คุณสามีพันล้าน - บทที่ 476 เยาะเย้ยนฤเบศวร์
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 476 เยาะเย้ยนฤเบศวร์
“ถ้างั้น ฉันขอให้ปู่กลับมาดูแลบริษัทดีไหม”
“จะทำอย่างงั้นได้ไง!”
เซทท์และณภัทรพูดพร้อมกันว่า “ปู่แก่มากแล้ว เราจะให้ปู่กลับมาบริหารบริษัทอีกได้อย่างไร เดี๋ยวก็โดนคนภายนอกด่าว่าพวกเราพี่น้องอกตัญญู ถ้าจะกลับมาก็ควรจะเป็นพวกลุงๆกลับมาสิ”
“ก็ได้ นายทั้งสองกลับบ้านไปคุยกับพ่อของพวกนายดูว่าใครเต็มใจจะกลับมาบริหารบริษัทชั่วคราว”
เซทท์และณภัทร: ……
เมื่อนึกถึงพ่อแม่ที่เร่งเร้าให้แต่งงาน ทั้งสองคนเข้าใจดีว่าหากพวกเขากล้ากลับบ้านและเกลี้ยกล่อมให้พ่อกลับมาบริหารบริษัท เงื่อนไขคือต้องจบชีวิตโสดแน่
อิสระสำคัญกว่า!
ทั้งสองสบตากัน และเซทท์กล่าวว่า: “พี่ใหญ่ ฉันและน้องสี่จะทำตามข้อตกลงของพี่ แต่ว่าพวกเราขอให้พี่ห้าและคนอื่นๆเข้าร่วมด้วย นอกจากน้องสิบแล้วพวกเขาห้ามมีใครรอดไปได้”
“แม้ว่าพวกเขาจะยังหนุ่มอยู่ แต่เพราะยังหนุ่มอยู่เลยยิ่งต้องหาประสบการณ์”
ยกเว้นน้องสิบ เริ่มจากพี่สาม แต่ละคนไปทำงานคนละวันก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว ดังนั้นในเวลาหนึ่งเดือนพวกเขาแต่ละคนจะทำงานเพียงไม่กี่วันเท่านั้น
ยศพัฒน์หัวเราะไม่ออก
ในเวลานี้ โทรศัพท์สายในดังขึ้น
“พี่ใหญ่ครับ ให้ผมรับสายให้นะครับ”
เซทท์เอาใจใส่และจริงใจมาก
ยศพัฒน์ให้เขารับโทรศัพท์
ในไม่ช้า เซทท์พูดกับพี่ชายคนโตของเขาว่า: “พี่ใหญ่ นฤเบศวร์มาที่นี่แล้วบอกว่าเขาต้องการเจอพี่ และเขาก็ขึ้นลิฟต์มาแล้ว”
ยศพัฒน์ขมวดคิ้ว นฤเบศวร์กลับมาจากการทำธุรกิจแล้วเหรอ และยังมาหาเขาทันทีด้วย
ความสัมพันธ์ของพวกเขาไปดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่
“พี่ใหญ่ นฤเบศวร์มาหาพี่ทำไม”
หลังจากที่เซทท์วางสายลง เขาก็ถามขึ้น
ยศพัฒน์ตอบเขาด้วยความโกรธ: “นายก็ไปถามเขาสิว่ามาหาฉันทำไม”
เซทท์หัวเราะเบาๆ “ฉันได้ยินมาว่าเขาไล่จีบเพื่อนสนิทของพี่สะใภ้ใหญ่อยู่ พี่ใหญ่ อนาคตตระกูลของเราและตระกูลเดชอุปไม่แน่อาจกลายเป็นเพื่อนกันได้”
“ตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนกันนิ ตั้งแต่รุ่นปู่ ทั้งสองตระกูลก็ไปมาหาสู่กัน”
เซทท์พูดไม่ออก
ตาต่อตาฟันต่อฟัน นั่นคือไปมาหาสู่กันเหรอ เป็นเพื่อนที่แปลกจริงๆ
นฤเบศวร์กระวนกระวายที่จะหาสาเหตุถึงร่ายกายของเขา ดังนั้นเขาจึงรีบตรงโดยไม่คำนึงว่ายศพัฒน์ต้องการเจอเขาหรือไม่ เขาตรงเข้าไป และเมื่อเลขาพาเขาเข้าไปในห้องสำนักงานของประธานบริษัท เขาก็เห็นเซทท์และณภัทรด้วย
นฤเบศวร์ผงะไปครู่หนึ่ง
เขายินดีที่จะบอกความคิดของเขากับยศพัฒน์ แต่เขาไม่ต้องการให้เซทท์และณภัทรเป็นผู้ฟังด้วย
นฤเบศวร์อยากจะหันหลังกลับและจากไป แต่ในเมื่อมาแล้ว เขาก็ไม่อยากที่จะจากไปโดยไม่พูดอะไรเลย
เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลุยอย่างเดียว “พวกนายสามคนกำลังคุยอะไรกันที่นี่”
เซทท์ตอบว่า: “เรากำลังหารือเกี่ยวกับแผนการเข้าซื้อRA กรุ๊ป”
นฤเบศวร์: “……”
“สิ่งที่ฉันอยากซื้อที่สุดคือโรงแรมแอคเซสซ์”
เซทท์พูด
เพราะเขารับผิดชอบด้านอุตสาหกรรมการโรงแรม เขาจึงสนใจโรงแรมแอคเซสซ์ที่อยู่ภายใต้RA กรุ๊ป
ถ้าเอาโรงแรมแอคเซสซ์มาอยู่ในกำมือแล้ว โรงแรมที่หรูหราที่สุดในเมืองแอคเซสซ์ก็จะเป็นของเราเซทท์นะสิ ฮ่าๆ แค่คิดก็ดีใจสุดๆ
ใบหน้าของนฤเบศวร์มืดลงทันที
เขาไม่ต้องการคุยกับพวกเซทท์ ดังนั้นเขาจึงพูดกับยศพัฒน์โดยตรงว่า: “พัฒน์ ฉันมีเรื่องสำคัญมากๆจะบอกกับนาย ช่วยให้น้องชายสองคนของนายหลบเลี่ยงหน่อย”
“สำคัญมากแค่ไหน ฟ้าถล่มหรือยัง”
เซทท์ถามซุบซิบว่า “ดูสีหน้าของนายสิ เป็นเรื่องส่วนตัวใช่ไหม”
นฤเบศวร์ทำหน้าบูดบึ้งไม่ต้องการตอบเซทท์
บ่นพึมพำในใจ ใบหน้าของเขาสลักคำว่า”เรื่องส่วนตัว”ไว้เหรอ
แค่มองแวบเดียวเซทท์ก็มองออกแล้ว
“ฉันได้ยินมาว่านายมาหาพี่ใหญ่ฉันหลายครั้งแล้ว ต่างมาขอประสบการณ์ไล่จีบภรรยา ฮ่าๆ นึกไม่ถึงเลยว่าคุณเบศวร์จะมาหาพี่ใหญ่ฉันเพื่อไล่จีบภรรยา”
ณภัทรเยาะเย้ย
ทุกครั้งที่นฤเบศวร์มา พวกเขาพี่น้องต่างรู้เรื่องนี้
มาเพราะเรื่องอะไรเดี๋ยวก็รู้ทีหลัง
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อมีโอกาสแล้วก็ต้องเยาะเย้ยนฤเบศวร์
ใครบอกให้เมื่อก่อนนฤเบศวร์มักจะเพ่งเล็งมาที่บี.เอ.เอ็ม.กรุ๊ป
การดูถูกเหยียดหยาม พวกเขาพี่น้องไม่สนใจไปทำหรอก แต่ถ้าหัวเราะเยาะเล็กน้อยก็ยินดีที่จะทำ
นฤเบศวร์หน้ามืดตอบกลับณภัทร: “เจ้าณภัทร หยุดเยาะเย้ยได้แล้ว สักวันหนึ่งนายก็ต้องมาหาพี่ใหญ่ของนายเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกัน”
เมื่อคุณชายของตระกูลอริยชัยกุลประสบปัญหา พวกเขาก็มักมาปรึกษากับพัฒน์เสมอ
ณภัทรหัวเราะฮ่าๆ: “ผู้หญิงที่ทำให้ฉันปวดหัวจนต้องมาปรึกษาพี่ใหญ่ของฉันยังไม่เกิดหรอกนะ”
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ต้องรีบไปเฝ้าดูแผนกสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยาของโรงพยาบาลไว้ล่ะ จะได้ดูว่ามีทารกหญิงสวยใสน่ารักที่เพิ่งเกิดไหน แล้วอุ้มกลับมาเลี้ยง จากนั้นพอเลี้ยงจนโตแล้ว นายจะได้โคแก่กินหญ้าอ่อน”
ณภัทร: “……”
“พอได้แล้ว พวกนายสองคนกลับไปก่อน คำแนะนำของพวกนายฉันอนุญาตแล้ว ฉันจะบอกพวกเขาให้รู้เอง”
ยศพัฒน์พูดขึ้น
เซทท์และณภัทรถอยทัพ ยืนขึ้นและพูดว่า: “พี่ใหญ่ พวกเรากลับไปทำงานก่อนล่ะ”
เมื่อเดินผ่านด้านข้างของนฤเบศวร์ เซทท์ตบไหล่ของนฤเบศวร์และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “เบศวร์ ฉันเห็นนายทำหน้าไม่พอใจ อย่าเปรอะเปื้อนพี่ใหญ่ของฉันล่ะกัน”
“ไสหัวไปซะ!”
นฤเบศวร์ด่าออกไป
ยศพัฒน์ก็หยิบแฟ้มขึ้นมาแล้วโยนไปที่ด้านหลังของน้องสาม ไร้สาระจริงๆ!
เซทท์ยิ้มและพุ่งออกจากห้องสำนักงานประธานบริษัท
ทั้งสองคนออกไปทีละคน และหลังจากปิดประตูห้องสำนักงาน ทั้งสองก็มองหน้ากันและเซทท์พูดกับณภัทรว่า: “น้องสี่เห็นแล้วใช่ไหม ผู้ชายที่ตกกับดักของความรัก ต่างก็เหมือนกับนฤเบศวร์แบบนั้น”
“พี่ใหญ่ของเราไม่เหมือนกับนฤเบศวร์”
เซทท์พูดว่า: “พี่ใหญ่ก็ใช้กลอุบายมากมายและเวลาสิบเอ็ดปีกว่าจะหลอกล่อพี่สะใภ้ใหญ่มาได้ มันไม่ง่ายเลย ฉันคิดว่าอยู่คนเดียวสบายกว่า อิสระ กินอิ่นคนเดียวทั้งบ้านไม่ต้องหิว และไม่มีชีวิตที่กดดัน”
ณภัทร: “…… นายจะแต่งงานกับภรรยาสิบคน เลี้ยงผู้หญิงเป็นร้อยคนชีวิตก็ไม่รู้สึกกดดันหรอก ช่วงนี้ธุรกิจของบริษัทนายกำลังเฟื่องฟู ทำเงินได้มากมายเลยใช่ไหม”
“ก็พอใช้ได้”
ธุรกิจส่วนตัวของเซทท์ทำกำไรได้จริง
“ฉันไม่ชอบมีเมียเยอะๆ มีเมียคนเดียวก็ปวดหัวพอแล้ว ยังกล้าคิดที่จะมีเมียเยอะๆได้ไง อีกอย่างตระกูลเรามีกฎห้ามนอกใจ”
เซทท์ยังคงชอบที่จะเป็นโสดมากกว่า
เขาไม่คิดจะแต่งงานในเร็วๆนี้
แม้ว่าเห็นพี่ชายโตกับพี่ชายรองมีความสุข เขาจะอิจฉาบ้าง แต่เรื่องการแต่งงานนั้นบังคับกันไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่มีคนที่สนใจ จึงไม่ไปคิดถึงเรื่องการแต่งงานและปล่อยไปตามธรรมชาติดีกว่า
ในห้องสำนักงานยศพัฒน์รอให้น้องชายทั้งสองออกไป และพูดกับนฤเบศวร์ว่า: “สนิทกันขนาดนั้นแล้ว นายหาที่นั่งๆลงเองเถอะ หิวน้ำแล้วก็ไปเทน้ำดื่มเอง ฉันงานยุ่งอยู่ นายอยากพูดอะไรก็รีบพูด อย่าเสียเวลาของฉัน ไม่งั้นฉันจะคิดค่าปรึกษากับนาย”
นฤเบศวร์นั่งลงบนเก้าอี้ที่เซทท์เคยนั่ง
เมื่อมองไปที่ยศพัฒน์ เขาก็ลังเลที่จะพูด