คุณสามีพันล้าน - บทที่ 486 ความขัดแย่งของคู่สามีภรรยา
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 486 ความขัดแย่งของคู่สามีภรรยา
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า: “ญาณิน ผมพูดจริงๆนะ ทั้งชีวิตของผม ผมมีคุณเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวจริงๆ ไม่ว่าในอดีต ตอนนี้ หรือในอนาคต ผมก็จะมีแค่คุณเพียงคนเดียว”
“ญาณิน ผมรู้ว่าในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ผมละเลยคุณ และทำให้คุณต้องทนทุกข์ทรมานมาก ทั้งหมดมันเป็นความผิดของผมเอง ผมมันคนไร้ประโยชน์และไร้ความสามารในการปกป้องภรรยากับลูก”
ไซม่อนพูดอธิบายอย่างเจ็บปวด: “แต่มีเพียงวิธีนี้เดียวที่ผมจะทำได้ และช่วยให้พวกคุณได้รับอันตรายน้อยที่สุด ปล่อยให้พวกเขาหัวเราะเยาะคุณมันคงดีกว่าการที่พวกเขาจะหมายเอาชีวิตของคุณ พระเจ้าเองก็รู้ดี ว่าหัวใจของผมเจ็บปวดแค่ไหนเมื่อเห็นคุณเป็นแบบนั้น ราวกับหัวใจของผมกำลังถูกแทง”
“ญาณิน ผมไม่ได้อยากจะแก้ตัวให้ตัวเอง ผมไม่ได้ดูแลปกป้องลูกกับภรรยา ผมมันไร้ความสามารถ ผมไม่ได้ขอให้คุณยกโทษให้ผม แต่ผมจะไม่หย่า ผมแค่คิดว่าผมว่างเมื่อไหร่ผมจะมาหาคุณ เผื่อเจอคุณ”
“ในอีกสองวันเทวิกาของพวกเราจะตามผมกลับไปที่เมืองซูเพร่า คุณจะตามพวกเรากลับไปด้วยไหม? พวกเราทั้งสี่คนจะได้กลับมาอยู่กับพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้งหนึ่ง”
ในขณะที่สัมผัสใบหน้าของญาณินเบา ๆ ไซม่อนแสดงความสิ้นหวังด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแหบพร่า
“ถ้าผมรู้ว่าการเป็นหัวหน้าตระกูลจะทำให้พวกคุณได้รับอันตรายและความเจ็บปวดมากมายแบบนี้ ผมก็คงจะไม่เป็น เพียงแต่ว่า ภูมิหลังของผมนั้นไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าผมไม่รับตำแหน่ง พวกเขาก็คงจะไม่ยอมปล่อยผม เพราะไม่ว่าใครจะดำรงตำแหน่ง ยังไงก็ทำให้เกิดปัญหา และถ้าครอบครัวของเรายังไม่ตาย พวกเขาก็จะไม่มีวันปล่อยเอาไว้แน่”
เขาทำได้เพียงกัดฟันและยอมรับตำแหน่ง ยังไงก็ตาม ครอบครัวของพวกเขาทั้งสี่คนยังคงมีชีวิตอยู่ แต่เขาก็ทำให้ภรรยาและลูกของเขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ไซม่อนก็พูดว่า: “ญาณิน ผมเห็นแก่ตัวหรือเปล่า? ไร้ความสามารถมากไหม?”
“ตระกูลเลิศธนโยธาแอบทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างลับๆ และผมตัดสินใจแกล้งทำเป็นสมรู้ร่วมคิด เพื่อรวบรวมหลักฐานการก่ออาชญากรรมของเขา ถ้าวันหนึ่งผมตาย ให้คุณไปที่ห้องของพวกเรา แล้วเปิดตู้เซฟ ในนั้นมีเอกสารการหย่าที่ผมได้เซ็นชื่อเอาไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว”
“พวกเราจะได้หย่ากัน และผมจะคืนอิสรภาพให้กับคุณ คุณไม่ต้องกังวล ก่อนที่ผมจะตาย ผมจะช่วยประยสย์จัดการกับอุปสรรคทั้งหมดอย่างแน่นอน เพื่อที่เขาจะได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าตระกูลได้อย่างราบรื่น การปฏิรูปของตระกูลสาระทาก็อยู่ระหว่างการเตรียมการ พูดสั้นๆ ถ้ามันไม่ดี ผมจะเป็นคนเอามันออกไปเอง”
“หลังจากผมตาย คุณจะอยู่กับลูกชายก็ได้หากคุณต้องการ หรือจะอยู่กับลูกสาวก็ไม่เลว เพราะผมเชื่อว่าลูกทั้งสองจะกตัญญูต่อคุณมากๆ”
“ทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้ชื่อผม ผมจะโอนให้ในชื่อคุณและชื่อลูกทั้งสองทีละเล็กทีละน้อย จากนี้ไป ตระกูลสาระทาพวกเขาจะไม่สามารถหาผลประโยชน์จากพวกเราได้อีกต่อไป และจะกลับมาทำร้ายพวกเราอีกครั้ง”
“ถ้า.….คุณเจอผู้ชายที่ปฏิบัติกับคุณดี คุณจะแต่งงานใหม่ก็ได้ แม้ว่าลูกๆจะกตัญญู แต่หน้าที่ของลูกมีจำกัด พวกเขายังเด็กและยุ่งอยู่กับอาชีพการงาน นอกจากนี้พวกเขายังมีครอบครัวเล็กๆ อยู่กันเป็นคู่ๆ ถ้าคุณแต่งงานใหม่ก็จะได้มีอีกครึ่งที่ขาดหายไป”
เขายอมตายดีกว่าปล่อยเธอไป และให้อิสระกับเธอ แต่ลึกๆเขาก็หวังว่าเธอจะแต่งงานใหม่ ทุก ๆอย่างที่เขาเตรียมการไว้ล่วงหน้าก็เหมือนกับโทษประหารสำหรับเขา
นอกจากนี้เขายังเข้าใจดีว่า เขากับญาณินคงไม่มีวันที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้
สิ่งที่เขาทำได้คือการสะสางภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับภรรยาและลูกๆของเขา แม้ว่าเขาจะต้องเสียชีวิตเขาก็เต็มใจที่จะทำ ตราบใดที่ภรรยาและลูกๆของเขาสามารถมีชีวิตที่สงบสุขโดยไม่มีอันตรายใดๆ เพียงแค่นี้เขาก็ตายตาหลับแล้ว
ตอนนี้เขาอายุได้ 50 ปี ในช่วงครึ่งแรกของชีวิตเขาใช้ชีวิตอย่างหักโหม อดทนอดกลั้นภายใต้แรงกดดัน และต้องคิดอะไรเยอะแยะมากมาย เขาต่อสู้กับทั้งครอบครัวและศัตรูชาวต่างชาติด้วยกำลังของตัวเอง เขาเครียดตลอดเวลา แค่อยๆปีนขึ้นไปทีละขั้นอย่างยากลำบาก
ตอนนี้ลูกชายกับลูกสาวก็โตและมีความสามารถที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ส่วนลูกชายมีผู้ช่วยและก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ถึงเวลาที่เขาจะวางใจได้แล้ว
แน่นอนว่า ในท้ายที่สุด ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ก็คงจะเป็นการดีที่สุด
ถ้าหากเขายังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่พายุสงบลง เขาจะก้าวลงจากตำแหน่งของหัวหน้าตระกูลทันที และมาอยู่กับญาณิน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ยกโทษให้เขา เขาก็จะติดตามเธอไป ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เขาจะตามเธอไปด้วย หวังเพียงว่าทุกๆ วันจะได้เห็นหน้าเธอ
เขาเอนศีรษะพิงร่างของญาณิน แต่น้ำตาก็ไหลจนเปียกโชกเสื้อผ้าญาณิน
ไซม่อนเมาแล้ว เขาพิงภรรยาของเขาแบบนี้ และค่อยๆหลับตาลง เขากำลังคิด เขาหลับตาลงเพื่อให้ได้รู้สึกถึงความรู้สึกของการอยู่กับญาณิน ในที่สุดก็นอนหลับไปโดยไม่รู้ตัว
หลังจากช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดผ่านไปจนถึงเวลาก่อนรุ่งสาง ท้องฟ้าทางทิศตะวันออกก็เปลี่ยนเป็นสีขาวอย่างเงียบ ๆ และสีดำก็ถูกแทนที่ด้วยสีขาวอย่างช้า ๆ
ทั้งกลางวันและกลางคืนจะสลับกันไปอย่างเงียบ ๆ
ญาณินตื่นขึ้นมาอย่างสบายๆ สติของเธอกลับมาแล้ว ก่อนที่เธอจะทันได้ลืมตาขึ้น เธอรู้สึกปวดหัว
นี่เป็นผลมาจากการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
เธอต้องการที่จะนอนต่อ แต่เธอรู้สึกว่ามีอะไรกดทับที่ท้องของเธอซึ่งหนักมาก
เธอใช้มือสัมผัสท้องของเธอตามสัญชาตญาณ และเมื่อเธอแตะไปโดนที่ศีรษะ เธอลืมตาขึ้นทันทีด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตระหนก เธอรีบวางศีรษะที่วางอยู่บนท้องของเธอไปไว้ที่พื้นที่ด้านข้าง
ไซม่อนที่ถูกเธอผลักด้วยความตระหนกจึงล้มลงไปนอนกับพื้น หลังศีรษะกระแทกพื้นดังโครม
ญาณินดึงผ้านวมคลุมตัวเองด้วยความตื่นตระหนก และมองไปยังชายที่พื้น เมื่อเห็นว่านั่นคือไซม่อน
ทันใดนั้นเธอก็โกรธ
เธอโยนผ้าห่มออกอย่างแรง และรีบกระโดดลงจากเตียง ก่อนจะหยิบหมอนแล้วเดินไปหาเขา เธอเหวี่ยงหมอนตบไซม่อน พลางด่าเขา: “ไซม่อน ไอ้สารเลว แกอยากจะทำให้ฉันตกใจตายใช่ไหม?”
แกแอบเข้ามาในห้องฉันตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วแกทำอะไรกับฉัน? ไอ้สารเลว!”
เมื่อไซม่อนตื่นขึ้นมา เขาก็จับที่หลังศีรษะตามสัญชาตญาณ ทันทีที่มือของเขาแตะที่หลังศีรษะ ภรรยาของเขาก็ยกหมอนขึ้นและตีเขาอย่างไม่ยั้งคิด
โดนหมอนตีก็ไม่ได้เจ็บอะไร ไซม่อนจึงปล่อยให้เธอตีต่อไป เธอโกรธเขายังดีเสียกว่าเย็นชาและไม่สนใจเขา
ญาณินตีเขาอยู่พักหนึ่ง และเมื่อเห็นว่าไซม่อนดูเฉยเมย ไม่ได้ตอบโต้หรือพูดอะไร เขาเพียงแค่นอนอยู่บนพื้นแบบนั้น และมองดูเธอตาปริบๆ
เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างผิดพลาดในตอนที่เขาล้มลงหัวกระแทกพื้น?
ญาณินหยุดตีด้วยความสงสัย
ถ้าเขาประสบปัญหาตอนที่ล้มลงไปจริงๆ เธอก็ต้องรับผิดชอบ และเธอก็คงไม่รู้จะอธิบายให้ลูกๆฟังอย่างไร
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ สีหน้าของญาณินก็เปลี่ยนไป แต่เธอก็ยังคงใช้เท้าเตะเขาเบาๆ และเรียก: ไซม่อน ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้ อย่ามานอนบนพื้นและแสร้งทำเป็นบาดเจ็บ เตียงนี้สูงจากพื้นไม่ถึงหนึ่งเมตร ตกลงมาแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก”
“ฉันจะบอกให้นะ ถึงนายจะบาดเจ็บจริงๆ ฉันก็ไม่ใจอ่อนหรอก ลุกขึ้น ลุกขึ้นเร็วๆ”
ไซม่อนยังคงมองเธออย่างตกตะลึง
นับตั้งแต่ที่เธอเสียสติ ทุกอย่างที่เขาเห็นเกี่ยวกับเธอก็ดูบ้าไปหมด และราวกับเธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาคือสามีของเธอ
หลังจากที่เธอฟื้นคืนสติ เธอก็เย็นชากับเขา ราวกับเขาคนแปลกหน้า
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่เห็นญาณินกระตือรือร้นเช่นนี้?
ผมคิดถึงมันมาก