คุณสามีพันล้าน - บทที่ 369 งานเลี้ยงของตระกูลกรภัควัฒน์
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 369 งานเลี้ยงของตระกูลกรภัควัฒน์
คนใช้คนนั้นเห็นบัณฑิตาออกมาก็พลันรีบเดินไปหาเธอทันที
บัณฑิตาลดกระจกรถลง แล้วถามว่า “รถใครจอดอยู่ตรงนั้น? ให้เวลาเขาหนึ่งนาทีขับออกไป ไม่งั้นก็ทุบซะ! ก็ไม่ดูเลยว่าที่นี่คือที่ไหน ใช่ที่ที่จะจอดมั่วๆซั่วๆยังไงก็ได้เหรอ?”
ซ้ำยังจอดขวางอยู่กลางหน้าประตูบ้านอีกต่างหาก
“คุณหญิง นั่นคือรถที่คุณชายซื้อให้คุณนายน้อย คุณนายน้อยไม่รับ พี่ชายเธอก็เลยขับกลับมาคืนให้คุณชาย”
คนใช้รีบยื่นเงินและกุญแจรถให้บัณฑิตา เอ่ยว่า “กุญแจรถอยู่นี่ค่ะ”
บัณฑิตาอึ้งชะงัก แล้วถามว่า “รถที่เบศวร์ซื้อให้กนกอรเหรอ?”
เมื่อเห็นสัญลักษณ์ยี่ห้อรถบนกุญแจ เธอก็พลันเผยสีหน้าถมึงทึง แล้วพูดอย่างโมโหว่า “เบศวร์คือเงินเยอะจนไม่รู้จะเอาไปใช้ที่ไหนแล้วเหรอ? ถึงซื้อรถแพงขนาดนี้ให้กนกอร! หล่อนคู่ควรด้วยหรือไง?”
บัณฑิตายื่นมือไปฉวยกุญแจ
และเอาเงินกลับมาด้วย
พี่น้องตระกูลภูสิทธิ์อุดมก็ซื่อตรงใช้ได้ ไม่ได้รับรถหรูกับเงินเอาไว้
แต่แล้วยังไง? ไม่แน่นี่อาจจะเป็นกับดักที่หลอกให้พวกเขาเชื่อสนิทใจก็ได้
บัณฑิตาเรียกรปภ.มา ก่อนจะโยนกุญแจรถให้รปภ. แล้วสั่งว่า “ไป ขับรถคันนั้นไปไว้ที่โกดังรถ”
อย่ามาขวางทางเธอ
เธอจะออกไปตอนนี้ ไม่ว่างไปหากนกอร พรุ่งนี้ค่อยหาเวลาไป One Day In Coffee อีกทีละกัน
แม้เบศวร์จะอกหักจากเปรมา กนกอรก็ไม่เตะตาเธออยู่ดี เธอไม่มีวันยอมรับกนกอรเป็นลูกสะใภ้หรอกนะ
เธอจะถามกนกอรว่าต้องการเงินเท่าไหร่ถึงจะยอมไปจากเบศวร์
รถหรูคันละสองล้านกว่ายังถูกกนกอรคืนกลับมาได้ ดูเหมือนว่ากนกอรต้องการมากกว่านั้นสินะ
กนกอร: แบตบอส ฉันขอขายนายอีกสักครั้งได้ไหม?
นฤเบศวร์: ……หนทางจีบเมียของเขายังอีกยาวไกล แม่เขามาถ่วงขาเขาทำไมกัน!
……
เทวิกาไม่ได้ออกงานกับยศพัฒน์เป็นครั้งแรก
ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอออกงานในฐานะคุณนายน้อยอริยชัยกุล
เธอไม่ได้ให้ลินท์มาแต่งหน้าให้เธอ เธอแต่งหน้าอ่อนๆเองง่ายๆ แล้วสวมชุดราตรีที่พัฒน์มอบให้เธอครั้งก่อน พลันเปลี่ยนไปราวกับคนละคนทันที
ตอนที่ยศพัฒน์มารับเธอ เขาจ้องเธออยู่เนิ่นนาน ท่าทางเหมือนไม่อยากพาเธอออกจากบ้าน ทำเอาป้ามะนาวป้องปากแอบขำ
สักพัก ยศพัฒน์จึงจะยอมพาเธอออกจากบ้านอย่างไม่เต็มใจ
ซ้ำยังพูดตลอดทั้งทางว่า “ที่รัก เธอไม่ต้องแต่งหน้าสวยเกินไป เธอสวยแต่เกิดอยู่แล้ว ถึงหน้าสดก็สวย”
“ฉันก็แค่แต่งหน้าเบา ๆ เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่แต่งหน้าก็ไม่ดี”
ยศพัฒน์พูดไม่ออก
สักพัก เขาก็จึงจะพูดว่า “เธอสวยขนาดนี้ ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็นความสวยของเธอเลย”
เทวิกาพูดกลั้วขำว่า “งั้นก็ขอโทษจริงๆนะ เพราะนาย ฉันถึงกลายเป็นคนดังของเมืองแอคเซสซ์ไปแล้ว ไม่รู้ว่ามีคนมาที่ร้านกาแฟฉันเท่าไหร่ ก็เพื่อจะมาดูว่าฉันหน้าตาเป็นยังไงถึงสามารถมัดใจนายได้”
ยศพัฒน์: “……”
“นายเป็นพระพุทธเจ้า นายกลัวอะไร?”
ยศพัฒน์ยิ้มเอ่ยว่า “อย่าเปรียบฉันจนดูเผด็จการขนาดนั้นเลย ฉันไม่ได้ห้ามผู้ชายคนอื่นมาจีบเธอสักหน่อย แต่พวกเขาคิดว่าตัวเองสู้ฉันไม่ได้ต่างหาก ก็เลยเสียความมั่นใจ แล้วถอยไปเอง ฉันก็เลยหัวเราะมาจนถึงสุดท้ายได้”
เทวิกาไม่เชื่อเขาหรอก
แน่นอนว่าเขาเองก็ยอดเยี่ยมมากๆ ผู้ชายที่เคยรักเธอมาก่อน เดาว่าก็ไม่มีใครยอดเยี่ยมไปกว่าเขาแล้วจริง ๆ
ทว่า หากไม่มีเขาสวมหน้ากากแล้วแอบท้าทายอยู่ลับหลัง เธอก็ไม่ถึงกับเครียดมานานขนาดนี้หรอก
“ที่รัก คุณกิติยาจะเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยใช่ไหม?”
เทวิกาออกงานกับยศพัฒน์ ไม่ใช่แค่เป็นหน้าที่ของเธอในฐานะภรรยา แต่ยังเป็นการเรียนรู้ด้วย อีกทั้งยังเป็นโอกาสที่จะได้สานสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโตในวงการธุรกิจ แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคืออยากจะรู้จักกับว่าที่พี่สะใภ้
ยศพัฒน์จงใจพูดอย่างหึงหวงว่า “นี่เธอออกงานกับฉันเพื่อคุณกิติยางั้นเหรอ แม้แต่ฉันยังร่วมงาน แล้วคุณกิติยาจะไม่เข้าร่วมได้ยังไง?“
งานเลี้ยงในคืนนี้ ย่อมมีคนเข้าร่วมมากมาย เพราะมีประธานบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปอย่างเขาอยู่ในงาน
เจ้าของงานได้รับคำตอบจากเขาว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ก็ดีใจจนแทบกระโดดโลดเต้น
ยศพัฒน์ทำเพื่อภรรยา
เทวิกาไม่ได้โง่ เพียงแค่ให้โอกาสเธอได้เรียนรู้บ่อยๆ ไม่นานเธอก็จะชินเอง
เดาว่าอีกไม่นานตระกูลสาระทาคงจะเร่งเธอกลับไปแล้ว
ตอนนี้ยศพัฒน์เริ่มวางแผนจะไปเปิดบริษัทที่เมืองซูเพร่าแล้ว เขาจะไปดูแลบริษัทลูกด้วยตัวเองสักระยะหนึ่ง ไม่เพียงแค่สามารถช่วยภรรยาเขาได้ แต่ยังเป็นการข่มขู่และตักเตือน ทำให้คนของเมืองซูเพร่าไม่กล้าดูถูกและกลั่นแกล้งภรรยาของเขา!
แม้ตระกูลสาระทาจะมีอำนาจใหญ่โต แต่คนของตระกูลสาระทา เขาเชื่อใจแค่พ่อตาและพี่ชายของภรรยาเท่านั้น
“ไม่นี่ เหตุผลหลักคือไปออกงานกับสามีต่างหาก แล้วดูว่าว่าที่พี่สะใภ้ของฉันเป็นยังไง ตอนนี้พี่ฉันปิดปากสนิทไม่ยอมบอกอะไรเลย ฉันล้วงข้อมูลจากปากพี่ไม่ได้ แต่ก็คันใจอยากจะรู้”
แม่เธอเองก็ร้อนใจกับเรื่องแต่งงานของพี่ชายด้วยเช่นกัน
ตอนนั้นคือเร่งพี่ชายแล้วไม่เกิดผล ก็เลยต้องมาเร่งเธอ เร่งจนเธอไม่กล้าแม้แต่จะกลับบ้าน จึงจำใจต้องจ้างยศพัฒน์เป็นแฟนแล้วพากลับบ้านไปเกลี้ยกล่อมแม่เธออย่างไม่มีทางเลือก
แต่ใครจะคาดคิดว่ายศพัฒน์จะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ขุดหลุมฝังเธอจนถอนตัวไม่ขึ้น
สองสามีภรรยาคุยกันไป ก็มาถึงคฤหาสต์ของประธานรุ่นอาวุโสคนนั้นที่เป็นเจ้าของงานเลี้ยง
ประธานคนนั้นเองก็เป็นนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลในเมืองแอคเซสซ์ เทวิกาเองก็เคยเจอเขามาก่อน แต่ไม่เคยพูดคุยกันมาก่อน
รู้ว่ายศพัฒน์จะพาภรรยามาเข้าร่วมงานเลี้ยง ประธานรุ่นอาวุโสหลายคนก็มาถึงกันนานแล้ว
รถของยศพัฒน์ปรากฏขึ้นที่หน้าคฤหาสต์ เจ้าของงานมีชื่อว่าจอมจากตระกูลกรภัควัฒน์ ทันทีที่ท่านจอมได้รับข่าว ก็รีบพาครอบครัวออกมาต้อนรับทันที
รถที่ขับเข้ามาต่อจากรถของยศพัฒน์คือของชเนนทร์
เขาเห็นรถคันข้างหน้าเหมือนของน้องเขย ซ้ำยังได้ยินมาว่าคืนนี้น้องเขยจะพาน้องสาวเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วย ดังนั้นจึงเหยียบคันเร่งตามมายืนยันดูสักหน่อย
เมื่อรถของยศพัฒน์จอดลง ครอบครัวเจ้าของงานก็รออยู่หน้ารถแล้ว ท่าทางนอบน้อมนั่นทำเอาเทวิกาลอบเดาะลิ้นในใจ ต้อนรับราชาก็คงไม่ต่างจากนี้มากนัก
ตอนนั้นเธอโชคดีมากจริงๆ จ้างผู้ชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้ด้วยเงินห้าพัน
แต่ก่อน ทุกครั้งที่เทวิกานึกถึง ก็จะรู้สึกว่าตัวเองถูกหลอก
หลังจากที่ตกหลุมรักยศพัฒน์ ความคิดเธอก็เปลี่ยนไป ทุกครั้งที่นึกถึง ก็จะรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ
บริษัทของชเนนทร์เพิ่งเข้าที่เข้าทาง แม้เขาจะได้รับคำเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ แต่ก็ไม่ได้รับการปฏิบัติดีเท่าน้องเขย
เขาจอดรถตามที่รปภ.สั่ง
เมื่อลงจากรถ ก็มีเพียงพ่อบ้านมาต้อนรับเขา ไม่เหมือนยศพัฒน์ที่ได้รับการต้อนรับจากครอบครัวเจ้าของงาน
ชเนนทร์ไม่แคร์เรื่องพวกนี้
หลังจากที่เขาลงจากรถ ก็ยิ้มมองน้องสาวถูกน้องเขยประคองลงมา แสงไฟในลานกว้างส่องสว่างความมืดมิดในค่ำคืน เขามองเห็นน้องสาวที่สวมชุดราตรีได้อย่างชัดเจน ว่าสะกดสายตาและงดงามขนาดไหน
น้องสาวที่เขารักและโอ๋มายี่สิบกว่าปี ตอนนี้ก็เติบโตเป็นหญิงสาวที่งดงามดุจดอกไม้บานสะพรั่งแล้วจริง ๆ
“คุณพัฒน์ คุณนายน้อยบุญเยี่ยม”
“ท่านจอม”
ยศพัฒน์ยิ้มทักทายท่านจอม ก่อนจะแนะนำภรรยาตัวเองให้ครอบครัวท่านจอมรู้จักอย่างเป็นทางการ
ท่านจอมมองสำรวจเทวิกา
เทวิการู้สึกว่าสายตาของเขาเฉียบแหลมมากๆ แต่ใบหน้าเขาก็ยังคงแต้มยิ้มอ่อนโยน คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการธุรกิจ ไม่มีใครที่อ่อนโยนจริงๆหรอก