คุณสามีพันล้าน - บทที่ 455 คลั่งไคล้ภรรยาเป็นกรรมพันธุ์ของผู้ชายตระกูลอริยชัยกุล
- Home
- คุณสามีพันล้าน
- บทที่ 455 คลั่งไคล้ภรรยาเป็นกรรมพันธุ์ของผู้ชายตระกูลอริยชัยกุล
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 455 คลั่งไคล้ภรรยาเป็นกรรมพันธุ์ของผู้ชายตระกูลอริยชัยกุล
เวลาผ่านไปอีกคืน
ตอนเทวิกาถูกนาฬิกาปลุกให้ตื่น เธอสะลึมสะลือลุกขึ้นมาปิดนาฬิกาปลุกในโทรศัพท์ ก่อนจะเอนตัวลงนอนต่อ
แต่ก็เพียงแค่นาทีเดียวแล้วก็ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง
เหลือบมองข้าง ๆ ก็พบว่ายศพัฒน์ไม่อยู่แล้ว
ปกติเวลาเสียงนาฬิกาปลุกร้องจะเป็นยศพัฒน์ลุกขึ้นมาช่วยปิดให้
เหลือบมองออกไปด้านนอกท้องฟ้าดูมืดครึ้ม
สงสัยฝนจะตกแน่เลย
“พัฒน์ตื่นเช้าแบบนี้ตลอดเลย”
เทวิกาบ่นพึมพำ แต่ไม่ได้ล้มตัวลงนอนต่อ แต่เลื่อนตัวลงจากเตียงแทน
เสื้อผ้าที่เธอต้องใส่ สามีสุดที่รักเตรียมเอาไว้ให้หมดแล้ว
แม้แต่สร้อยข้อมือแบบเรียบ ๆ ที่เธอจะใส่วันนี้ก็ช่วยเลือกไว้ให้เธอแล้วเหมือนกัน
เพราะตอนนี้เธอเป็นเพียงพนักงานธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ดังนั้นพวกเครื่องประดับที่เธอจะใส่ในทุกวันจึงใส่ได้เฉพาะสร้อยข้อมือที่ดูเรียบง่ายเท่านั้น
จากนิสัยของเทวิกาเธอไม่ชอบใส่ของพวกนี้ แต่ยศพัฒน์ไม่ชอบให้ข้อมือของเธอว่างเปล่า เพื่อจะปกปิดตัวตนที่แท้จริง เธอถึงกับลงทุนถอดแหวนแต่งงานออกด้วย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้ยศพัฒน์ไม่พอใจเอามาก ๆ
ถ้าเธอยังไม่ยอมใส่สร้อยข้อมือที่เขาซื้อให้อีก หน้าของผู้ชายคนนี้คงจะได้ยืดยาวเป็นหน้าม้าแน่
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำเสร็จเรียบร้อย เทวิกาก็เดินออกจากห้องไป
ยังไม่ทันเดินลงไปถึงชั้นล่างก็ได้ยินเสียงคนกำลังคุยกันอยู่ชั้นล่าง ซึ่งเป็นเสียงของพัฒน์กับกษิติ สองพี่น้องตั้งใจพูดคุยกันเสียงเบา ๆ คงจะกล้าว่าจะปลุกคนที่อยู่ชั้นบนตื่น
เทวิกาได้ยินกษิติพูดกับสามีของเธอว่า “พี่ใหญ่ ผมไม่รู้ต้องทำยังไงแล้ว ลินท์ผอมลงไปเยอะเลย คนอื่นตั้งครรภ์มีแต่น้ำหนักเพิ่ม แต่เธอกลับน้ำหนักลด แถมยังเห็นผลดียิ่งกว่าตอนนี้ตั้งใจลดน้ำหนักอีก”
“หมอบอกว่าปฏิกิริยาของการตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติ พอเห็นเออาเจียนทุกครั้งหลังกินข้าวผมก็ยิ่งปวดใจ จนอยากจะไปอาเจียนแทนเลย”
“เธอไม่อยากอาเจียนก็เลยไม่กินข้าวหรือไม่ก็กินน้อยลง ตอนนี้ก็เลยยิ่งผอมลงเรื่อย ๆ”
ยศพัฒน์รับฟังเรื่องกังวลใจของน้องชายแล้วพูดอย่างจนปัญญา “กษิติ แกมาพุดเรื่องพวกนี้กับพี่แต่เช้าแล้วมันจะมีประโยชน์อะไร คุณหมอก็บอกว่าเป็นปฏิกิริยาปกติ เดี๋ยวก็ดีขึ้น”
“พี่ไม่ใช่หมอ แถมพี่ก็ไม่ประสบการณ์การเป็นพ่อเป็นแม่คนด้วย”
ความเคยชินของเหล่าน้องชาย เวลามีปัญหาหรือมีเรื่องทุกข์ใจก็จะวิ่งแจ้นมาหาพี่ชายของพวกเขา
ถ้าเป็นเรื่องอื่นเขาก็พอจะคิดหาวิธีช่วยแก้ไขปัญหาให้น้องชายได้ เว้นแต่เรื่องการตั้งครรภ์ของผู้หญิง เรื่องนี้เขาช่วยอะไรไม่ได้จริง ๆ
เขาเป็นคนที่แต่งงานเร็วที่สุด แต่เขากับวิกายังไม่ได้วางแผนจะมีลูกตอนนี้มันเร็วเกินไป ตอนนี้พวกเขากำลังใช้ชีวิตในโลกของคนสองคน กำลังมีความสุขหวานชื่น
“พี่ แม่ครัวของพี่ทำอาหารอร่อยที่สุด ผมอยากจะขอยืมตัวไปลองดูหน่อยว่าลินท์จะชอบทานอาหารฝีมือเขาหรือเปล่า”
ที่กษิติเดินตามพี่ชายเข้ามา อันที่จริงก็มาเพื่อเรื่องแม่ครัว
ได้ยินแบบนั้น ยศพัฒน์ก็หัวเราะออกมา “ครอบครัวของเรามีพ่อครัวชั้นยอดที่เก่งกาจกว่าแม่ครัว นายก็ไปหาเขาสิ แม่ครัวทุกคนที่เราจ้างในบ้านแต่ละหลังมีใครบ้างที่ไม่ผ่านการฝึกจากเจ้าสามก่อน”
กษิติ “ผมไม่เห็นเซทท์กลับมาสักระยะหนึ่งแล้ว ผมกับลินท์จะจัดงานแต่งงานแล้ว เจ้าเด็กนั่นคงจะกลัวว่าจะถูกคุณปู่กับคุณย่าเร่งให้แต่งงาน ระยะนี้ก็เลยไม่ได้อยู่ที่บ้าน ผมไปหาที่โรงแรม เขาก็แค่เขียนสูตรอาหารสำหรับสตรีมีครรภ์ให้ผม บอกว่าให้ผมไปหาเชฟมาทำตามสูตรอาหารของเขา”
เทวิกาได้ยินดังนั้นก็เดินลงมาชั้นล่าง
เมื่อสองพี่น้องได้ยินเสียงฝีเท้าก็หยุดคุยกัน
ยศพัฒน์ลุกขึ้นเดินไปรับเทวิกา
กษิติแอบทอดถอนใจ : พี่ชายและพี่สะใภ้เป็นคู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันนานแล้ว แต่ความรักความสัมพันธ์ก็ยังเหมือนตอนเพิ่งรักกันใหม่ ๆ ถึงเขากับลินท์จะแต่งงานกันแล้ว แต่ทุกครั้งที่เห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้อยู่ด้วยกัน เขาก็ยังรู้สึกอิจฉาทุกครั้ง
“ทำไมไม่นอนต่ออีกหน่อย”
พัฒน์ยิ้มถามภรรยาสุดที่รัก พร้อมกับยื่นมือออกไปให้เทวิกาจับเพื่อพยุงก่อนก้าวลงบันไดขั้นสุดท้าย
“นาฬิกาปลุกดังฉันก็เลยตื่น”
“ผมผิดเองที่ไม่ได้ช่วยปิดนาฬิกาปลุกให้คุณไว้ก่อน”
สองสามีภรรยาแสดงความรักใคร่ราวกับไม่มีใครอยู่
กษิติรอให้สองสามีภรรยาเดินเข้ามาใกล้แล้วเขาถึงลุกขึ้นยืน “อรุณสวัสดิ์ครับพี่สะใภ้”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”
เทวิกาไม่ได้นั่งลงแต่ถามเขากลับว่า “ลินท์ยังไม่รู้สึกอยากอาหารอีกเหรอ”
“ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากอาหารครับ แต่เป็นเพราะกินแล้วอาเจียน เธอไม่อยากอาเจียนก็เลยไม่ยอมทานอาหารเลย ยอมทนหิวหรือไม่ก็ทานแค่ผลไม้ แต่พอทานผลไม้เธอกลับไม่อยากอาเจียนนะ”
“ไม่กินก็ไม่อาเจียนเหรอ”
กษิติจำได้ว่าลินท์ตื่นนอนตอนเช้าก็อาเจียนเหมือนกันจึงส่ายหน้าไปมา
“กินก็อาเจียน ไม่กินก็อาเจียน ยังไงกินสักหน่อยน่าจะดีกว่า ลินท์ตื่นหรือยังเดี๋ยวพี่ไปเยี่ยมเธอสักหน่อย”
กษิติซาบซึ้งใจสุด ๆ “เธอจะตื่นเวลานี้ตลอดครับ ตื่นเพราะหิว พี่สะใภ้ พี่ช่วยรีบไปดูเธอให้ผมที ช่วยเกลี้ยกล้อมให้เธอทานอาหารให้มากกว่านี้ทีนะครับ”
ระยะนี้เพื่อให้ลินท์ทานอาหารได้มากคิด เขาคิดหาวิธีจนหัวแทบจะระเบิด
เทวิกาเดินออกจากเรื่อนใหญ่ไปเพียงลำพัง
แล้วก็เจอคุณปู่กับคุณย่าอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านอย่างไม่แปลกใจเลยสักนิด
“คุณปู่คุณย่า อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
เทวิกาทักทายคนแก่ทั้งสองคนอย่างสุภาพ
ในบ้านหลังนี้ คนที่ตื่นเช้าที่วุดในทุก ๆ วันก็คือพวกท่านทั้งสองคน สมัยที่พวกท่านสองคนยังหนุ่มยังสาวเนื่องจากเรื่องในบริษัทมักจะตื่นเช้านอนดึกอยู่บ่อย ๆ จนกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว
“วิกา”
คนแก่ทั้งสองท่านยิ้มรับ คุณย่าเอ่ยถามเธอว่า “ออกไปเดินเล่นเหรอ ทำไมไม่ให้พัฒน์ไปเป็นเพื่อนล่ะ”
“หนูจะไปดูลินท์ค่ะ พัฒน์อยู่คุยกับกษิติข้างในบ้าน”
พอพูดถึงกษิติ คุณปู่ภูธิปก็พูดด้วยน้ำเสียงเอือมระอา “ลินท์แค่มีปฏิกิริยาของคนตั้งครรภ์เล็กน้อยเท่านั้นเอง กษิติก็ตื่นกลัวประหม่าจนนอนไม่ได้ กินข้าวไม่ลง ขืนเขายังเป็นแบบนี้ ถ้าตอนลินท์จะคลอดจะไม่ประหม่าจนเป็นลมไปเลยเหรอ”
หลานชายที่เขาเลี้ยงดูมาแต่ละคน ในสายตาของคุณปู่พวกเขาไม่กลัวแม้ฟ้าจะถล่มดินจะทลาย แต่ตอนนี้เจ้ารองกลับประหม่าหวาดกลัว ทำเอาคุณปู่เอือมระอาสุด ๆ
“ฉันจำได้ว่าตอนที่ฉันตั้งท้องลูกคนสุดท้องก็มีปฏิกิริยามากเหมือนกัน กินอะไรก็อาเจียนออกหมด แถมยังอาเจียนจนถึงตอนคลอดเลยด้วย ตอนนั้นคุณสงสารฉันจนบอกฉันว่าจะไปเอาเด็กออก ทีตอนนี้มาทำเป็นเอือมระอาหลานชาย”
คุณย่าเปิดโปงจุดอ่อนของสามี
เธอคลอดลูกมาหลายคน แต่มีตอนตั้งท้องลูกคนสุดท้องนี่แหละที่มีอาการมากที่สุด
คุณปู่ภูธิป “…”
เทวิกาเม้มริมฝีปากอมยิ้ม
คลั่งไคล้ภรรยาคงจะเป็นกรรมพันธุ์ของผู้ชายตระกูลอริยชัยกุลสินะ
แม้ว่าคุณปู่จะถอนตัวและไม่ได้ดูแลกิจการของบี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ปมานานแล้ว แต่ภายในบ้านท่านก็ยังเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุด แม้แต่พัฒน์ก็ไม่สามารถขัดแย้งกับคุณปู่ได้ง่าย ๆ ก็มีแค่คุณย่าคนเดียวเท่านั้นที่กล้าหักหน้าคุณปู่
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าคุณย่าจะพูดอะไรคุณปู่ก็ไม่โกรธเลยด้วย
เทวิกาอิจฉาความรักของคุณปู่กับคุณย่าที่สุด ไม่รู้ว่าถ้าเธอกับพัฒน์อายุถึงแปดสิบจนกระทั่งผมหงอกขาวเต็มหัวแล้ว ความรักของพวกเขาจะยังเหมือนเดิมหรือเปล่า
“วิกา หนูไปพูดคุยเป็นเพื่อนลินท์หน่อยเถอะ ระยะนี้เธอดูเบื่อ ๆ เหนื่อย ๆ เอาแต่คลุกตัวอยู่ในบ้านทั้งวัน”
คุณย่าก็รู้สึกเป็นห่วงหลานสะใภ้ของเธอเหมือนกัน แต่เธออายุมากแล้วจะไปพูดคุยเล่นให้ลินท์ผ่อนคลายจิตใจก็ไม่ได้
พวกหลาน ๆ ก็เป็นผู้ชายทั้งหมด นอกจากกษิติแล้วก็ไม่กล้าให้ใครไปพูดคุยเป็นเพื่อนลินท์แล้ว พวกผู้ใหญ่ก็พากันยุ่งอยู่กับงานแต่งงาน ยิ่งไปกว่านั้นพวกผู้ใหญ่ก็พากันประคบประงมลินท์ราวกับสมบัติของชาติ ลินท์เองก็คงจะติดอยู่กับการถูกประคบประงมแบบนั้นแล้ว