คุณสามีพันล้าน - บทที่ 458 รักหวานแหวว
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 458 รักหวานแหวว
กนกอรไม่รู้ว่าวันนี้พ่อแม่ของนฤเบศวร์จะมาสู่ขอ
ตอนเช้าตอนเธอจะออกไปข้างนอกก็เห็นนฤเบศวร์ถือร่มยืนรออยู่ที่หน้าประตูบ้านแล้ว
“ทำไมไม่เข้าไปล่ะ”
กนกอรก็ถือร่มเหมือนกัน พลางเอ่ยถามอย่างเป็นกันเองว่า “คุณทานอาหารเช้าหรือยังคะ”
“ผมเพิ่งมาถึง ยังไม่ได้ทานอาหารเช้า เดี๋ยวก็กลับเข้าบริษัทแล้ว เดี๋ยวค่อยให้เลขาช่วยซื้ออาหารเช้ามาให้ทีหลัง”
นฤเบศวร์ส่งสัญญาณให้กนกอรเก็บร่ม ก่อนที่ร่มของเขาจะเอียงมาทางเธอ “ไปเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่ทำงาน ตอนนี้ฝนเบาลงมากแล้ว แต่ก็ยังตกไม่หยุด นั่งรถเมล์ไม่สะดวกหรอก”
เมื่อคืนเธออยู่กับเขา ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ากลับมา
ดังนั้นเขาก็เลยมารอส่งเธอไปทำงานแต่เช้า
“กว่าคุณจะกลับถึงบริษัทก็กี่โมงเข้าไปแล้ว ยังจะทานอาหารเช้าอีก”
กนกอรพูดพร้อมเดินตามเขาไป “คุณรอเดี๋ยวนะฉันจะไปซื้ออาหารเช้าให้ แต่ว่าร้านอาหารเช้าใกล้ ๆ แถมนี้มีแต่พวกซาลาเปา ข้าวปั้นนะ”
นฤเบศวร์มือหนึ่งกางร่ม มือหนึ่งโอบเธอไว้แล้วรวบตัวเธอมายืนข้าง ๆ เพื่อไม่ให้เม็ดฝนโดนตัวเธอ แถมร่มก็เอนไปทางเธอด้วยเหมือนกัน
“ขอแค่คุณเป็นคนซื้อให้ จะอะไรผมก็กินได้หมดนั่นแหละ ซื้อซาลาเปากับน้ำเต้าหู้แล้วกัน ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนคุณเคยซื้อซาลาเปากับน้ำเต้าหู้ให้ผมกิน”
ตอนนั้นเขาหิวมาก เปรมาไม่สนใจเลยว่าเขาหิวหรือเปล่า เอาแต่บ่นว่าเขาไม่ไปหาเธอเลย
แต่กนกอรถึงปากจะด่าเขา แต่พอรู้ว่าเขาไม่ได้ทานอาหารเช้าเธอก็ไปซื้อซาลาเอาสองสามลูกกับน้ำเต้าหู้อีกหนึ่งแก้วมาให้เขาทาน
บางทีอาจเป็นเพราะรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นที่ทำให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นที่เธอมอบให้ และทำให้เขาค่อย ๆ ตกหลุมรักเธอ
กนกอรหันไปมองเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคนอื่นรู้เข้า พวกเขาคงจะว่าฉันทำร้ายคุณเกินไปแน่นอน คุณเป็นถึง CEO ใหญ่ของRA กรุ๊ปมีเงินกว่าหลายหมื่นล้าน แต่ฉันกลับเลี้ยงอาหารเช้าคุณด้วยซาลาเปาชิ้นละ 1 หยวน”
“ผมว่าซาลาเปานึ่งที่คุณซื้ออร่อยมากเลยนะ คุณไม่เคยได้ยินเหรอว่าคนมีความรักแค่ดื่มน้ำก็อิ่มแล้ว”
กนกอร “…”
อันที่จริงนฤเบศวร์แค่อยากจะทำตัวให้กลมกลืนกับชีวิตประจำวันของเธอ
เขาก็จะพาเธอเข้ามาอยู่ในแวดวงของเขาด้วยเหมือนกัน
ต่อไปไม่ว่าจะอยู่ในสังคมชั้นสูงหรือสังคมคนธรรมดาพวกเขาก็สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ แบบนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ถึงจะยืนยาว
กนกอร : พวกเรายังไม่ได้แต่งงานกันใหม่เลยนะ ห้ามบอกว่าเป็นสามีภรรยากัน!
นฤเบศวร์ : ไม่ช้าก็เร็ว! เพราะไม่ว่ายังไงชาตินี้คุณก็คงหนีผมไม่รอดแล้ว ยอมแต่งงานและมาเป็นเมียผมแต่โดยดีเถอะ
กนกอรซื้อซาลาเปาสองสามลูกกับน้ำเต้าหู้สองแก้วที่ร้านซาลาเปาใกล้ ๆ เธอยื่นน้ำเต้าหู้แก้วหนึ่งให้เขา ส่วนเธอก็ดื่มไปหนึ่งแก้วเหมือนกัน “วันนี้แม่ของฉันผัดหมี่แห้งเกินไปหน่อย”
“ผัดหมี่ที่คุณป้าทำอร่อยไหม”
นฤเบศวร์รับซาลาเปากับน้ำเต้าหู้มาแล้วก็เอ่ยถาม
“ผัดหมี่ที่แม่ทำอร่อยมาก ฉันก็หัดทำแล้ว ไว้คราวหน้ามีเวลาจะทำให้คุณกินนะ”
นฤเบศวร์ยิ้ม “โอเค ผมจะรอนะ”
ทั้งสองคนเดินโอบกันตรงไปที่รอของนฤเบศวร์
หลังจากขึ้นรถ นฤเบศวร์ก็ไม่ได้รีบร้อนขับรถออกไปแล้วนั่งกินซาลาเปาก่อน
เพียงไม่นานเขาก็กินซาลาเปาพวกนั้นจนหมด
“ต่อไปถ้าคุณยังไม่ได้ทานอาหารเช้าไม่ต้องมารับฉันนะ ถ้าเกิดหิวจนเป็นโรคกระเพาะขึ้นมา ต่อไปฉันก็ต้องมาช่วยดูแลคุณพักฟื้นอีก”
นฤเบศวร์ยิ้มบาง ๆ “อร ผมชอบที่คุณเป็นห่วงผมแบบนี้นะ”
“ใครเป็นห่วงคุณ ฉันก็แค่กลัวว่าคุณจะอดอาหารจนร่างกายรับไม่ไหว เดี๋ยวจะตายเร็วแล้วทรัพย์สมบัติยังไม่ได้โอนเป็นชื่อของฉัน แบบนั้นฉันก็อดพึ่งมรดกของคุณที่จะกลายเป็นเศรษฐีนีพอดีสิ”
“ไม่ต้องห่วง คุณมีชีวิตอยู่นานแค่ไหน ผมก็จะพยายามมีชีวิตอยู่ให้นานเท่านั้น ไม่มีทางไปก่อนคุณและจะไม่ไปทีหลังคุณแน่นอน พวกเราจะอยู่และตายไปด้วยกัน”
“แหวะ ใครอยากจะอยู่จะตายไปพร้อมกันคุณ ฉันอยากอายุยืนมากกว่าคุณ”
นฤเบศวร์หัวเราะชอบใจ
หลังจากกนกอรดื่มน้ำเต้าหู้หมดแล้ว นฤเบศวร์ก็รับแก้วจากมือของเธอแล้วพูดว่า “เดี๋ยวผมจะลงไปทิ้งขยะแล้วพวกเราค่อยไปกัน”
กนกอรให้เขาช่วยเป็นธุระให้อย่างพอใจ
เมื่อเห็นเขาลงรถไปทิ้งขยะ แววตาของกนกอรก็ดูอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย เขาเปลี่ยนไปมากจริง ๆ
ตอนที่เพิ่งพบเขาครั้งแรก เขาดูเป็นคนหยิ่งยโสมาก แม้แต่จะออกไปข้างนอกยังต้องมีพิธีรีตอง
ตอนนี้เขาเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง เขายอมทิ้งความเย่อหยิ่ง ความยโสโอหัง การวางท่าทั้งหมดเพื่อเธอ
ไม่กี่นาทีต่อมา นฤเบศวร์ก็กลับมาที่รถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
โดยทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าหลังจากที่รถของนฤเบศวร์ขับออกไป มีผู้ชายสองคนรูปร่างสูงใหญ่ แต่งตัวดูธรรมดา สวมแว่นกันแดด เดินออกมาจากตรอกซอกซอยหนึ่ง
พวกเขาจับตาดูกนกอรอยู่ตลอดเพื่อรอโอกาสตอนที่กนกอรอยู่ตัวคนเดียวแล้วจะลงมือกับกนกอร
สองคนนี้เป็นพวกนักเลงรับจ้างที่คุณนิดาจ้างมา
เพื่อจับตาดูกนกอรและหาโอกาสลักพาตัวกนกอรไป
แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาจะหาโอกาสในการลงมือได้ยากมาก
เธอมีรถหรูขับมารับมาส่งทุกวัน ถึงแม้ว่าพวกนักเลงพวกนี้จะไม่รู้จักนฤเบศวร์ แต่คนที่ขับรถหรูราคาหลายร้านดอลล่าร์ได้ย่อมไม่ใช่คนที่พวกเขาสามารถรับมือได้ไหว
“พวกเราจับตามองมาสองวันแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสลงมือสักที”
นักเลงคนหนึ่งพูดขึ้นว่า “ผู้ชายที่มารับ-ส่งผู้หญิงคนนั้นไปทำงานและหลังเลิกงานเป็นใคร แกพอจะรู้จักไหม”
“ฉันจะไปรู้จักได้ไง ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นเมียน้อยละมั้ง ถูกพวกคนรวยรับไปเลี้ยงดู มิน่าถึงได้มีคนมาจ้างเราให้มาจับตาดูเธอ และให้หาโอกาสลักพาตัวเธอ คงจะเป็นอดีตภรรยาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่”
“พวกเรารับเงินมาแล้วครึ่งหนึ่ง ต่อให้กินเวลาหลายวันก็ต้องหาโอกาสลงมือกับพวกเขาให้ได้ พวกเราสองคนไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น อีกอย่างถ้าพวกเราทำอย่างนั้นมันจะเป็นการลักพาตัว โทษหนักมากนะ”
คนที่ขอให้พวกเขามาคอยจับตามองจ่ายเงินให้พวกเขาเยอะมากกว่าห้าแสนหยวน พวกเขาสองคนแบ่งกันได้คนละสองแสนห้าหมื่น สำหรับพวกนักเลงหัวไม้อย่างพวกเขานับว่าเป็นเงินมหาศาลแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ไม่อยากก่ออาชญากรรมลักพาตัวแบบนี้
“พูดอีกถูกถูกอีก เดี๋ยวฉันชอบโทรศัพท์หาพี่นอร์ทก่อนนะ กิจกรรมของผู้หญิงคนนี้ก็ดูเรียบง่ายดี แต่ไม่ว่าจะเป็นที่ร้าน One Day In Coffee หรือว่าที่บ้านของเธอ พวกเราก็ลงมือไม่ได้สักที ลองถามพี่นอร์ทและคนอื่น ๆ ดูสิว่ามีวิธีช่วยล่อเธอออกไหม”
แค่กนกอรอยู่ตัวคนเดียวเมื่อไหร่ พวกเราก็จะมีโอกาสลงมือทันที
“ถ้าอย่างนั้นฉันโทรหาพี่นอร์ทจะได้ขอให้พี่นอร์ทช่วยโอนเงินให้พวกเราด้วย ตอมาจับตาดูทุกวันแบบนี้เหนื่อยมากเหมือนกันนะ”
“ตกลงกันไปแล้วไงว่าพี่นอร์ทจะโอนยอดที่เหลือให้หลังจากงานเสร็จ พี่นอร์ทคงจะไม่ยอมโอนเงินมาให้ฉันแล้ว”
“ถ้าได้จะถือว่าดีที่สุดไง ไม่ได้ก็ค่อยว่ากัน แต่ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ได้เงินก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
เมื่อรู้สึกว่าที่สหายพูดมีเหตุผล นักเลงคนนั้นจึงโทรศัพท์ไปหาพี่นอร์ท และพูดถึงเรื่องขอให้โอนเงินให้ แล้วก็โดนพี่นอร์ทด่ากราดอย่างที่คิดเอาไว้
แต่หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จไม่กี่นาทีพี่นอร์ทก็ยังโอนเงินให้พวกเขาทั้งสองคนอีกหลายพัน
ไม่กี่พันก็ไม่เป็นไร ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
นักเลงทั้งสองคนกวักเรียกรถมอเตอร์ไซค์ ขึ้นรถแล้วขอให้คนขับพาพาเขาไปส่งที่ร้าน One Day In Coffee
เพื่อติดตามงานของพวกเขาต่อไป
แต่หลังจากมาถึงร้าน One Day In Coffee พวกนักเลงสองคนนั้นก็ถึงกับตกตะลึงทันที เพราะที่หน้าร้าน One Day In Coffee มีชายร่างกำยำสองคนในชุดสูทรองเท้าหนังยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าร้าน
ซึ่งนั่นคือธามกับ คีท ที่นฤเบศวร์จัดมาให้ช่วยดูแลกนกอร