คุณสามีพันล้าน - บทที่ 349 ข้ออ้าง
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 349 ข้ออ้าง
กษิดิอยากพูดอะไรอีก ก็นึกได้ว่าพี่ใหญ่ใช้นามสกุลตามแม่ การที่เขาพูดถึงลูกจะใช้นามสกุลตามพ่อหรือแม่ต่อหน้าพี่ใหญ่ของเขา มันคงแก้ปัญหาไม่ได้
เขาจึงเปลี่ยนเรื่องพูด ฝืนหัวเราะพูดขึ้น: “พี่ใหญ่ เรื่องของลูกยังไม่ต้องสนใจดีกว่า ก็อาจจะไม่ได้มีลูกเร็วขนาดนั้น ผมแค่อยากจะแต่งงานกับเธอ เธอก็ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกอะไรกับผมนี่นา คืนนั้นเธอเป็นฝ่ายยั่วผมก่อนด้วยซ้ำ”
ตั้งแต่กลับมาจากคลับคืนนั้น เขาโมโหจนทนไม่ไหว แต่จู่ๆเธอกลับยั่วยวนเขา
เดิมทีเขาก็รักเธอสุดหัวใจอยู่แล้ว ไม่ต้องยั่ว ก็เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดได้ในทันที
รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก รักกันมาตั้งแต่เด็กจนโต นิสัยเป็นยังไง กษิดิชัดเจนดี
ถ้ามิลินท์ไม่ได้รักเขา ไม่มีทางยั่วเขาหรอก ตอนนี้อยู่บ้านของเขา ก็เท่ากับอาศัยอยู่กับเขาแล้ว แม้เธอจะเป็นคนใจกว้าง ไม่ใส่ใจว่าคนอื่นจะพูดถึงเธอยังไง แต่เขาไม่ยินยอมให้เธอไม่ได้รับความยุติธรรมหรอกนะ
ในเมื่อทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากันจริงๆ งั้นเขาก็จะแต่งงานกับเธอ ทำหน้าที่ของผู้ชายคนหนึ่งให้ดีที่สุด
ใครจะรู้ล่ะ ทำไมเธอถึงไม่ยอมตกลงแต่งงานกับเขา
กษิดิก็ไม่เข้าใจ การแต่งงาน สามีภรรยาที่อยู่ด้วยกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ได้ดีกว่าที่อยู่กันอย่างตอนนี้หรือไง?
ในสายตาของตระกูลอริยชัยกุลกับตระกูลศิริกรโสภณ พวกเขาเป็นคู่ชีวิตกันตั้งแต่แรกแล้ว
คุณปู่คุณย่าเจอมิลินท์ สายตาก็เหมือนกับมองหลานสะใภ้
ยศพัฒน์มองน้องชายคนนี้ ลังเลว่าจะบอกเขาไปตรงๆดีไหม
“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกพี่ยังไม่นอนอีกเหรอ ดึกขนาดนี้ ผมเห็นไฟในห้องยังเปิดอยู่ ถึงได้เข้ามาดูหน่อย” เสียงเซทท์คุณชายสามดังขึ้น
เขาเดินเข้าไป ก็เห็นพี่รองหน้าตากลัดกลุ้ม จึงถามขึ้นอย่างใส่ใจ: “พี่รอง เป็นอะไรไป? เจอเรื่องลำบากอะไรมาเหรอ? ระบายออกมา ให้พวกเราฟัง ดูสิว่าจะช่วยพี่ได้ไหม”
เห็นบนโซฟามีหมอนอยู่
นี่เป็นบ้านของพี่ใหญ่ แต่พี่รองกลับอยู่ที่นี่
เซทท์เองก็ไม่ใช่คนโง่ เขาถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์: “พี่รอง พี่โดนพี่สะใภ้รองไล่ออกมาอีกแล้วเหรอ?”
ทั้งสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่ทว่าในใจของบรรดาพี่น้องตระกูลอริยชัยกุล มิลินท์ก็คือคุณนายน้อยรองของตระกูลอริยชัยกุลแต่แรกแล้ว
“ไม่ใช่เรื่องของแก แกกลับบ้านแกไป” โดนน้องชายจี้ใจดำ กษิดิจึงไม่พอใจ ถลึงตาใส่เซทท์ ให้เซทท์รีบไสหัวไป
แต่เซทท์ไม่กลัวเขา ยังคงยิ้มเจ้าเล่ห์: “พี่รองยังปวดหัวเรื่องขอแต่งงานอยู่สินะ? จริงๆแล้ว เป็นพี่รองต่างหากที่มีปัญหา ความคิดของพี่สะใภ้รองน่ะ พี่รองไม่ได้เข้าใจเลย ในใจของพี่สะใภ้รองกำลังโกรธ ถึงได้ไม่จริงจังกับพี่ไง”
“แกรู้เหรอว่าพี่สะใภ้รองแกคิดอะไรอยู่?”
เซทท์พูดโอ้อวด: “ผมฉลาดกว่าพี่ เข้าใจจิตใจของผู้หญิง ต้องรู้อยู่แล้วว่าพี่สะใภ้รองคิดอะไรอยู่ ต่อให้เดาไม่ถูก100% ก็ต้องไม่ห่างจาก80-90%แน่ๆ”
กษิดิหัวเราะเยาะ “แม้แต่แฟนแกยังไม่มีเลย กล้าพูดว่าเข้าใจจิตใจของผู้หญิง งั้นแกว่ามาสิ ลินท์คิดอะไรอยู่?”
“พี่สะใภ้รองแค่……พี่รอง ตอนนี้ผมเดาไม่ออก ผมจะกลับบ้านไปค่อยๆคิด พี่นอนโซฟาต่อไปนะ”
เดิมทีเซทท์ก็อยากพูดปัญหาออกมา แต่จู่ๆก็นึกได้ว่าถ้าพี่รองแต่งงาน จากลำดับพี่น้องก็ต้องเป็นตาเขาแล้วสิ แม้แต่แฟนเขาก็ไม่มี แต่ไม่อยากโดนเร่งให้แต่งงาน ก็ใช้พี่รองเป็นข้ออ้างต่อไปก่อนแล้วกัน
รอให้เขาได้อิสระเอ้อระเหยลอยชายไปอีกสักพัก ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขก่อนแล้วค่อยว่ากัน
“รู้อยู่แล้วว่าขี้โม้”
กษิดิพูดถากถาง
เซทท์ยิ้มกริ่ม บอกราตรีสวัสดิ์พี่ๆทั้งสองแล้ว รีบเดินออกไป
“พูดเหมือนตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความรัก ยังจะบอกอีกว่าเข้าใจจิตใจของผู้หญิง นอกจากเรื่องอาหารอร่อยๆ เขาจะรู้อะไรอีก?”
ความหวังที่ลุกโชนของกษิดิโดนน้ำเย็นๆสาดลงมาอีกครั้ง จึงแขวะเซทท์ไม่หยุดปาก
“เจ้าสามน่ะเดาสาเหตุได้ แต่มันไม่อยากบอกแก”
“ทำไมอะ? มันเป็นน้องชายนะ จะทนเห็นผมไม่ได้แต่งเมียได้เหรอ?”
ยศพัฒน์หัวเราะ: “ใครๆก็เรียกแกว่าสอง เขาคือสามไง”
“ผมคือสองตัวมันคือสามมีปัญหาอะไร? ผมแก่กว่ามัน ใครให้มันเกิดช้ากว่าผมล่ะ ในบ้านหลังที่สามของพวกมันๆก็เป็นพี่คนโตไม่ใช่เหรอ ก็เรียงตามลำดับพี่น้องของพวกเรา มันถึงได้เป็นคนที่สามไง”
พวกเขาหนึ่งสองสามสี่แปดล้วนแต่เป็นพี่คนโตของแต่ละครอบครัว ห้าเป็นน้องชายแท้ๆแม่เดียวกันกับยศพัฒน์
แต่โดนผู้ใหญ่เร่งให้แต่งงาน จึงเร่งรัดตามลำดับพี่น้องสิบคนของพวกเขา
กษิดิเห็นพี่ใหญ่หัวเราะแต่ไม่พูดอะไร จู่ๆก็เข้าใจในทันที จึงด่าเซทท์ออกมา: “ไอ้เด็กนั่นคิดว่าเขาทำอย่างนี้แล้วจะหนีได้สินะ พรุ่งนี้ผมจะเสนอคุณปู่คุณย่า หาข้ออ้างให้บ้านของเราจัดงานเลี้ยง เชิญบรรดาสาวๆในเมืองมาเข้าร่วม ตบตาหาคู่ดูตัวให้เจ้าสาม ไม่สิ นอกจากเจ้าสิบ น้องชายทั้งหมดต้องหาคู่ดูตัว”
ไม่นึกว่าจะเอาเขามาเป็นข้ออ้าง
ตอนที่เขายังไม่มีแฟน กษิดิกลับไม่แคร์ที่จะเอาน้องชายมาเป็นข้ออ้าง
ตอนนี้มีแฟนแล้ว เคยชินแล้วที่ต้องนอนกอดผู้หญิงที่รักทุกคืน ถ้าจะให้เขาเป็นข้ออ้างอีก กษิดิก็ไม่ยินยอมหรอก
“ต้นเดือนหน้าเป็นวันเกิดคุณย่า บ้านเราต้องจัดงานเลี้ยงอยู่แล้ว”
กษิดิพยักหน้า “ใช่สิ ดูสิว่าพวกเขาใครจะหนีรอด!”
“กษิดิ แกกลับไปเถอะ ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ก็โหลดแอปนิยายxx ค้นหานิยายที่พี่สะใภ้แกเขียนมาอ่าน พล็อตของท่านประธานเผด็จการหลงรักฉันน่ะ ถึงจะน้ำเน่า แต่ด้วยความฉลาดของแก ต้องรู้สึกถึงเหตุผลที่อยู่ในนั้นแน่ๆ”
“อย่าลืมให้รางวัลพี่สะใภ้ใหญ่แกด้วยนะ แต่อย่าทุบไข่ไก่เชียว”
ธนัทไม่เข้าใจสถานการณ์ ทุบไข่ไก่ใต้งานเขียนของเทวิกาไปหลายหมื่นฟอง ทำให้เทวิกาติดอันดับไข่ไก่ในทันที คาดว่าคงดึงดูดให้ครึกโครมไปทั้งเว็บไซต์ ทุกคนจึงอยากดูว่าเทวิกาเขียนเนื้อหาอะไร เป็นเหตุให้ผู้อ่านเดือดดาล โมโหจนทุบไข่ไก่ไปหลายหมื่นฟอง
ยศพัฒน์ไม่กล้าจะคิดถึง สีหน้าของภรรยาสุดที่รักตอนที่เห็นไข่ไก่หลายหมื่นฟองนั้น
“อ่านนิยาย? พี่ ผมเลยวัยที่จะอ่านนิยายมานานแล้วนะ”
อีกอย่างตอนมัธยมปลาย เขาก็เคยอ่านนิยายมาไม่น้อยเลย แต่เป็นประเภทลึกลับสยองขวัญสัตว์ประหลาดที่พวกผู้ชายชอบอ่านกัน ประเภทนิยายรักน่ะค่อนข้างน้อย
ส่วนนิยายโรแมนติก กษิดิไม่เคยอ่านด้วยซ้ำ
“ถ้าแกอยากหาเหตุผลก็ลองอ่านดู จำไว้ว่าให้รางวัลพวกเพชร ดอกไม้ หรือให้เหรียญทองเลยก็ได้เยอะๆ ถือซะว่าเป็นค่าตอบแทนที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของพี่สะใภ้แก”
กษิดิ: “……”
ยศพัฒน์ตบๆบ่าของน้องชายที่ดูไม่เข้าใจอะไรสักเท่าไหร่ แล้วขึ้นไปข้างบน
เห็นพี่ใหญ่เดินไปแล้ว กษิดิจึงหยิบมือถือออกมาด้วยความสงสัย โหลดแอปนั้นตามที่พี่ใหญ่บอก เขารู้นามปากกาของพี่สะใภ้อยู่แล้ว
ตอนแรกที่พี่ใหญ่จะทำให้พี่สะใภ้ติดกับดัก จึงส่งนามปากกาของพี่สะใภ้ลงไปในแวดวงเพื่อน เพื่อนสนิทๆจึงเฮโลกันไปให้รางวัลพี่สะใภ้ ช่วยพี่ใหญ่ประจบสอพลอพี่สะใภ้
เขาค้นเจอนิยายที่พี่สะใภ้เขียนแล้ว
เป็นหัวข้อการฟื้นคืนชีพใหม่
แค่เห็น กษิดิก็อดไม่ได้ที่จะบ่น: “นี่พี่สะใภ้ชักนำคนไปในทางที่ไม่ถูกหรือเปล่า? ใครตายไปแล้วจะได้ย้อนกลับไปสู่อดีตกันล่ะ? งั้นคนที่ชีวิตไม่สมปรารถนาไม่รวมตัวกันไปฆ่าตัวตายหมดเลยเหรอ ตายแล้วจะได้ย้อนกลับมาในอดีตเพื่อเขียนชะตาชีวิตใหม่อีกครั้งเนี่ยนะ?”
เขาเปิดไปได้สองหน้า ก็ทนอ่านไม่ได้จริงๆ
ช่างเถอะ ไม่อ่านแล้ว กลับไปง้อพริกไทยดีกว่า ไม่แน่อาจจะได้นอนด้วยกันอีก