คุณสามีพันล้าน - บทที่ 413 ตัวเองสำรวจตัวเอง
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 413 ตัวเองสำรวจตัวเอง?
“คุณบอกว่าคุณเห็นรูปร่างและดวงตาของเธอก็รู้สึกคุ้นตามาก และอาจจะเคยเห็นมาก่อน คุณไปร่วมงานเลี้ยงกับผม ส่วนใหญ่มักจะเป็นคุณหญิงคุณนายทั้งนั้น ไม่แน่สาวคนนั้นอาจจะเป็นคุณป้าจริงๆนะ”
“คุณคงจะไม่หาคุณป้าให้พี่ชายคุณหรอกนะ? ดังนั้น ยังต้องรอจนกระทั่งรู้ใบหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่าย แล้วค่อยคิดถึงเรื่องที่จะชักใยอยู่เบื้องหลัง”
เทวิกาคิดอยู่ทั้งคืน และก็คิดไม่ออกว่าสาวลึกลับคนนั้นคือใคร ได้ยินสามีพูดเช่นนี้ ก็พูดอย่างหมดกำลังใจว่า: “ช่างเถอะ นั่นเป็นเรื่องของพี่ชาย ฉันก็จะไม่ไปเดือดร้อนแล้ว น่าเสียดาย ฉันชอบณิศามากๆ อยากให้ ณิศาเป็นพี่สะใภ้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แล้วล่ะ”
พี่ชายไม่สนใจสาวสวยที่เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่สะดวกสบายอย่างกัญณิศาหรอก อาจจะเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมที่พี่ชายฉันเติบโตมา
แม้ว่าเธอรู้สึกว่ากัญณิศาเป็นคนที่แสร้งทำเป็นคนอ่อนแอไร้น้ำยา. เพื่อหลอกลวงให้อีกฝ่ายตายใจ
“ถ้าสาวคนนั้นเป็นหญิงสาววัยรุ่น หลังจากที่พี่ชายคุณรู้ตัวตนของเธอ ทั้งสองคนสปาร์คกัน มันก็เป็นเรื่องที่ดี เมื่อเทียบกับคุณกัญณิศา สาวลึกลับคนนั้นเหมาะสมกับพี่ชายคุณมากกว่า”
ความประทับใจที่ยศพัฒน์มีต่อกัญณิศาคือความอ่อนโยนและสง่างาม
และไม่ได้ประทับใจลึกซึ้งเท่ากับกิติยา
สองพี่น้องคนหนึ่งเย็นชาราวกับน้ำแข็ง และอีกคนอ่อนโยนเหมือนน้ำ
เทวิกาคิดถึงสภาพของตระกูลสาระทา จะต้องพยักหน้าเห็นด้วย
“อย่าคิดมากมายเลย ดึกมาแล้ว นอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานอีก”
ยศพัฒน์จูบที่หน้าผากของภรรยาที่น่ารักของเขา
“ที่รัก หลังจากงานแต่งของกษิดิกับลินท์แล้ว ฉันจะกลับไปเมืองซูเพร่านะ”
เดิมทีเธออยากเรียนรู้ในบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป แต่เธอเป็นมือใหม่ในที่ทำงาน อยากจะเติบโตเป็นรับภาระด้านหนึ่งแต่ผู้เดียวอย่างรวดเร็ว มันยากมากๆ
กลับบ้านไประลึกถึงบรรพบุรุษ เรียนรู้ไปพลางรับมือกับศัตรูไปพลาง
หลังจากที่ยศพัฒน์คิด ก็ยอมเธอ: “ได้ หลังจากงานแต่งของพวกเขา ผมจะกลับเมืองซูเพร่ากับคุณ ถือโอกาสดูแลการจัดตั้งบริษัทไปด้วย”
ในเมืองซูเพร่ามีตระกูลใหญ่สองสามแห่ง นอกจากตระกูลสาระทาและตระกูลเลิศธนโยธาแล้ว ยังมีอีกสามตระกูล แต่สามตระกูลนั้นก็ไม่ได้ทำตัวเป็นจุดสนใจ ไม่ทำตัวโดดเด่นเหมือนกับตระกูลสาระทา และก็ไม่ได้กำเริบเสิบสานเหมือนตระกูลเลิศธนโยธา แต่เป็นเรื่องยากมาก ที่คนนอกจะเข้ามาเมืองซูเพร่าเพื่อแบ่งปันเงินปันผลของพวกเขา
บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปต้องการจะจัดตั้งบริษัทย่อยในเมืองซูเพร่า แค่ส่งผู้บริหารสองสามคนไปก็ยังไม่พอ ยศพัฒน์ก็ตัดสินใจจะออกโรงด้วยตัวเอง
เขาเข้าสู่เมืองซูเพร่าในฐานะลูกเขยของตระกูลตระกูลสาระทา ประกอบกับภูมิหลังของบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป แม้ว่าตระกูลใหญ่ๆตระกูลอื่นในเมืองซูเพร่าคิดจะแตะต้องเขา ก็ต้องคิดพิจารณาดู
“ที่รัก ขอบคุณนะ”
เทวิกาลุกขึ้นนั่ง ไม่นานก็คลานขึ้นไปบนตัวของยศพัฒน์ สัมผัสใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาและมอบจูบอันแสนหวานให้เขา
ยศพัฒน์กอดเธอ พูดอย่างตามใจ: “เราเป็นสามีภรรยากัน สามีภรรยารวมกันเป็นหนึ่ง เรื่องของคุณก็คือเรื่องของผม ไม่ต้องเกรงใจผมขนาดนั้นหรอก”
เทวิกาสวมกอดเขา “ที่รัก โชคดีจังที่มีคุณ!”
ยศพัฒน์ยิ้ม “ผมก็โชคดีที่ได้คุณมาอยู่เคียงข้าง ชีวิตของผมเต็มไปด้วยแสงสว่าง และมีสีสัน”
เขาเฝ้ารอมา 11 ปี กว่าจะได้ภรรยามาครอง
เป็นคนที่เขาต้องการดูแลด้วยความอ่อนโยนไปตลอดชีวิต
……
ห้องทำงานชั้น 2 ของวิลล่าตระกูลนนท์สัจทัศน์ กิติยาทำงานที่บ้านมาโดยตลอด นอกจาก นอกจากกัญณิศาที่เข้าออกได้อย่างอิสระ คนอื่นๆ ไม่อนุญาตให้เข้ามาในห้องหนังสือของกิติยาตามอำเภอใจ
การทำความสะอาดในห้องทำงานก็เป็นกัญณิศาที่ช่วยพี่สาวเก็บกวาด ไม่ต้องให้คนรับใช้มาทำ
ตอนดึกสงัดเงียบสงบ โคมไฟในห้องทำงานยังสว่างอยู่ แต่คนที่ทำงานอยู่ไม่ใช่กิติยา แต่เป็นกัญณิศา
เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ ตรงหน้าโต๊ะหนังสือมีรูปภาพวางไว้รูปหนึ่ง ก็คือภาพเสมือนของสาวลึกลับที่ประยสย์ใช้เวลาวาดอยู่ทั้งบ่าย
หลังจากที่กัญณิศาดูภาพ ก็พูดกับตัวเองว่า: “วาดได้ค่อนข้างเหมือนตัวจริงเลย ฉันคิดว่าเป็นรูปของฉันเองเลยนะเนี่ย”
สาวลึกลับก็คือกัญณิศานั่นเอง
เพราะเธอทำงานอยู่ในบริษัทนักสืบ สิ่งที่ถนัดในสายงานนี้คือการสะกดรอยตาม แอบถ่าย ถามข่าวสารพัด
ดังนั้น บางครั้งเธอต้องเปลี่ยนลุค แต่งหน้า ขี่มอเตอร์ไซค์กินลม เดินเล่นไปรอบๆ เป็นการผ่อนคลายอารมณ์และก็ต้องการสอบถามข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ
วันนี้จึงบังเอิญพบยสย์
อย่าว่าแต่ประยสย์คือพี่ชายแท้ๆของเทวิกาเลย แม้ว่าไม่ใช่ สถานการณ์ในตอนนั้น เธอก็จะลงมือไปช่วย
เธอแค่สะดวกที่จะช่วยเหลือ ไม่คิดว่าประยศย์อยากรู้ว่าเธอคือใคร แถมวาดภาพเธอในตอนนั้นโดยอาศัยพรหมลิขิตที่ได้เจอกัน
โชคดีที่เธอสวมหน้ากากสีเงิน ประยสย์จึงมองไม่เห็นใบหน้าของเธอ และไม่รู้ว่าเธอคือคุณหนูรองของตระกูลนนท์สัจทัศน์ กัญณิศาถือว่าเรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุ และไม่ได้สนใจมากนัก
ถ้าอยากบอกว่าเธอประทับใจจริงๆ ก็คือทักษะของประยสย์ค่อนข้างดี ถ้าประยสย์ยินดีที่จะอยู่ในวงการนี้ จะต้องได้เป็นที่หนึ่งในวงการอย่างแน่นอน
ประยสย์ใช้เงินจำนวนมากเพื่อขอให้คนของเธอตามหาเธอ
คนที่รู้ว่าเธอแปลงตัวเป็นนักสืบหญิงที่ชอบสวมหน้ากากสีเงิน อืม ตอนนี้ยังไม่เกิด
เธอทำวงการนี้มา แม้แต่พี่สาวแท้ๆของเธอก็ยังปิดบังเลย
ถ้าพี่สาวรู้ จะต้องไม่ให้เธอทำต่อแน่ วงการนี้ ง่ายต่อการล่วงเกินผู้คน และอาจเป็นอันตราย
กัญณิศากลับชอบการกระตุ้นแบบนี้มาก แต่เพื่อควาสบายใจของพี่สาว ปกติเธอจะแสดงออกภายนอกด้วยความอ่อนโยนและอ่อนแอ ถูกพี่สาวเลี้ยงดูมาด้วยสิ่งแวดล้อมที่ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ไม่ค่อยออกมาเจอแสงสว่าง
ประยสย์จ่ายเงินมัดจำเข้าบัญชีของบริษัทกัญณิศาเรียบร้อยแล้ว
สิ่งที่กัญณิศาปวดหัวก็คือ บอกประยสย์อย่างตรงไปตรงมา หรือว่าคืนเงิน ไม่รับงานของประยสย์?
……
ณ เมืองซูเพร่า ตระกูลเลิศธนโยธา
“ปึง!”
ตบลงไปบนโต๊ะทำงาน
แรงเยอะมาก
หลังจากตบแล้ว คุณพสธรเพิ่งรู้สึกเจ็บมือ
เขาโมโหเกินไป จึงตบลงบนโต๊ะ
“ล้มเหลวอีกแล้ว! คนที่พวกแกส่งไปเป็นขยะทั้งนั้น ยากมากกว่าเขาจะอยู่ลำพังคนเดียว แม้แต่หกคน ก็เอาชนะเขาคนเดียวไม่ได้!”
คุณพสธรคิดว่าพลาดโอกาสนี้ไป ต่อไปอยากให้ประยสย์อยู่ลำพัง ก็ยากมากแล้ว
โกรธจนเจ็บหน้าอก
คนที่อยู่ปลายสายโทรศัพท์ ก็ดูเหมือนว่ากำลังโกรธเช่นกัน พูดว่า: “คนที่ส่งไปครั้งก่อนก็พกปืนไป ผลสุดท้ายเกิดอุบัติเหตุ มีบนอยู่กับตัว จนกระทั่งวันนี้ตำรวจยังสืบสวนอยู่ คุณบอกแล้วว่า พกปืนไป พอถูกตำรวจจับตามอง ก็ยากที่จะหลุดพ้น โทษหนัก ฉันจึงไม่ให้พวกเขาพกปืนไง”
“6 คนที่ส่งไปก็มีทักษะดีเช่นกัน พวกเขายังมีอาวุธแหลมคม……ไอ้หมอนั่นดวงแข็ง ดวงดี! เปลี่ยนเรื่องร้ายให้เป็นเรื่องดีทุกครั้ง ไอ้พสธร ฉันก็ส่งคนเข้าไปรับบาดเจ็บเป็นสิบคนแล้ว!”
เงินของพสธรได้ยากเกินไปแล้ว
คุณพสธรคิดถึงการเปลี่ยนเรื่องร้ายการเป็นเรื่องดีของประยสย์ ก็อดไม่ได้ที่จะด่าออกมาประโยคหนึ่งว่า: “ไอ้หมอนั่นโชคดีมาก การโจมตีทั้งในที่ลับและที่แจ้งก็ฆ่าเขาไม่ได้”
เดิมทีเมืองแอคเซสซ์ไม่ใช่สถานที่ของลูกน้อง เขาก็ตักเตือนลูกสาวซ้ำๆ ว่าอย่าลงมือในเมืองแอคเซสซ์ ที่นั่นไม่ใช่อาณาเขตของตระกูลเลิศธนโยธาพวกเขา
แต่เมื่อประยสย์อยู่คนเดียว และออกไปข้างนอกตามลำพัง เขาไม่อยากพลาดโอกาสดีๆนี้ไป จึงรีบติดต่อผู้ช่วย
อีกฝ่ายยังกล่าวอีกว่าพวกเขาส่งนักฆ่าฝีมือดี 6 คนไปปิดล้อมสกัดกั้นประยสย์
คิดว่าประยสย์ไม่ตายก็คงจะพิการ ผลสุดท้ายคนเขายังอยู่ได้สบายดี กลับกลายเป็นนักฆ่า 6 คนที่เขาส่งไปตกอยู่ในมือตำรวจ ต้องบอกว่าประยสย์นั้นดวงแข็งจริงๆ
ตั้งแต่ที่ตระกูลเลิศธนโยธาของพวกเขามีส่วนร่วม อยากจะเอาชีวิตของประยสย์ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ภายในวันหรือสองวัน แต่ละครั้งประยสย์ก็จะฝ่ามาได้ตลอด
น่าโมโหชะมัด!