คุณสามีพันล้าน - บทที่ 477 ยศพัฒน์ นายพ่อค้าหน้าเลือด
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 477 ยศพัฒน์ นายพ่อค้าหน้าเลือด!
ยศพัฒน์ก้มดูเอกสารของเขาอีกครั้ง แต่รอสักพักก็ไม่ได้ยินเสียงนฤเบศวร์ เขาเงยหน้าขึ้นมองคู่แข่งของเขาและพูดอย่างขบขันว่า: “เบศวร์ นายมองฉันแบบนี้ทำไม นายคิดว่าฉันหล่อกว่านายและมีบุญวาสนาใช่ไหม”
เขาพูดอย่างหลงตัวเองอีกครั้งว่า: “ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองยอดเยี่ยมกว่านาย หล่อกว่านายและมีบุญวาสนามากกว่านายมาตลอด”
นฤเบศวร์: มันแทงใจชะมัด!
เพราะสิ่งที่ยศพัฒน์พูดคือความจริง
ยศพัฒน์เป็นคนที่มีบุญวาสนาและยอดเยี่ยมกว่าเขามาโดยตลอดไม่ใช่หรือ
นฤเบศวร์มองไปที่ยศพัฒน์ด้วยสายตาที่อิจฉา
นฤเบศวร์: “……”
“พูดมาสิ นายมาหาฉันทำไม นายกลับจากทำธุรกิจแล้วไม่ไปหากนกอร แต่ยังมีอารมณ์และเวลามาหาฉันก่อน ช่างเป็นเกียรติมาก”
นฤเบศวร์ระงับความอิจฉาของเขาไว้ อิจฉามาตั้งหลายปีจะอิจฉาก็อิจฉาพอแล้ว
“พัฒน์ ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย”
“โอเค นายว่ามาเลย”
พัฒน์พูดอย่างคนอารมณ์ดี
แต่นฤเบศวร์กลับลุกขึ้นและเทน้ำอุ่นหนึ่งแก้วให้ตัวเอง เขาดื่มมันทั้งหมดในอึกเดียวราวกับว่าถ้าเขาดื่มน้ำอุ่นหมดแก้วหนึ่ง เขาก็จะมีความกล้าที่จะพูดออกมา
ยศพัฒน์มองเขาอย่างอดทนรอให้เขาพูด
นฤเบศวร์หันหลังกลับและเดินไปที่ประตูสำนักงานอีกครั้ง เปิดประตูและมองซ้ายมองขวา
ไรยาคิดว่าเขามีเรื่องอะไร จึงรีบเดินไปหาและถามอย่างสุภาพว่า: “คุณเบศวร์ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ”
“ไรยา ฉันต้องการปรึกษาเรื่องสำคัญกับเจ้านายของเธอ อย่าให้ใครเข้าใกล้ห้องสำนักงานโดนเด็ดขาด”
ไรยายิ้มและพูดว่า: “คุณเบศวร์ไม่ต้องเป็นห่วง การสนทนาของคุณกับเจ้านายของเราจะไม่มีใครได้ยินแน่ค่ะ”
นฤเบศวร์ส่งสัญญาณให้ไรยากลับตำแหน่งงานของเธอ หลังจากที่ไรยาเดินออกไป เขาก็ปิดประตูห้องสำนักงาน นั่งลงตรงข้ามยศพัฒน์แล้วถามว่า: “พัฒน์ ในออฟฟิศนายไม่มีเครื่องดักฟังใช่ไหม”
“ไม่มี ปลอดภัยมาก นายจะพูดอะไรก็รีบพูดมาเร็วๆ มันกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของฉันมาก”
ลึกลับขนาดนี้
ใบหน้าของนฤเบศวร์แดงขึ้นทันที
ยศพัฒน์: “……”
เขาไม่ได้แกล้งนฤเบศวร์เลย ทำไมอยู่ๆถึงหน้าแดงได้
เดี๋ยวคนก็เข้าใจผิดว่าเขากับนฤเบศวร์กำลังพูดรักๆใคร่ๆกันหรอก
“พัฒน์ ฉัน ฉันคิดว่า…… ฉันน่าจะมี……” ปัญหา
“มีอะไร”
นฤเบศวร์หน้าแดงและพูดอย่างจริงจังว่า: “ฉันอาจจะนกไม่ขัน”
ยศพัฒน์ตกตะลึง
นฤเบศวร์นกไม่ขันเนี่ยนะ
หลังจากนั้นไม่นาน ยศพัฒน์ก็ยืนขึ้นช้าๆ วางมือยันไว้บนโต๊ะ เอนกายแล้วมองลงไปด้านล้าง
นฤเบศวร์แนบขาของเขาเข้าด้วยกันโดยสัญชาตญาณ
เขายื่นมือออกผลักยศพัฒน์แล้วด่าไปว่า: “ยศพัฒน์ นายมองอะไร”
ยศพัฒน์นั่งลงบนเก้าอี้แล้วมองไปที่นฤเบศวร์ ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือเห็นอกเห็นใจดี
ถ้าหัวเราะ ก็คือกำลังเยาะเย้ย
ช่างเถอะ เห็นอกเห็นใจดีกว่า
ในฐานะลูกผู้ชาย สถานการณ์ของนฤเบศวร์ตอนนี้สมควรได้รับความเห็นใจจากเขา
“ฉันช่วยถามให้ว่าหมอคนไหนเก่ง และลองแนะนำให้นาย อายุนายยังน้อย ถ้ารักษาเร็วน่าจะหายได้”
ยศพัฒน์ปลอบโยนเขา
คิดไปสักครู่ เขาปากมากถามอีกครั้งว่า: “นายรู้ได้ยังไงว่านายหย่อนสมรรถภาพทางเพศ”
นฤเบศวร์: “……”
เขาไม่ชอบฟังคู่แข่งของเขาพูดว่าเขาหย่อนสมรรถภาพทางเพศมากจริงๆ
เมื่อก่อนเขาเคยประณามยศพัฒน์ต่อหน้าเปรมาว่าเขาหย่อนสมรรถภาพทางเพศ โดยบอกว่าที่ยศพัฒน์ไม่เคยมีผู้หญิง ก็เพราะเขาต้องมีปัญหาทางร่างกายและหย่อนสมรรถภาพทางเพศแน่เลย
แต่ไม่คาดคิดเลย ว่าเป็นเขาเองที่หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
นี่คือผลของกรรม
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง นฤเบศวร์ก็เล่าเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา
ยศพัฒน์: “……”
คำพูดของนฤเบศวร์ทำให้เขานึกถึงคืนแรกกับวิกา
เขามองไปที่นฤเบศวร์สักพักแล้วพูดว่า: “นายหลงรักเปรมามานานกว่าสิบปีแล้ว แต่ในเรื่องแบบนี้กลับบริสุทธิ์เหมือนกระดาษขาว”
ยศพัฒน์ลุกขึ้นอีกครั้ง โน้มตัวเข้าไปข้างหูของนฤเบศวร์แล้วกระซิบอะไรบางอย่าง
ก็เห็นว่าดวงตาของนฤเบศวร์สว่างขึ้น ความหดหู่ใจที่เหมือนฟ้าจะพังทลายลงก็หายไป
หลังจากที่ยศพัฒน์พูดจบ เขาก็ตบไหล่นฤเบศวร์และพูดว่า: “อย่าลืมจ่ายค่าปรึกษาให้ฉันด้วย อย่างไรก็ตาม นายมักจะเคารพผู้หญิงเสมอไม่ใช่เหรอ นายกับกนกอรยังไม่ได้แต่งงานใหม่กันเลย นี่คิดจะได้ก่อนเลยเหรอ”
“เรื่องของฉัน นายไม่ต้องมายุ่ง”
“พูดเหมือนฉันอยากเข้าไปยุ่งเรื่องของนาย ตั้งแต่นายเข้ามาจนถึงตอนนี้นายอยู่ที่นี่ประมาณยี่สิบหกนาทีแล้ว เห็นแก่พวกเรารู้จักกันตั้งแต่เด็ก ฉันเก็บเงินนายหนึ่งแสนหยวนต่อหนึ่งนาที ยี่สิบหกนาทีนายจ่ายให้ฉันสองล้านหกก็พอแล้ว”
ในขณะที่พูดคุย ยศพัฒน์หยิบปากกาขึ้นมาและเขียนหมายเลขบัญชีธนาคารบนกระดาษ จากนั้นส่งกระดาษให้นฤเบศวร์
“เดี๋ยวโอนเงินเข้าบัตรนี้ก็พอ”
นฤเบศวร์: “…… ค่าที่ปรึกษาของนายแพงเกินไปแล้ว”
“ถ้าเป็นนายเมื่อก่อนมาขอคำปรึกษากับฉัน จะคิดแพงกว่านี้อีก อาจจะเรียกเก็บเงินอย่างน้อยห้าแสนหยวนต่อหนึ่งนาที ตอนนี้ฉันให้นายถูกกว่าสี่แสนหยวนช่างขาดทุนจริงๆ นี่เป็นเพราะเห็นแก่กนกอรและวิกาของฉันเป็นเพื่อนสนิทกัน”
“อ้อ ยังไงก็ตาม นายอยากให้ฉันเก็บเป็นความลับไหม”
เปลือกตาของนฤเบศวร์กระตุก เขามีความรู้สึกว่าจะถูกยศพัฒน์หลอกเงิน ทว่าเขามีแต่ต้องพยักหน้าและพูดว่า: “แน่นอนว่าต้องการให้นายเก็บเป็นความลับ เรื่องนี้มีเพียงนายรู้และฉันรู้เท่านั้น ถ้ามีบุคคลที่สามรู้ต้องเป็นนายที่พูดออกไป”
“ถ้าอยากให้ฉันเก็บความลับไว้ให้ก็ต้องมีเงินค่าปิดปาก เงินค่าปิดปากนี้จะปิดตายตลอดชีวิต ดังนั้นฉันจะไม่เก็บกับนายเป็นนาที คำนวณเป็นรายปีล่ะกัน ปีนึงให้ฉันแค่สองล้านก็พอ นายคิดว่านายจะมีชีวิตถึงเมื่อไหร่ก็จ่ายฉันเท่านั้น”
นฤเบศวร์: “…… ยศพัฒน์ ทำไมนายไม่ไปปล้นธนาคารเลยล่ะ!”
ถ้าให้เงินน้อยก็แสดงว่าเขาอายุสั้น
ถ้าให้มากเกินไป กระเป๋าเงินของเขาก็เจ็บ
ยศพัฒน์ชั่วร้ายจริงๆ
“ฉันไปปล้นธนาคารทำไม เงินในธนาคารทั้งหมดเป็นเงินฝากของฉัน และถ้าฉันไปปล้นธนาคารก็เท่ากับปล้นกระเป๋าเงินของตัวเองไม่ใช่หรือ”
ใบหน้าของนฤเบศวร์มืดลง
“ยศพัฒน์ ฉันอุตส่าห์เชื่อใจนายขนาดนี้ ฉันไม่ได้บอกใครแต่มาบอกกับนาย แล้วนายยังเก็บเงินกับฉัน เรารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กเลยนะ”
ยศพัฒน์ยิ้ม “พวกเราเป็นศัตรูกันไม่ใช่เหรอ นายเพ่งเล็งฉันมาตั้งแต่เด็ก บอกฉันทีว่าเรามีความสัมพันธ์แบบไหนกันที่สมควรให้ฉันคิดให้นายฟรีๆ นายไม่คิดดูว่าฉันเป็นใคร ทุกๆนาทีสามารถทำเงินได้เท่าไหร่ นายไม่รู้เหรอ”
“อีกอย่าง ฉันไม่ได้ขอให้นายมาที่นี่ นายเป็นคนเข้ามาหาเอง”
“เลิกพูดว่าเป็นเพื่อนกับฉันได้แล้ว”
นฤเบศวร์: “……”
ยศพัฒน์ยื่นกระดาษที่เขียนเลขบัญชีให้นฤเบศวร์และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “อย่าลืมโอนเงินด้วย ได้รับเงินจากนายนฤเบศวร์ ฉันก็รู้สึกอารมณ์ดีมากเลย ฮ่าๆๆ!“
นฤเบศวร์โกรธมาก
“นายยังไม่ไปอีก ถ้านายไม่ไป ฉันจะคิดเงินเพิ่มอีก ยังไงก็ตามถ้านายเสียเวลาฉัน ฉันก็จะเรียกเก็บเงินจากนาย”
ยศพัฒน์ออกคำสั่งไล่แขก
เขางานยุ่งจะตายแล้ว
นฤเบศวร์กำกระดาษแผ่นนั้นไว้และพูดด้วยใบหน้าที่มืดมนว่า: “พ่อค้าหน้าเลือด!”
“ไม่ต่างกัน กลับดีๆนะ ฉันไม่ไปส่งล่ะ และอย่าลืมโอนเงินมาด้วย”
นฤเบศวร์: “……”