คุณสามีพันล้าน - บทที่ 463 ความล้มเหลวกในการสู่ขอครั้งแรก
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 463 ความล้มเหลวกในการสู่ขอครั้งแรก
“กริ๊ง….”
โทรศัพท์ของกนกอรดังขึ้นมา
เธอรีบผลักนฤเบศวร์ออกทันควัน พลันควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อดูเบอร์ที่ปรากฏ พร้อมทั้งพูดกับนฤเบศวร์ทันที “แม่ฉันโทรมา”
เมื่อได้ยินถึงว่าที่แม่ยาย นฤเบศวร์ไม่กล้ารีบร้อน พลางแสดงสัญญาณให้กนกอรรับโทรศัพท์ เขาคอยเงี่ยหูฟัง เพื่อคอยฟังว่าที่แม่ยายจะพูดอะไรกับอรบ้าง
“แม่”
“อร พ่อแม่นฤแวะมาหา เอาของขวัญมาตั้งเยอะแยะ แถมยังแสดงไมตรีจิต พูดว่าเป็นตัวแทนของนฤมาสู่ขอลูกแต่งงาน.
กนกอร “…”
เธอเหล่มองนฤเบศวร์
เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ทำไมตาหมอนี่กลับไม่ปริปากพูดสักคำ
หูของนฤเบศวร์ เขาได้ยินหมดทุกคำ เพราะเสียงว่าที่แม่ยายพูดดังลั่น
ความจริงแล้ว เขาก็แปลกใจมากเช่นเดียวกัน
เขาคิดไม่ถึงว่าพ่อแม่จะนำของขวัญต่างๆ ไปถึงเรือนชานตระกูลภูสิทธ์อุดม แถมยังช่วยสู่ขอกนกอร แทนเขาอีก
วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกหรือเปล่าเนี่ย?
ปรากฏว่าแม่ของเขายอมไปตระกูลภูสิทธ์อุดม แถมยังช่วยพูดสู่ขอแทนเขาอีก
“ผมเองก็ไม่รู้เรื่องด้วยนะ”
นฤเบศวร์ประกบชิดใบหูกนกอร พลันพูดอ้อมแอ้ม
ดวงตางดงามของกนกอรทอประกาย พลันพูดกับทางมารดาที่อยู่ปลายสายอย่างสุขุม “แม่ตกลงเหรอ?”
“เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ถ้าไม่ได้ถามลูก แม่จะตกลงได้ไงกัน แม่เรียกพ่อกับพี่ชายลูก ปู่ลูกก็อยู่นะ อร ลูกจะกลับมาบ้านหรือเปล่า?”
กนกอรหยิกแขนของนฤเบศวร์เล็กน้อย
นฤเบศวร์คว้ามือของเธอทันควัน และกระซิบข้างหูเธออีกครั้ง “อร ผมไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆ นะ”
น่าจะเป็นเพราะคืนนั้นหลังจากที่เขาพากนกอรไปด้วย คุณปู่คงพูดอะไร ถึงทำให้พ่อแม่ของเขาหอบข้าวของไปถึงเรือนตระกูลภูสิทธ์อุดม แถมยังออกตัวสู่ขอแทนเขาอีกด้วย
“แม่ ตอนนี้แม่ยอมรับนฤเบศวร์เป็นลูกเขยแล้วเหรอ?”
กนกอรถามมารดา
นฤเบศวร์แนบชิดใกล้กว่าเดิม เขาอยากรู้ว่าหลังจากผ่านไปสักระยะแล้ว ว่าที่แม่ยายจะคิดเห็นกับเขาว่ายังไงบ้าง
หลังจากทักษอรเงียบขรึมไปสักพัก จึงพูดออกมา “ยัยอร แม่พูดตามความจริง แม่รู้สึกว่านฤเป็นคนดีมากทีเดียว เขาเป็นคุณชายตระกูลใหญ่โต ยอมวางเกียรติและศักดิ์ศรีเพื่อลูก นั่นหมายความว่าเขาจริงใจกับลูกจริงๆ”
“ถึงแม้เขาเคยรักคุณเปรมามาก แต่ มันก็ผ่านมาแล้ว ใครก็ต้องมีอดีตทั้งนั้น ตราบใดที่ต่อจากนี้เขารักลูกเพียงคนเดียว แม่ก็ยอมยกลูกให้เขาได้อย่างสบายใจ”
“แต่ติดตรงที่ครอบครัวของพวกเราแตกต่างกันเหลือเกิน เรื่องแต่งงานเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ก็ยังเป็นเรื่องของสองครอบครัว ทั้งสองครอบครัวไม่สมานฉันท์ พวกลูกสองคนที่อยู่ระหว่างกลางจะทำตัวอย่างยากลำบากมาก”
“พื้นเพทางครอบครัวเราเป็นยังไง ลูกย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ถึงแม้ครอบครัวเราจะไม่ขัดสนเงินทอง แต่คนละชั้นกับตระกูลเดชอุป ถ้าภายภาคหน้าเป็นครอบครัวเดียวกัน … มันยากมากที่พวกเราจะเข้าไปอยู่ในแวดวงสังคมนั้นของพวกเขา”
“ไม่ว่าตอนนี้ลูกจะถูกลอตเตอรี่หลายล้าน มีเงินแล้ว เป็นเศรษฐีชั่วข้ามคืน ไม่มีเส้นสนกลในอยู่ดี ยังมีแม่สามีคนนั้นของลูกที่ก่อนหน้านี้ดูถูกพวกเรา ไม่ไว้หน้าลูกเลย แถมยังต้องการให้ลูกตัดขาดกับนฤอยู่หลายครั้ง มันไม่ง่ายเลยที่ลูกจะหลุดรอดออกมา ถ้าอยากจะกระโจนเข้าไปอีก ลูกก็ต้องเตรียมใจไว้ให้ดีเลยแหละ”
“เรื่องแม่ผัวลูกสะใภ้เป็นเรื่องที่แก้ปัญหาได้ยากที่สุดมาเป็นร้อยปีพันปี ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าลูกตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับนฤ แม่ก็อยากจะพูดบางอย่างจากก้นดวงใจ ความบาดหมางระหว่างลูกกับแม่ผัว ลูกลองปรองดองอยู่ ไม่ได้ให้ลูกต้องคอยเอาใจ คอยประจบประแจงแม่ผัว ต้องปฏิบัติต่อแม่ผัวจากใจจริง มนุษย์ไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้า จิตใจมนุษย์คือเลือดเนื้อ ลูกใช้ความจริงใจปฏิบัติต่อท่าน จนท่านรับรู้ได้ คงเปลี่ยนวิธีคิดต่อลูก”
“ถ้า ลูกลงแรงจากใจจริงแต่ไม่ได้สิ่งดีๆ ตอบสนอง ลูกก็ยังอยากที่จะอยู่กับนฤไปทั้งชีวิตแล้วล่ะก็ ต้องรักษาระยะห่างเอาไว้ อย่าได้อยู่ด้วยกัน เพื่อลดความกระทบกระทั่ง”
ทักษอรพูดพล่าม สุดท้ายจึงกล่าวว่า “อร ต้องผลักดันให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นนะ พยายามปีนป่ายยกระดับให้ตนเองสูงขึ้น ถึงทำให้แม่ผัวของลูกยอมรับลูกจากใจ คำพูดเดียวคือ ผู้หญิงต้องแข็งแกร่งได้ด้วยตัวเอง”
“แม่คะ หนูเข้าใจแล้ว แม่ ตอนนี้พวกเขามาสู่ขอ แม่กับพ่อบอกปัดไปแล้วใช่มั้ยคะ”
“พี่ชายลูกพูดว่าถ้ามีเรื่องผิดปกติต้องมีจุดแปลกเปลี่ยนขึ้นแน่ นี่มันกลวิธีเอาของมากำนัลให้ตายใจแล้วค่อยแทงข้างหลัง ครั้งนี้พวกเขามาสู่ขอ พวกเราจึงบอกปัดไปแทน”
กนกอรรู้ว่าคนในครอบครัวไม่ยอมตกลงแน่ เธอก็ไม่อยากตกลง ใครรู้ว่าคุณบัณฑิตาคิดอยากจะหาวิธีอะไรขึ้นมาอีก
“ในเมื่อถึงขั้นนี้แล้ว หนูก็ไม่กลับแล้วค่ะ สิ่งที่แม่พูดมาเมื่อกี้ หนูจำขึ้นใจ”
นฤเบศวร์อดใจไว้ไม่อยู่จนอยากจะแย่งโทรศัพท์กนกอรเพื่อตอบว่าที่แม่ยาย
ช่างน่าเสียดาย กนกอรพูดเพียงประโยคบอกเล่า พริบตาเดียว จึงจบบทสนทนา
“อร”
นฤเบศวร์ใช้โทนเสียงพูดนุ่มนวล “คุณยังไม่เต็มใจแต่งงานกับผมใช่มั้ย?”
กนกอรยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง พลันเหล่ตามองเขา และกล่าวออกมา “พ่อแม่คุณมาสู่ขอถึงชายคาบ้าน คุณไม่รู้เรื่องด้วย งั้นก็ต้องเป็นเพราะคุณปู่คุณแน่ มันเป็นการบีบบังคับ ไม่ใช่เจตนาจากใจจริง ฉันก็ไม่ใช่คนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่จนขายไม่ออกนี่”
ถ้าพวกท่านอยากจะมาสู่ขอถึงเรือนเอง เธอก็จะไม่ปฏิเสธ
“อีกอย่าง คุณยังมีเรื่องอีกเยอะแยะที่ยังไม่ได้ทำ”
“เรื่องอะไรล่ะ?”
กนกอรตีแขนของเขาอย่างแผ่วเบา พลันพูดอมยิ้ม “คุณคิดเอาเองสิ ตอนนี้หมดธุระแล้ว คุณรีบกลับไปทำงานเถอะค่ะ”
“กลับไปตอนนี้ ประชุมเสร็จกันแล้วแหละ”
นฤเบศวร์เหล่มองเวลา “ยังไงก็จะถึงเวลาพักเที่ยงอยู่แล้ว ผมเลยขอเลิกงานก่อนเวลา เดี๋ยวตอนบ่ายค่อยกลับไปที่บริษัทแล้วกัน”
เขาครุ่นคิด พลางพูดออกมา “ผมต้องไปหานายพัฒน์”
“ทำไมต้องไปหาคุณพัฒน์คะ?”
“ผนึกแรงไงครับ”
“ไม่รู้จริงๆ ว่าพวกคุณสองคนเป็นไม้เบื่อไม้เมากันหรือเป็นเพื่อนสนิทกันแน่”
กนกอรพูดหยอกล้อ “ฉันไม่เคยเห็นคู่ไม้เบื่อไม้เมาเหมือนพวกคุณแบบนี้มาก่อนเลย”
นฤเบศวร์ใช้ดวงตาเปล่งประกายจ้องมองเธอ พลางพูดสื่อความหมายเป็นนัย “เพื่อใครบางคน ผมคิดจะทำลายกำแพงจากศัตรูให้กลายเป็นมิตร”
เขายังคิดจะผูกสมัครเป็นดองกันระหว่างลูกสาวลูกชายของยศพัฒน์ด้วยซ้ำ
เทียบไม่ติด สู้ก็แพ้ เลยคิดจะให้ลูกสาวแต่งเข้าตระกูลอริยชัยกุล หลอมรวมตระกูลอริยชัยกุล หรือให้ทางลูกสาวฝั่งตระกูลอริยชัยกุลแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ของลูกชายก็ได้
แต่ ยศพัฒน์จะมีลูกชายได้หรือเปล่า? ตระกูลอริยชัยกุลของพวกเขามีพันธุกรรมผู้ชายเด่นกว่าผู้หญิง
ยศพัฒน์: ฉันมีลูกสาวไม่ได้ แต่เมียฉันคลอดได้นี่
นฤเบศวร์: ….
กนกอรหัวเราะ หลังจากกอดเขาแล้ว จึงผลักให้เขาเดินออกไปทางด้านนอก “รีบไปหาคุณพัฒน์เถอะ อีกสักพักคุณพัฒน์เลิกงาน วิกาก็อยู่ด้วย แล้วคุณค่อยไปหาเขา ก็เหมือนไปเป็นก้างขวางคออีก ระวังให้ดีคุณพัฒน์เขาจะฉีกคุณเป็นชิ้นๆ เอา”
“อร คุณไม่รักผมสักนิดเลยเหรอ”
นฤเบศวร์ที่ถูกผลักให้เดินออกไปด้านนอกเริ่มบ่นกระปอดกระแปด
“ผมว้าวุ่นใจเหมือนโดนแผดเผา รีบบึ่งมาหาอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น คุณนี่ก็ช่างดีจริง พอจบเรื่อง ก็รีบไล่ให้ผมออกไปทันที”
กนกอรกลั้นขำจนไม่ไหว “คุณพูดเองนะว่าต้องไปคุณพัฒน์ ทำธุระเสร็จก็รีบกลับมากินข้าว ฉันจะลงมือทำกับข้าว ทำกับข้าวธรรมดาที่คุณชอบกินสักหลายอย่างเองเลยค่ะ”
นฤเบศวร์ถึงได้อารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
“อร จุ๊บผมหน่อยสิ”
กนกอรยกเท้ากระทุ้งกลับ
นฤเบศวร์รีบหลบเลี่ยง
“ถ้าชักช้าอยู่อีก ฉันจะไม่ทำกับข้าวให้คุณกินแล้ว ให้คุณไปหากินที่โรงแรมเอาแล้วกัน ยิ่งหน้าด้านขึ้นทุกวัน บนถนนเส้นนี้มีคนเดินไปมาขวักไขว่ ถึงแม้ฉันอยากจะจูบคุณ ก็ไม่กล้าจูบ ฉันไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้านให้คนที่อยู่บนถนนมาชื่นชมลีลาในการจูบของฉันหรอกค่ะ”
ไม่ว่าเธอจะหน้าด้านหน้าทนขนาดไหน ก็ทำไม่ลง