อย่างไร้เยื่อใย แต่ช่วงเวลาที่เลิกติดต่อกันมันก็ยังสั้นเกินไปอยู่ดี เธอยังต้องคอยสังเกตต่อไป
สรุปแล้ว เธอจะไม่ทำให้ตนเองได้รับความไม่ยุติธรรมอีก ทั้งยังไม่ยินยอมเป็นตัวแทนใครอีกแล้ว
ในอนาคต หากมีสักวัน ที่เธอจะได้เดินเข้าไปในประตูของตระกูลเดชอุปอีกครั้ง ก็ต้องได้เดินเข้าไปอย่างทรงเกียรติ สง่าผ่าเผย
“แม่ฉันไปบ้านลุง สบายใจได้ แม่ฉันไม่ตีฉันแล้ว”
นั่นเป็นการกระทำที่ข่มขู่นฤเบศวร์
จริงๆในใจของนฤเบศวร์ก็รู้ดี
เขารักกนกอร ต่อให้แม่ยายจะแสร้งทำ เขาก็กลัวอยู่ดี ยินยอมที่จะหย่า ดีกว่าให้แม่ยายลงไม้ลงมือกับกนกอรอีก
ทั้งสองคนเข้าไปในบ้านด้วยกัน
ผู้อาวุโสสองคนในบ้าน คืนดีกันหรือยัง กนกอรไม่รู้หรอก
เธอแค่รู้ว่าตอนที่เธอเข้ามาก็เห็นผู้เฒ่าสองคนนั่งอยู่บนโซฟา ฟังละครเพลงด้วยกัน ดื่มชาด้วยกัน
กองของขวัญวางอยู่บนโซฟาเดี่ยว พ่อบ้านเซนกำลังถือมีดผลไม้ปอกเปลือกแอปเปิลอยู่ ในจานผลไม้ก็มีแอปเปิลที่หั่นเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“คุณปู่ครับ”
นฤเบศวร์เรียกคุณปู่อย่างปากหวาน
ไม่ได้ระบุชื่อ ก็เท่ากับว่าเรียกคุณปู่ทั้งสองคน
คุณปู่ชรัณจึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะโต้แย้งเขา