คุณสามีพันล้าน - บทที่ 492 ทรมานคนโสดให้ตาย
รักนะจุ๊บๆ คุณสามีพันล้าน บทที่ 492 ทรมานคนโสดให้ตาย
เทวิกามองไปรอบๆ พบว่าละแวกนั้นไม่มีคน เธอจึงโอบคอพัฒน์ เขย่งเท้าขึ้นมาจูบเขาก่อน
ยศพัฒน์กอดเอวเธออย่างเป็นธรรมชาติ โต้กลับเธออย่างร้อนแรง เพิ่มความลึกซึ้งให้จูบนี้
ประยสย์ออกมาจากหัวมุม
เห็นน้องสาวกับน้องเขยจูบกันอย่างตามอำเภอใจ เขาก็รีบถอยตัวกลับไป
จะได้ไม่ถูกน้องสาวเห็นเข้า เธอจะกระอักกระอ่วน
สามีภรรยาหนุ่มสาวรักกันดีมาก เวลาอยู่ด้วยกันก็ทำให้ผู้คนโดยรอบอิจฉา ทรมานคนโสดให้ตาย
ประยสย์พูดกับตัวเองว่า “บางครั้งก็อิจฉาพวกเขาสองคนโคตรๆ”
ความรักของเขา เมื่อไรจะมา?
นึกถึงภาระที่อยู่บนบ่าตัวเอง รวมถึงสิ่งแวดล้อม ประยสย์ก็ถอนหายใจ
เขาโสดต่อไปดีกว่า อย่าสร้างหายนะให้ผู้หญิงดีๆ ในครอบครัวคนอื่นเลย
นอกเสียจากว่าเหมือนหญิงสวมหน้ากาก มันเหมาะกับเธอมาก
ยังไม่เจอหลักฐานที่มั่นใจเต็มร้อยมายืนยันว่าหญิงสวมหน้ากากคือกัญณิศา ประยสย์จึงไม่กล้าเคลื่อนไหวต่อ
กลัวว่าถ้าหากไม่ใช่ จะทำให้กัญณิศาเข้าใจผิด เขาจะหาเรื่องเดือดร้อนให้ตัวเอง
ตอนพ่อเขาวัยรุ่น ก็มีคนมาจีบวนเวียนรอบกาย เลยสร้างภัยอันตรายให้แก่พวกเขา
ประยสย์ได้รับบทเรียนแล้ว จะไม่เดินเส้นทางเก่าของคุณพ่อเด็ดขาด
เพราะฉะนั้น รอบกายเขาภายในระยะสามเมตร ไม่อนุญาตให้ผู้หญิงคนไหนนอกเหนือจากญาติเข้าใกล้เขา
โชคดี หลายปีที่ผ่านมานี้ ก็ไม่มีคุณหนูตระกูลไหนมายุ่งวุ่นวายกับเขา
เขาใช้วิธีต่อต้านคนมาจีบ
หลังจากจูบเสร็จสิ้นแล้ว สามีภรรยาหนุ่มสาวก็เดินไปข้างหน้าต่อ
“ไม่รู้แม่ฉันตื่นหรือยัง”
เทวิกายังคงพะวงเกี่ยวกับคุณแม่ “เธอตื่นมาเห็นพ่อฉัน เกรงว่าจะโวยวายขึ้นมาอีก”
“พัฒน์ คุณว่าที่พ่อฉันทำแบบนั้น เพราะเขาเคยโดนยิงหรือเปล่า? แม่ฉันพูดไม่ชัดเจน แต่จากคำพูดของเธอ ยืนยันได้เรื่องหนึ่งคือตอนนั้นพ่อฉันโดนยิง โดนยิงแทนแม่ฉัน”
ยศพัฒน์พูดขึ้น “บางทีอาจจะเป็นอย่างนั้น พ่อคุณทำแบบนั้น ต้องพิจารณามานานมากแล้วค่อยตัดสินใจ ตอนพวกเขาวัยรุ่น ความสัมพันธ์ดีมาก เขาทำการตัดสินใจแบบนั้นลงไป ภายนอกทำสิ่งที่ทำให้แม่กับพี่ชายคุณได้รับความคับข้องใจ ภายในใจเขาเจ็บกว่าใครทั้งนั้น”
เทวิกาหยุด
“พัฒน์ เรากลับกันเถอะ ฉันไม่วางใจ ถ้าแม่ฉันตื่นขึ้นมาแล้วทะเลาะกับพ่อฉันอีก เราไม่อยู่ด้วย ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะทะเลาะกันขนาดไหน”
ยศพัฒน์ตอบอืม
เดิมทีเขาออกมาสูดอากาศ ผ่อนคลายอารมณ์เป็นเพื่อนเธอ
ระหว่างพ่อตาแม่ยายอึดอัดมากเกินไป แม้แต่เขาก็รับไม่ไหว
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเทวิกา
นั่นคือพ่อแม่แท้ๆ ของเธอ เมื่อเธอเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็จะเป็นการทำร้ายอีกฝ่าย
“กริ๊งงง……”
โทรศัพท์เทวิกาดังขึ้น
เธอรีบควักโทรศัพท์ออกมาดู พิชญ์สินีโทรมา
คนในบ้านตระกูลวาชัยยุงเมื่อคืนก็เหมือนกับเทวิกา ค้างคืนที่โรงแรมเมเปิลกันหมด
ตอนนี้ใกล้เที่ยง พิชญ์สินีอยากเรียกลูกสาวและลูกเขยไปทานอาหารด้วยกัน จึงรู้ว่าลูกสาวและลูกเขยออกจากโรงแรมไปตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว
“แม่”
“วิกา ลูกกับพัฒน์กลับบ้านไปตั้งแต่เช้าเลยเหรอ?”
“อืม มีธุระนิดหน่อยค่ะ เลยกลับก่อน แม่ พ่อกับพี่ฉันตื่นกันหมดแล้วใช่ไหม ปวดหัวกันหรือเปล่า?”
พิชญ์สินีตอบ “ตื่นกันหมดแล้ว นอนเพียงพอแล้ว ก็ไม่ได้ยินพวกเขาสองพ่อลูกบอกว่าปวดหัวนะ”
“ตอนนี้พี่ชายลูกไปที่ตระกูลนนท์สัจทัศน์แล้ว แม่กับพ่ออยากให้ลูกกับพัฒน์มากินข้าวเที่ยงด้วยกัน เลยรู้ว่าพวกลูกกลับบ้านกันไปก่อน ที่บ้านเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
พิชญ์สินีถามด้วยความเป็นห่วง “พ่อแท้ๆ ของลูกกับณินไม่ได้ทะเลาะกันใช่ไหม?”
ญาณินอยู่ที่บ้านตระกูลวาชัยยุงในช่วงเวลาหนึ่ง เป็นพี่น้องกับพิชญ์สินีเข้ากันได้ดี มิตรภาพของพวกเธอสองคนก้าวกระโดด
ต่อหน้าเธอคนที่ญาณินพูดถึงมากที่สุดก็คือเทวิกาลูกสาว หลังจากนั้นก็คือไซม่อน
รักมากเท่าไร ก็เกลียดมากเท่านั้น
ที่จริงแล้วญาณินไม่ได้รู้สึกเฉยๆ กับไซม่อนอย่างสิ้นเชิง ยิ่งเธอเกลียดไซม่อนมากเท่าไร ก็แสดงว่าเธอรักเขามากเท่านั้น
ดูเหมือนท้อแท้หมดกำลังใจ ที่จริงความรู้สึกยังไม่ตัดขาดอย่างหมดจด
เทวิกาเงียบไปสักพัก ก็ไม่ได้ปกปิดแม่บุญธรรม พูดเรื่องความขัดแย้งระหว่างพ่อแม่แท้ๆ ออกมา
พิชญ์สินี “……ตอนนี้แม่ของลูกเป็นยังไงบ้าง? ไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม?”
“หมอตรวจแล้วค่ะ ไม่เป็นอะไรมาก ฟื้นขึ้นมาก็ดี”
“งั้นก็ดีแล้ว บอกเธอแล้วว่าไม่ต้องกังวล ค่อยเป็นค่อยไป ทุกเรื่องแก้ได้เสมอ แต่เธอไม่ฟัง”
พิชญ์สินีถอนหายใจ ในใจรู้สึกเห็นใจญาณินมาก
“วิกา งั้นลูกไปอยู่กับณินก่อน แม่กับพ่อกินข้าวเสร็จแล้วจะออกไปชอปปิ้ง ซื้อของนิดหน่อย พรุ่งนี้กินข้าวก็กลับแล้ว ตอนนี้ที่บ้านมีเรื่องต้องทำเยอะมาก”
ช่วงนี้ครอบครัวพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอก ธุระน้อยใหญ่ในบ้านสะสมไว้เยอะเกินไป
ถึงแม้ลูกสาวจะกลับไปเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลสาระทาแล้ว แต่งงานไปเป็นคุณหนูใหญ่ในครอบครัวเศรษฐี แต่พวกเขาก็ทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะเรื่องนี้มากนัก
พวกเขาเข้ากับชีวิตชนชั้นสูงไม่ได้ กลับไปสงบสุขสบายใจยิ่งกว่า
“ได้ค่ะ แม่ ฉันจะโอนเงินให้แม่นิดหน่อยนะคะ แม่กับพ่อไปชอปปิ้งกัน ชอบอะไรก็ซื้อเลย ซื้อให้คุณปู่คุณย่าฉันด้วยนะคะ”
คนชราสองท่านไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งกษิดิในครั้งนี้ อายุมากแล้ว ไม่ชอบออกจากบ้าน
“แม่มีเงิน ไม่ต้องโอน แม่ไม่ทำให้ตัวเองลำบากหรอก”
พิชญ์สินีไม่ให้เทวิกาโอนเงินมา
ครอบครัวพวกเขาไม่ได้ร่ำรวยมั่งคั่ง แต่ก็ไม่ถึงกับจน ชีวิตดีกว่าครอบครัวหลายๆ คน
แต่เทวิกาก็ยังโอนเงินให้คุณแม่อยู่ดี
……
ณ ตระกูลเดชอุป
นฤเบศวร์ตื่นขึ้นมาอย่างเอ้อระเหย
แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ทิ่มแทงสายตาอย่างยิ่ง
เขาเพิ่งลืมตา แล้วหลับตาอีกครั้ง
แดดแรงเกินไป นี่เขาหลับถึงตอนไหน?
“ตื่นแล้วเหรอ?”
ได้ยินเสียงคุ้นเคยของกนกอร นฤเบศวร์นึกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่
นี่มันบ้านเขา ห้องเขา
กนกอรอยู่ในห้องเขา?
นฤเบศวร์คลำไปที่ด้านข้างโดยสัญชาตญาณ มันว่างเปล่า
“ตื่นแล้ว ก็ลุกขึ้นไปล้างหน้า แล้วลงไปกินข้าว วันๆ เอาแต่อวดว่าตัวเองคอแข็ง พันแก้วก็ไม่เมา ก็ไม่รู้นะว่าคนที่เมาหัวราน้ำเมื่อคืนเป็นใคร”
คำพูดเหน็บแนมของกนกอรดังลอยมาจากด้านหน้า
ไม่ได้อยู่ข้างกายเขาล่ะ
นฤเบศวร์ลืมตาขึ้นมา เห็นกนกอรยืนหน้าเตียงเขาอย่างที่คิดไว้
เขานวดขมับ พยายามนึกย้อนให้มากที่สุดว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่น่าเสียดายที่มันขาวโพลน
“ไม่ต้องคิดแล้ว เราสองคนไม่ได้เกิดอะไรขึ้นทั้งนั้นแหละ นายเมาจนยันกำแพงเดินไม่ได้ นายคิดว่านายจะทำอะไรกับฉันได้เหรอ?”
กนกอรดึงผ้านวมผืนบางเขาออกอย่างขบขัน
“เที่ยงแล้ว ทุกคนรอนายกินข้าวอยู่ รีบลุก”
นฤเบศวร์นั่งขึ้นมา พลางบ่น “อร เมื่อคืนโอกาสดีขนาดนั้น ทำไมเธอไม่ชิงสุกก่อนห่ามกับฉันล่ะ”
“เราสองคนยังไม่ได้แต่งงานกัน พ่อแม่เรานั่งปรึกษาหารือเรื่องงานแต่งด้วยกัน จะได้แต่งกันแล้ว ฉันจะรีบกินนายตอนนั้นทำไม? ของอร่อย เก็บไว้กินคืนแต่งงานดีกว่า”
ปฏิกิริยาเขาในวันนั้น หลังจากนั้นกนกอรก็หน้าหนา แอบไปถามเทวิกาเงียบๆ ก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ปรากฏว่าสิ่งที่วิกาพูดพิสูจน์ยืนยันว่าชายหนุ่มซิงหรือไม่
พลันนึกถึงปัญหานี้ที่ตนเคยถกถามลินท์ในตอนแรก สิ่งที่เธอพูด กนกอรแทบอยากจะหารูมุดหนีเข้าไป