คุณสามีพันล้าน - บทที่ 347 ความหมายลึกซึ้งของการกินไข่
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 347 ความหมายลึกซึ้งของการกินไข่
คุณปู่เร็นเห็นหลานชายหิ้วถุงใหญ่ๆเล็กๆเข้ามา ก็ค่อนข้างพึงพอใจ
แต่กลับแสดงสีหน้าเคร่งขรึม ถามขึ้น: “เบศวร์ แกมาทำอะไร?”
“ผมมาส่งกนกอรน่ะสิครับ”
นฤเบศวร์ตอบอย่างมั่นใจ
ชรัณเลิ่กคิ้ว พูดขึ้น: “เมื่อกี้ยัยอรเพิ่งจะกลับมา กลับมาคนเดียวนี่นา”
“คุณปู่ ผมกลับมากับกนกอรครับ ตอนที่มาถึงหน้าบ้านแล้วผมออกไปซื้อของนิดหน่อย กนกอรจึงเข้าบ้านมาก่อน ตอนนี้ เธอคงเป็นห่วงผม ถึงได้รอผมอยู่ที่หน้าบ้านน่ะครับ”
กนกอร: หน้าหนาจริงๆ!
แต่อีตานี่ก็หน้าหนาเหมือนเขียงมาโดยตลอดแหละ
ทั้งสองคนกลับมาด้วยกันจริงๆ นี่ทำให้กนกอรจนปัญญาจะโต้แย้ง
คุณปู่ชรัณเห็นหลานสาวเงียบ จึงรู้แล้วว่านฤเบศวร์พูดจริง เงียบไปชั่วครู่ ถึงพูดกับกนกอร: “อร อีกสักพักแม่แกคงจะกลับมา ในเมื่อบ้านเรามีแขก แกไปซื้อกับข้าวกลับมาหน่อย ให้เฒ่าเจ้าเล่ห์กับหลานเขาอยู่กินข้าวด้วยกัน”
เฒ่าเจ้าเล่ห์: ……
เวลาคุณปู่เร็นออกจากบ้านจะโดนคนอื่นๆเรียกว่าคุณเร็นหรือท่านประเธานเร็นอย่างนอบน้อมเสมอ ได้ยินคุณปู่ชรัณเรียกเขาว่าเฒ่าเจ้าเล่ห์ นอกจากใบหน้าเหี่ยวๆจะชะงักไป ก็ไม่กล้าส่งเสียงตอบโต้ ไม่งั้นถ้าโดนไล่ออกจากบ้าน คงเสียหน้าแย่
ตระกูลภูสิทธ์อุดมนี่ ไม่เหมือนใครจริงๆ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยหวาดกลัวอำนาจและอิทธิพลของตระกูลเดชอุปเลย
เห็นหลานชายกำลังวางสิ่งของไว้บนโต๊ะน้ำชาด้วยความเบิกบาน พูดประจบชรัณ: “คุณปู่ครับ พวกเรากินอะไรก็ได้ ไม่ต้องเพิ่มกับข้าวเป็นพิเศษหรอกครับ”
เฒ่าเจ้าเล่ห์ถอนหายใจอยู่เงียบๆ: ช่างเถอะ เพื่อความสุขของหลานชาย เฒ่าเจ้าเล่ห์ก็เฒ่าเจ้าเล่ห์วะ ใครให้เขาหลอกลวงคนอื่นตั้งแต่เริ่มแรกกันล่ะ
“นายคิดเยอะไปแล้ว ฉันกลัวว่าพวกนายสองคนจะกินกับข้าวของพวกเราจนหมดต่างหาก แล้วพวกเราจะไม่มีกิน ถึงได้ให้อรออกไปซื้อกับข้าวกลับมาอีกหน่อย”
นฤเบศวร์ยังคงหน้าชื่นตาบาน “ให้ข้าวเปล่าผมสักถ้วยก็ได้ครับ แต่ถ้ามีซีอิ๊วไว้คลุกข้าวด้วยจะอร่อยกว่า”
คุณปู่เร็นพยายามเกร็งหน้าเอาไว้ ไม่ให้ตนเองระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
เจ้าเด็กนี่ หน้าไม่อายเลยนะ ท่าทางเหมือนตอนเขาหนุ่มๆไม่มีผิด ตอนหนุ่มๆที่เขาตามจีบภรรยาก็หน้าไม่อายอย่างนี้แหละ เซ้าซี้ไม่ลดละ ถึงได้สาวสวยมาครอบครอง แต่น่าเสียดายที่ภรรยาของเขาอายุสั้น หลังจากคลอดลูกสองคนออกมาก็จากไป
ภายหลังแม้จะแต่งงานใหม่ แต่ความรู้สึกที่มีต่อภรรยาคนหลังยังไงก็เทียบกับคนแรกไม่ได้
คงเป็นเพราะภรรยาคนปัจจุบันไม่จำเป็นต้องให้ตนเองคอยตามจีบ แต่เป็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์สินะ เขาถึงได้เมินเฉยภรรยาคนปัจจุบันรวมไปถึงลูกชายลูกสาวที่เกิดจากภรรยาคนนี้ด้วย
ด้วยความที่ลูกชายคนโตของลูกคนที่สามสงบนิ่งเคร่งขรึมกว่านฤเบศวร์ คุณปู่เร็นจึงยกให้ลูกคนโตหลานคนโตเป็นผู้รับช่วงต่อเหมือนเดิม
ชรัณถลึงตาใส่นฤเบศวร์ พูดขึ้น: “ต่อไปถ้านายมากินข้าวอีก ฉันจะให้นายกินข้าวคลุกซีอิ๊ว”
“งั้นผมจะมากินข้าวคลุกซีอิ๊วทุกวันเลยครับ”
ชรัณ: “……”
มีตรงไหนแปลกไปหรือเปล่า?
“กนกอร ผมจะไปซื้อกับข้าวเป็นเพื่อนคุณ”
นฤเบศวร์ได้รับการอนุญาตจากคุณปู่ชรัณ ต่อไปจะได้มากินข้าวที่นี่ทุกวัน ก็อารมณ์ดีสุดๆ
กนกอรถือดอกไม้เงินหมุนตัวเดินไป
ตอนนี้ชรัณถึงได้สังเกตเห็นดอกไม้ช่อนั้นที่หลานสาวถือราวกับมีอะไรแปลกๆ แต่ทว่าเขาอายุมากแล้ว สายตาไม่ค่อยดี รวมไปถึงหลานสาวถือช่อดอกไม้เดินไปแล้ว เขาจึงไม่ได้มองให้ชัดเจนว่าดอกไม้ช่อนั้นแปลกตรงไหน
กนกอรถือดอกไม้เงินขึ้นไปข้างบน วางไว้ในห้องของเธอแล้ว ถึงได้ลงไปข้างล่าง
ไม่นาน ทั้งสองคนก็ออกมาจากบ้าน
“แต่ก่อนเท่าที่ฉันได้ยินมาว่าท่านประธานของ RA กรุ๊ปเป็นยังงั้นเป็นยังงี้ ฉันจึงเอาแต่รู้สึกว่านายกับคุณพัฒน์ที่เป็นประธานที่หนุ่มที่สุดในเมืองแอคเซสซ์ ต้องเป็นคนสงบนิ่งเคร่งขรึม ท่าทีสง่างามแน่ๆ แต่ตอนนี้น่ะเหรอ เฮอะๆ ก็แค่คนหน้าไม่อาย”
นฤเบศวร์เดินเคียงข้างเธอ โดนเธอถากถางก็ไม่โกรธ ตั้งแต่รู้จักกับเธอ เธอก็ไม่เคยมีสีหน้าดีๆให้เขาหรอก เป็นเขาต่างหากที่ค่อยๆโดนเธอตอกกลับจนชินไปเอง คงต่ำทรามจริงๆสินะ
ต่ำก็ต่ำสิ มีโอกาสได้จีบภรรยาก็พอแล้ว
ช่วงเวลาที่ตามจีบภรรยาน่ะ จะมัวอายอะไร? จะมีเกียรติไปทำไม?
โดยเฉพาะเขากับกนกอรที่แต่งงานและหย่ากันอย่างสายฟ้าแลบ ตอนนี้ตามจีบเธออีกครั้ง ต่อหน้าเธอเกียรติของเขายิ่งไม่มีค่าเลย
“ผมหน้าไม่อายแค่กับคุณเท่านั้นแหละ”
กนกอรเอนหัวมองเขา
เขาจึงหัวเราะเบาๆ
หัวเราะจนกนกอรอยากจะเหยียบเท้าเขาสักที
“กนกอร เราจะไปซื้อกับข้าวที่ไหน”
“แถวๆนี้มีกับข้าวสำเร็จเยอะแยะ แค่ซื้อกับข้าวสำเร็จกลับไปก็พอ”
คุณปู่ยอมให้คุณปู่เร็นกับหลานชายอยู่กินข้าวด้วย ก็ไม่เลวแล้ว ยังคิดจะกินอาหารชั้นเลิศอีกหรือไง? ไม่มีทางหรอก
อีกอย่างเวลานี้ ก็ไม่เหมาะที่จะทำกับข้าวเยอะแยะด้วย ซื้อกับข้าวสำเร็จไปเลย คงดีที่สุดแล้ว
ถ้าสองปู่หลานนั่นรังเกียจ ก็ดี ต่อไปจะได้ไม่ต้องมาเหยียบที่บ้านอีก พวกเขาก็ไม่มากเรื่อง สงบเงียบดี
นฤเบศวร์อืมออกมา นี่ยังเป็นครั้งแรกด้วยที่เขาได้ซื้อกับข้าวเหมือนคนทั่วไป
เขาเดินเคียงข้างกนกอร คิดแต่จะจูงมือของเธอ ทว่าลองดูหลายครั้งแล้ว กลับโดนกนกอรหลบเลี่ยง เขาจึงทำตัวให้น่าไว้วางใจหน่อย ไม่กล้าแตะมือของเธออีก ไปซื้อกับข้าวกับเธออย่างบริสุทธิ์ใจ
ในความเคยชินของคนทั่วๆไป การต้อนรับแขก ก็ต้องกินไก่ กินเนื้อ กนกอรก็เช่นกัน
เธอจึงซื้อห่านย่าง เคาหยก มะระยัดไส้แล้วก็ลูกชิ้นเนื้อ ซึ่งเป็นแกงจืดลูกชิ้นเนื้อ
นฤเบศวร์เห็นเธอซื้อๆๆ จึงแย่งเธอจ่ายเงิน
แต่กนกอรไม่ให้เขาจ่ายเงิน เธอพูดขึ้น: “ตอนนี้เราไม่ได้เป็นอะไรกัน นายอย่าคิดจะให้ฉันติดค้างนายอีก”
เธอจ่ายเงิน หิ้วถุงกับข้าวแล้วเดินกลับ
นฤเบศวร์เดินตามฝีเท้าเธอ พลางเดินพลางพูดขึ้น: “ก็แค่ร้อยกว่าบาท สำหรับผมก็แค่เศษเงิน ไม่ให้คุณคืนหรอกหน่า”
กนกอรไม่ตอบเขา
ตอนที่กลับมาถึงตระกูลภูสิทธ์อุดม ทักษอรกลับมาแล้ว
พอรู้ว่าอดีตลูกเขยรวมไปถึงคุณปู่ของเขาจะอยู่กินข้าวด้วย ทักษอรก็ไม่ยิ้มแย้ม แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เตรียมข้าวเย็นอยู่ในครัวเงียบๆ
เธอกลับมาจากบ้านแม่ของตนเอง สะใภ้ที่บ้านจับไก่มาต้อนรับเธอ ตอนที่กลับมาก็บังคับให้เธอเอาไก่อีกครึ่งตัวกลับมาด้วย
รวมกับกับข้าวสำเร็จที่กนกอรซื้อกลับมาหลายอย่างนั้น
ตอนกินข้าว บนโต๊ะอาหารจึงมีกับข้าววางอยู่เต็มโต๊ะ
ทักษอรจงใจวางไข่ต้มไว้ที่ด้านหน้าของนฤเบศวร์โดยเฉพาะ
พูดกับนฤเบศวร์: “นายกินไข่สิ”
“ขอบคุณครับแม่ อ้อ ขอบคุณครับคุณน้า”
นฤเบศวร์ยังคิดว่าทักษอรเอาใจใส่เขา จึงหยิบไข่ต้มฟองหนึ่งขึ้นมาด้วยความปลื้มปีติ เคาะเปลือกไข่ให้แตกเบาๆ แล้วปอกเปลือกออก จากนั้นจึงวางไข่ลงไปในชามของกนกอร พูดกับกนกอร: “แบ่งให้คุณหนึ่งฟอง”
กนกอรมองเขา แล้วมองแม่ของตนเอง ค่อยๆคีบไข่กลับไปที่ชามของเขา
พ่อบ้านเซนแตะเท้าของคุณชายที่อยู่ใต้โต๊ะอย่างเงียบๆ
นฤเบศวร์จึงมองไปทางพ่อบ้านเซน
พ่อบ้านเซนส่งซิกให้เขา แต่นฤเบศวร์ไม่เข้าใจ พ่อบ้านเซนก็ลำบากใจที่จะพูดออกมาชัดๆ
ทักษอรจงใจให้คุณชายกินไข่ต้ม นั่นหมายความว่าคุณชายกินเสร็จแล้วก็ไสหัวไปให้พ้นต่างหาก
แต่คุณชายกลับมัวแต่ปลื้มใจ
กลับถึงบ้าน เขาต้องคุยกับคุณชายหน่อยแล้ว
อาหารมื้อนี้ กลับกินได้อย่างมีความสุข
ถึงจะบอกว่าคนของตระกูลภูสิทธ์อุดมไม่ชอบคุณปู่เร็นกับหลานของเขา แต่การต้อนรับแขกจะเสียมารยาทไม่ได้
หลังจากกินข้าวเสร็จ คุณปู่เร็นก็ไม่กล้าอยู่ต่อแล้ว
นฤเบศวร์ยังคิดจะอยู่ที่ตระกูลภูสิทธ์อุดมต่อ แต่โดนคุณปู่ของตนเองถลึงตาใส่ เขาก็รู้แล้วว่าปู่มีอะไรอยากพูดกับเขา จึงทำได้เพียงออกไปจากตระกูลภูสิทธ์อุดมกับปู่ด้วยความไม่ยินยอม