คุณสามีพันล้าน - บทที่ 397 เบศวร์ที่ไร้ยางอาย
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 397 เบศวร์ที่ไร้ยางอาย
คุณชายรองของตระกูลอริยชัยกุลถึงขั้นรู้สึกว่าเวลานานเกินไปด้วยซ้ำ
เขาอดใจรอแต่งมิลินท์เข้าบ้านไม่ไหวแล้ว
แม้ ตอนนี้ทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกัน แต่ความหมายมันไม่เหมือนกัน
กนกอรจึงแสดงความยินดีกับลินท์อีกครั้ง ทั้งยังแสดงความอิจฉาออกมา
กัญณิศาที่อยู่ในกลุ่มสี่คนเงียบไม่ได้ตอบโต้ กนกอรจึง@กัญณิศาในกลุ่มสักหน่อย
สักพัก กัญณิศาก็ตอบกลับ: “ฉันพาพี่สาวทำธุระก่อนนะ”
แต่ไม่ลืมที่จะอวยพรลินท์
อันที่จริงเธอเพิ่งจะรับสายคนของเธอ ซึ่งบอกเธอว่า ลู กค้าผู้ทรงเกียรติอย่างนฤเบศวร์เรียกร้องให้เธอเอาผลการสืบมาให้ด้วยตัวเอง
กัญณิศาเดาว่านฤเบศวร์คงอยากเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอที่เป็นบอสผู้อยู่เบื้องหลังองค์กรนักสืบนี้ให้ชัดเจนสินะ
เนื่องจากเธอไม่เคยแสดงใบหน้าที่แท้จริงให้ใครเห็น ทั้งยังน้อยมากที่จะติดต่อกับลูกค้าโดยตรง แต่ชื่อเสียงองค์กรนักสืบของเธอโด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ได้รับการยอมรับจากในเมืองแอคเซสซ์ ทำให้ใครๆก็ไม่กล้าดูถูก
คนภายนอกจึงเกิดความสนใจในตัวบอสที่อยู่เบื้องหลังอย่างเธอ อยากรู้ว่าเธอเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงอายุมากหรืออายุน้อย
กัญณิศาคงไม่ไปส่งผลการสืบหาให้นฤเบศวร์อยู่แล้ว
เธอจึงบอกผู้ช่วยสุดเจ๋งของเธอ ให้เขาออกหน้าไปติดต่อกับนฤเบศวร์แทนเธอ ถึงยังไงก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนก่อตั้งองค์กรนักสืบแห่งนี้ แม้กระทั่งพี่สาวแท้ๆเธอก็ปิดบังเช่นกัน เธอเตรียมคนๆหนึ่งให้ไปติดต่อกับนฤเบศวร์ ส่วนนฤเบศวร์เองก็ไม่รู้ว่าโดนหลอก
นฤเบศวร์ไม่รู้เรื่องพวกนี้ เห็นกนกอรสีหน้าปลื้มใจ จึงยิ้มถาม: “มีข่าวดีอะไรเหรอ? พูดให้ผมฟังมั่งสิ ผมจะได้ดีใจด้วย”
“ลินท์จะแต่งงานแล้ว เธอให้ฉันไปเป็นเพื่อนเจ้าสาว”
ได้ฟัง ดวงตาดำขลับของนฤเบศวร์ก็เป็นประกาย
กนกอรเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้มิลินท์ เขาก็ต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กษิดิ อย่างนี้ถึงจะเหมาะสมกัน
แต่ เขากับกษิดิไม่สนิทกันสักนิด เพราะความสัมพันธ์ของเขากับยศพัฒน์ คุณชายพวกนั้นของตระกูลอริยชัยกุลจึงคิดเหมือนกับพัฒน์ มองเขาเป็นศัตรูกันหมด
คงเป็นไปไม่ได้ ที่จะวิ่งไปบอกกษิดิโดยไม่รักษาเกียรติใดๆไว้เลย: “กษิดิ ฉันอยากเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้นาย!”
นฤเบศวร์สีหน้าเปลี่ยนไป
เพื่อจีบกนกอร เขาหน้าด้านขึ้นเรื่อยๆแล้ว
“กษิดิโชคดีจริงๆ”
นฤเบศวร์ถอนหายใจ
ได้หญิงสาวมาครอบครองอย่างสบายๆ ทั้งยังท้องแล้วด้วย
กนกอรมองเขา ไม่ได้พูดอะไร
เดลิเวอรี่มาส่งแล้ว
ทั้งสองคนจึงกินอาหารอย่างเงียบๆ
นฤเบศวร์เห็นกนกอรกินอย่างเพลิดเพลิน เขาก็พลอยเจริญอาหารไปด้วย กินอย่างเอร็ดอร่อยเช่นกัน
ตอนค่ำ การค้าขายของร้านกาแฟก็ไม่มีอะไรพิเศษ
ประมาณสามทุ่ม น้องพนักงานร้านกับลุงตี๋เลิกงานก่อน
กนกอรเห็นไม่มีลูกค้ามา จึงอยากจะปิดร้านเร็วหน่อย
นฤเบศวร์เข้าไปช่วยด้วยความยินดี คิดๆว่ายังไม่ดึก จะได้ชวนกนกอรไปเดตกับเขา
หลังจากปิดร้าน นฤเบศวร์เหมือนกับเล่นมายากล หยิบตั๋วหนังสองใบออกมา พูดกับกนกอร: “เราไปดูหนังกันเถอะ”
“ดึกขนาดนี้แล้วยังจะไปดูหนังอีก?”
กนกอรขมวดคิ้ว แต่กลับยื่นมือไปหยิบตั๋วหนังมาดู เป็นหนังใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้าโรง ทั้งยังได้รับคำชมว่าเป็นหนังที่ดีมากด้วย ถึงจะเป็นหนังสยองขวัญ แต่เธอก็อยากดู
“ดึกที่ไหน เวลานี้ ชีวิตยามค่ำคืนเพิ่งจะเริ่มเองนะ”
สำหรับคนที่กลับบ้านตอนเที่ยงคืนเป็นปกติอย่างนฤเบศวร์ เวลาสามทุ่มกว่านั้น เป็นช่วงเวลาที่เพิ่งเริ่มใช้ชีวิตยามค่ำคืนจริงๆ
หลังจากคิดๆ กนกอรก็ตอบตกลงนฤเบศวร์
นฤเบศวร์จึงยิ้มกว้างขึ้นมาทันที อาการดีอกดีใจของเขาทำให้กนกอรตลก เธออดไม่ได้ที่จะขำออกมา: “ฉันแค่ไปดูหนังเป็นเพื่อนนาย นายก็ดีใจเหมือนได้อะไรยังงั้นแหละ หรือว่า นายไม่เคยไปดูหนังงั้นเหรอ?”
“ผมไม่เคยไปดูหนังที่โรงหนังจริงๆนะ”
บ้านของพวกเขามีโรงหนังของครอบครัว ไม่จำเป็นต้องไปโรงหนังหรอก
อีกอย่าง เมื่อก่อนตอนที่เขาชอบเปรมา เปรมาก็ไม่ยอมไปดูหนังเป็นเพื่อนเขาด้วย
กนกอร: ……
นฤเบศวร์จูงมือของกนกอร กนกกรก็ไม่ได้ขัดขืน
เขาจึงอดไม่ได้ที่จะจับไว้แน่น
พระเจ้ารู้ดี ตอนนี้เขาประหม่ามากๆ กลัวว่ากนกอรจะสะบัดมือเขาออก
ทั้งสองคนไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวกันครั้งแรก แต่เขาดันประหม่าเหมือนคนที่ไม่มีประสบการณ์ จับมือของเธอ ใจก็ยิ่งเต้นเร็ว
ตอบสนองออกมาอย่างใสซื่อ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป
นฤเบศวร์มองหญิงสาวข้างกายอยู่เงียบๆ เธอพลางกินขนมต่างๆที่เขาเตรียมไว้ให้ พลางดูหนังอย่างเพลิดเพลิน เห็นๆอยู่ว่าเป็นหนังสยองขวัญ เขาแอบดูหนังทั้งเรื่องไปแล้ว ผู้ชายอกสามศอก อย่างเขายังตกใจเลย แต่ไม่นึกว่ากนกอรจะไม่กลัว
เขาอุตส่าห์เตรียมตัวอย่างดี ตอนที่เธอกลัว เขาจะโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที ปลอบให้เธอไม่ต้องกลัว
แต่ผลที่ได้ เธอกลับดูอย่างหลงใหล กินอย่างสบายใจ
มองบรรดาคู่รักรอบๆอีกครั้ง ผู้หญิงแต่ละคนล้วนแต่ขดตัวอยู่ในอ้อมอกของแฟนหนุ่มทั้งนั้น
นฤเบศวร์: ……
กนกอรที่เป็นอย่างนี้ เป็นไปได้มากว่า ก็คงไม่กลัวพวกบ้ากามสินะ
เขาให้คนเตรียมฉากอัศวินช่วยสาวงามไว้แล้ว ยังจำเป็นต้องแสดงตามเวลาอีกไหม?
ศัตรูคู่อาฆาตเสนอแนะให้ใช้แผนเจ็บตัว ก็รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์แล้วน่ะสิ
คิดน่ะคิดอย่างนี้ แต่นฤเบศวร์ไม่ได้แจ้งยกเลิกฉากอัศวินช่วยสาวงาม รอให้หนังจบ ก็จะได้ดูฉากสนุกๆที่เขาเตรียมเอาไว้ต่อ
“กนกอร”
“ห๊ะ”
กนกอรมองเขา แล้วก็ดูหนังต่อ
หลังจากนฤเบศวร์เงียบไปชั่วครู่ จึงถามออกมา: “คุณกลัวไหม?”
“แค่หนังเอง ไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย มีอะไรน่ากลัวล่ะ”
กนกอรมองเขา “นายกลัวเหรอ?”
“มันน่ากลัวนะ”
กนกอรหัวเราะ “นายก็ก้มหน้าไม่ต้องดู”
คิดๆ เธอจึงพูดขึ้นอย่างใจกว้าง: “นายเขยิบเข้ามาใกล้หน่อยก็ได้นะ”
นฤเบศวร์: ……
ใช่สิ เธอไม่กลัว เขากอดเธอไม่ได้ แต่เขาแสร้งทำเป็นกลัว ให้เธอกอดเขาได้นี่นา
ครั้นแล้ว เขาจึงเอนหัวเข้าไปในอ้อมอกของกนกอรอย่างหน้าด้านๆ
การกระทำของเขาทำให้ขนมในมือของเธอหล่นไปหมด
“กนกอร ผมกลัว น่ากลัวอะ หนังเรื่องนี้สยองเกินไป”
คุณชายเข้าถึงบทบาท กอดกนกอรไว้แน่น ตัวสั่นเทิ้มในอ้อมอกของเธอ
กนกอร: เธอฟาดเขาให้ตายไปเลยดีไหม?
การกระทำของนฤเบศวร์ก็ดึงดูดสายตาคนรอบๆด้านเช่นกัน
ทุกคนต่างจับจ้องมาที่ทั้งสองคน ต่อให้กนกอรคิดจะซัดเขาให้ตาย ก็คงไม่เหมาะที่จะลงมือ
จึงทำได้เพียงใช้มือข้างหนึ่งโอบนฤเบศวร์ พูดกับคนข้างๆอย่างทำตัวไม่ถูก: “เขาขี้กลัวน่ะค่ะ เดินตอนกลางคืนก็กลัว ฟ้าร้องก็ตกใจจนสะดุ้งโหยง ตอนนี้ ดูหนังก็ตกใจจนตัวสั่น”
ทุกคน: ……
ไม่ได้เอาเปรียบใช่ไหม?
พูดถึงการเอาเปรียบได้สบายๆขนาดนั้น พวกเขาเพิ่งเคยเจอครั้งแรก
ไม่ว่าทุกคนจะคิดยังไง นฤเบศวร์ก็เอาเปรียบได้สำเร็จ พึงพอใจแล้ว
น่าเสียดายที่ไม่นาน ก็โดนกนกอรผลักออก กนกอรยังหยิกต้นขาเขาอย่างแรงด้วย เจ็บจนเขาเกือบจะร้องออกมา
ดึกดื่น หนังเพิ่งจะจบ
ออกมาจากโรงหนัง ต้นขาของนฤเบศวร์เขียวช้ำไปหมด โดนกนกอรหยิกมาทั้งนั้น
ใครให้เขาใช้ลูกไม้เดิมๆตั้งหลายครั้งล่ะ
เริ่มแรก กนกอรอาจจะไม่รู้ว่านฤเบศวร์มีแผนอะไรถึงได้ชวนเธอมาดูหนัง แต่ตอนที่จู่ๆเขาก็พุ่งเข้ามาในอ้อมอกของเธอ กอดเธอแน่นไม่ยอมปล่อย เธอจึงเข้าใจขึ้นมาทันที
ครั้งแรกที่ชวนเธอมาดูหนัง ก็ดูหนังสยองขวัญขนาดนี้ แค่คิดว่าถ้าเธอกลัวจะได้เป็นฝ่ายเข้าไปกอดเขา ให้ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันสินะ
ลูกไม้อย่างนี้ นิยายของวิกาเคยเขียนเอาไว้
หรือว่า ตานี่ไปอ่านนิยายที่วิกาเขียนมางั้นเหรอ? เรียนรู้จากพระเอกของวิกางั้นสิ?