คุณสามีพันล้าน - บทที่ 350 เกลียดกับไม่เกลียด แล้วไงล่ะ
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 350 เกลียดกับไม่เกลียด แล้วไงล่ะ?
ตอนที่ยศพัฒน์กลับมาที่ห้อง เทวิกาอาบน้ำเสร็จแล้ว
เธอใส่ชุดนอน นั่งพิงหัวเตียง ในมือกำลังเปิดอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เห็นเขาเข้ามา เธอจึงยิ้มถาม: “เจ้าสองไปแล้วเหรอ?”
“ไม่รู้เขากลับไปหรือเปล่า ผมไม่มีเวลามากมายนอนเป็นเพื่อนเขาที่โซฟาหรอก”
ยศพัฒน์เดินเข้ามา ก้มตัวลง จูบไปที่ข้างแก้มเทวิกา “ที่รัก หอมจัง”
กำลังจะทิ้งตัวลงไป ก็โดนเทวิกาผลักออก
“ไปอาบน้ำ”
“ก็ได้ คุณรอผมก่อน ผมอาบแป๊บเดียว”
ยศพัฒน์ยังขโมยจุ๊บไปที่ริมฝีปากเธอด้วย ถึงได้ไปอาบน้ำอย่างเบิกบาน
ค่ำคืนนี้สำหรับสองสามีภรรยาวัยหนุ่มสาวแล้ว มันเต็มไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
แต่สำหรับชายแก่บางคน นั่นกลับเต็มไปด้วยความทรมาน
ไซม่อนที่ออกไปทำงานนอกสถานที่มาหลายวัน ช่วงพลบค่ำได้นั่งเครื่องบินส่วนตัวกลับมาที่เมืองซูเพร่า
เนื่องจากเหนื่อยมาก เขาจึงไม่ได้กลับไปที่บริษัทอีก แต่มุ่งหน้ามาที่บ้านทันที
หลังจากมาถึงบ้าน ก็มีงานที่บ้านอีกกองหนึ่งที่ต้องการให้เขาซึ่งเป็นผู้ดูแลจัดการ
จัดการเรื่องงานบ้านเสร็จ พลอยไพลินที่ได้ยินข่าวก็มาทันที เขาจึงพยายามทำให้ตนเองต้อนรับพลอยไพลินด้วยความกระปรี้กระเปร่า
พลอยไพลินรอคอยให้ไซม่อนกลับมาอยู่ตลอด เพื่อไซม่อนแล้วเธอยังเคยไปหาประยสย์ระหว่างวันเลย
เธอกับประยสย์ไม่ลงรอยกัน คนทั้งเมืองซูเพร่ารู้ดี ถ้าเธอแต่งเข้ามาในตระกูลสาระทา ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับประยสย์ก็จะเป็นแม่เลี้ยงกับลูกเลี้ยง แม่เลี้ยงที่อายุมากกว่าลูกเลี้ยงเพียงสองปี ระหว่างแม่ลูกจะมีสงครามอะไรกัน คนโง่ๆก็ยังเดาได้
ดังนั้นคนสองคนที่ไม่ลงรอยกัน ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ ภายใต้สถานการณ์ปกติ พลอยไพลินไม่มีทางไม่หาประยสย์ ส่วนประยสย์ยิ่งไม่ยินยอมจะเจอเธอด้วย
ตอนนี้ไซม่อนกลับมาแล้ว พลอยไพลินจะพลาดโอกาสไปได้ยังไง คืนนี้เธอต้องค้างที่ตระกูลสาระทาให้ได้
ตอนนี้ เป็นช่วงยามวิกาล ห้องที่อยู่กลางคฤหัสน์ของตระกูลสาระทา นอกจากเจ้าของบ้านกับพลอยไพลินที่ยังไม่นอน คนอื่นๆ รวมไปถึงบรรดาคนรับใช้เข้าสู่ห้วงนิทรากันแล้ว ต่อให้ยังไม่หลับ ก็ไม่มีใครออกมาเดินเพ่นพ่านหรอก
พลอยไพลินให้ผลประโยชน์แก่พวกเขาไปไม่น้อย สื่อให้พวกเขารู้ว่าคืนนี้ต้องอยู่ในห้อง ถ้าฟ้าไม่ถล่ม ก็ห้ามออกมาเป็นก้างขวางคอเด็ดขาด
“ไซม่อนคะ ดึกมากแล้ว คุณเพิ่งกลับมาคงเหนื่อยแย่ ฉันพาคุณไปพักผ่อนที่ห้องนะคะ”
พลอยไพลินดูๆเวลา คาดว่าประยสย์ใกล้จะกลับมาแล้ว จึงคิดจะโน้มน้าวให้ไซม่อนกลับไปพักผ่อนที่ห้องอย่างเอาใจใส่
อย่างดีที่สุดก็ให้ประยสย์เห็นพวกเขาเข้าห้องไปด้วยกัน เห็นพวกเขาดับไฟในห้อง รับรองว่าประยสย์ต้องโมโหแน่ๆ ทั้งยังทำให้ญาณินยิ่งหมดหวัง ยอมหย่ากับไซม่อนอย่างไม่ลังเล
ตอนกลางวันพลอยไพลินโดนประยสย์ยั่วโมโหไปหนึ่งรอบ หลังกลับมาถึงบ้าน จึงปรึกษากับพ่อ เรื่องจัดเตรียมผู้กล้าตายไปลอบฆ่าประยสย์ แค่ประยสย์ตาย ต่อให้เนตรดาวกลับมาที่ตระกูลสาระทา นั่นก็ไม่ได้สร้างความกังวลใจอะไรให้เธอเลย
เนตรดาวเติบโตอยู่ที่เมืองแอคเซสซ์ ผ่านไปยี่สิบกว่าปีแล้วก็ยังไม่เคยสัมผัสกับการทำธุรกิจ แค่เปิดร้านกาแฟที่อาศัยการบริการเป็นหลัก เดิมทีก็ไม่มีความสามารถที่จะรับช่วงต่อโอเอ กรุ๊ปที่ยิ่งใหญ่ได้อยู่แล้ว ต่อให้เนตรดาวแต่งงานกับตระกูลอริยชัยกุลที่มีอิทธิพลที่สุดของเมืองแอคเซสซ์ก็ตาม
มือของตระกูลอริยชัยกุลจะยาวขนาดไหนเชียว?
น้ำไกลมันดับไฟใกล้ไม่ได้หรอกนะ
เพียงแค่ประยสย์ตาย ญาณินก็จะท้อแท้สิ้นหวัง ไม่มีลูกชายแล้ว เธอมีแต่จะยิ่งเกลียดไซม่อน เมื่อสองสามีภรรยาหย่ากัน เธอจะได้แทนที่ตำแหน่งนั้นพอดี และจะไม่มีอะไรมาขัดขวางตำแหน่งของลูกเธอด้วย
แน่นอนว่า หน้าที่สำคัญในตอนนี้ เธอต้องนอนกับไซม่อนก่อน เช่นนั้นถึงจะมีลูกได้
พ่อเงียบขรึม ไม่ได้ตอบเธอแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
พลอยไพลินรู้ว่าพ่อกำลังครุ่นคิดถึงอะไร หากใช้ผู้กล้าตายแล้วก็ยังลอบฆ่าไม่สำเร็จ ล้มเหลวขึ้นมา งั้นพวกเขาก็จะสูญเสียผู้กล้าตายไปหนึ่งคน
การฝึกฝนผู้กล้าตายสักคน ไม่ง่ายดายเลย
อันที่จริงตระกูลเลิศธนโยธาของพวกเขาระเหเร่ร่อนมาจากอำนาจมืด ซึ่งยังคงรักษาเส้นสายและอำนาจที่ละเมิดศีลธรรมบางส่วนไว้อย่างลับๆ และผู้กล้าตายเป็นหนึ่งในนั้น ผู้กล้าตายของตระกูลเลิศธนโยธากับคนพวกนั้นของชลไม่เหมือนกัน
คนพวกนั้นที่ชลเรียกว่าผู้กล้าตายเป็นแค่คนที่พร้อมเสี่ยงตายโดยไม่สนใจชีวิตของตนเอง
แต่ตระกูลเลิศธนโยธาของพวกเขากลับคัดเลือกอย่างรอบคอบ ตั้งอกตั้งใจอบรมฝึกฝน ในตอนนี้ตระกูลเลิศธนโยธาก็ฝึกฝนผู้กล้าตายมาได้สิบคนแล้ว พ่อของเธอจึงไม่อยากใช้ผู้กล้าตายสิบคนนั้นตามอำเภอใจ
ช่างเถอะ เรื่องลอบฆ่าประยสย์น่ะ โยนทิ้งไปข้างๆก่อน สิ่งที่เร่งด่วนในตอนนี้คือเธอต้องนอนกับไซม่อนให้ได้
ไซม่อนนวดๆขมับ พูดขึ้น: “เหนื่อยมากจริงๆ พอกลับมา ยังต้องจัดการเรื่องในบ้านอีกตั้งเยอะแยะ เหนื่อยจนฉันปวดหัวไปหมด ดูท่าฉันคงแก่แล้ว ไม่กระฉับกระเฉงเลย คงต้องให้ยสย์ช่วยแบ่งเบาภาระฉันแล้ว”
“เขาเป็นถึงคุณชาย ควรจะแบ่งเบาภาระของผู้นำตระกูลสิ”
พลอยไพลินได้ยินแล้วเป็นกังวล
ประยสย์เป็นคุณชายของตระกูลสาระทา หลักๆในตอนนี้คืออยู่ที่โอเอ กรุ๊ป คนสนิทของเขาก็แทบจะอยู่ในบริษัทกันทั้งนั้น
เนื่องจากคฤหัสน์ของตระกูลสาระทามีความซับซ้อน ประยสย์จึงไม่ได้ปลูกฝังคนสนิทไว้สักเท่าไหร่ เขาก็ไม่กล้าเชื่อใจสมาชิกในครอบครัวอย่างง่ายๆด้วย ถ้าจะพูดให้ไม่น่าฟัง ในตระกูลนี้ นอกจากพ่อเขากับปู่ย่า คนอื่นๆต่างก็อยากให้เขาตายทั้งนั้น
เขาจะกล้าตีสนิทพวกเขาเพื่อผูกมิตรได้ยังไง
ก็กลัวว่ามิตรจะหักหลัง ทำให้เขาโดนศัตรูขนาบทั้งหน้าทั้งหลังน่ะสิ
“ก็จริง ประยสย์24แล้ว ปีหน้า25 ควรจะแบ่งหน้าที่งานในบ้านกับคุณ แต่ว่า ผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ค่อยมีความอดทนมาสนใจเรื่องในบ้านเท่าไหร่หรอก คนหนุ่มน่ะ อารมณ์ร้อน”
“ไซม่อน คุณต้องช่วยลูกชายคุณให้ได้แต่งลูกสะใภ้สักคนนะ แค่หลังจากผู้ชายแต่งงาน ก็จะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ อย่างนี้เขาถึงจะมีความอดทนช่วยคุณจัดการเรื่องในบ้านได้ ต่อให้เขาไม่มีเวลา ภรรยาของเขาที่เป็นคุณผู้หญิงของคุณชายตระกูลสาระทา ก็สามารถช่วยเหลือได้”
ไซม่อนแววตาเป็นประกาย ยิ้มพูดขึ้น: “ดาวแต่งงานแล้ว แต่ยสย์กลับไม่มีแม้แต่แฟน ก็ไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ควรจะครุ่นคิดถึงเรื่องสำคัญในชีวิตสักหน่อย แต่เขามันเหมือนท่อนไม้ที่คิดไม่เป็น เรื่องที่อยากให้แต่งงานน่ะไม่ได้ง่ายๆเหมือนปากพูดหรอก”
“ช่างเถอะ อย่าเพิ่งสนใจเรื่องแต่งงานของเขาเลย เพิ่งจะ24เอง ยังเด็กอยู่ ผู้ชาย30ค่อยแต่งก็ไม่ถือว่าแก่หรอก ให้เขาได้เล่นๆไปอีกหลายๆปี พลอย ไปเถอะ เราขึ้นไปพักผ่อนกัน”
พลอยไพลินเตรียมจะจัดการเรื่องงานแต่งของประยสย์ หลังจากลองถามหยั่งเชิงไซม่อนแล้ว ในใจก็มีแผนการ ได้ยินไซม่อนบอกว่าอยากขึ้นไปพักผ่อนแล้ว จึงยิ้มคล้องแขนเขาเอาไว้ พูดขึ้น: “ฉันจะไปส่งคุณกลับห้องค่ะ”
ไซม่อนยิ้ม ไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งสองคนขึ้นชั้นสองมาด้วยกัน
ไซม่อนไม่ได้รีบร้อนกลับห้อง แต่ยืนอยู่หน้าห้อง หันไปมองอีกห้องหนึ่ง นั่นเป็นห้องที่ญาณินอยู่ และเป็นห้องที่เมื่อก่อนพวกเขาสองสามีภรรยาเคยอยู่ด้วยกัน
ตั้งแต่หลังจากที่ญาณินเสียสติ เพื่อไม่เป็นการกระตุ้นเธอ เขาจึงต้องย้ายออกมาจากห้องนั้น มาอยู่ที่ห้องรับแขกแทน
แค่เข้ามาก็อยู่มายี่สิบกว่าปีแล้ว ห้องรับแขกจึงกลายเป็นห้องของเจ้าของบ้าน
“ถึงพี่สาวจะได้สติแล้วก็ยังไม่กลับมา เธอคงเกลียดที่เราคบกันใช่ไหมคะ?”
พลอยไพลินพูดเบาๆ
ไซม่อนเคลื่อนสายตากลับมา พูดนิ่งๆ: “ปีนั้นเพราะเสียใจที่สูญเสียลูกสาว เธอจึงค่อยๆเสียสติ ตอนนี้ได้ตัวดาวกลับมาแล้ว เธอถึงได้สติกลับมา ก็ต้องอยากอยู่ข้างๆลูกสาวอยู่แล้ว เพื่อชดเชยความรักระหว่างแม่กับลูกสาวน่ะ”
“เกลียดกับไม่เกลียด แล้วยังไงล่ะ?”
สิ่งที่เขาต้องทำก็ทำมาหมดแล้ว
เกลียด ก็ช่าง ไม่เกลียดก็ช่าง เรื่องที่เริ่มลงมือทำไปแล้วต้องทำต่อไปให้ถึงที่สุด ถ้ามีสักวัน ที่เขาตายไป ถ้าเธอยินยอมที่จะเสียน้ำตาให้เขา เขาก็เพียงพอแล้ว
นั่งอยู่บนตำแหน่งนี้ของเขา เขาต้องครุ่นคิด ต้องเสียสละ อย่างมากมาย
บางครั้ง การเฉยเมย ก็เป็นการปกป้องประเภทหนึ่งเช่นกัน