คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ - บทที่ 1094
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1094
ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะบริสุทธิ์ แต่พวกเขาก็ต้องชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาทำกับโมนิก้าและแอมโบรส
ที่พระราชวังกวนเป๋ง
เจ้าศักดินาเคนนี่วางโมนิก้าลงบนเตียง จากนั้นเขาก็ห่มผ้าให้เธออย่างอ่อนโยน
“ไปเตรียมซุปขิงมาเดี๋ยวนี้!” เขาสั่งสาวรับใช้
ร่างกายของโมนิก้าเย็นยะเยือกและใบหน้าของเธอก็ดูซีดเซียวลง เมื่อเจ้าศักดินาเคนนี่ได้เห็นคนรักของเขาในสภาพเช่นนั้น เขาจึงรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก
ไม่นานสาวรับใช้ก็นำซุปขิงเข้ามา เจ้าศักดินาเคนนี่รับถ้วยซุปขิงมาและค่อย ๆ ป้อนมันใส่ปากให้โมนิก้าดื่ม จากนั้นสาวรับใช้ก็ออกจากห้องไป
เจ้าศักดินาเคนนี่ลูบผมของเธอด้วยความรัก ผ่านไปครู่หนึ่ง สีหน้าของโมนิก้าก็เริ่มดีขึ้น เขามองดูเธออย่างอ่อนโยนก่อนจะพูดขึ้นว่า “ยอดรัก ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้และจะไม่มีใครรังแกคุณได้อีก คุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะ”
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เจ้าศักดินาเคนนี่ก็กำมือแน่นจนแทบจะไม่สามารถระงับความโกรธภายในจิตใจของเขาได้
โมนิก้ารู้สึกประทับใจในคำพูดของเขา เธอเปิดริมฝีปากสีแดงของเธอและพูดขึ้นว่า “ขอบคุณจริง ๆ เจ้าศักดินาเคนนี่…”
มีความรู้สึกสับสนปนเปภายในจิตใจของโมนิก้า
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แดร์ริลเป็นคนเดียวที่สามารถครอบครองหัวใจของเธอได้ ดังนั้นโมนิก้าจึงไม่เคยมีความรู้สึกใด ๆ ต่อเจ้าศักดินาเคนนี่เลย
จนกระทั่งวันนี้ที่โมนิก้าตระหนักได้ว่า เจ้าศักดินาเคนนี่ เบรดห่วงใยเธอมากเพียงใด
เธอโชคดีแค่ไหนที่ได้พบกับผู้ชายที่รักและห่วงใยเธออย่างสุดซึ้งเช่นนี้ และความคิดเหล่านั้นก็ทำให้โมนิก้ารู้สึกผิดต่อเจ้าศักดินาเคนนี่
“ยอดรัก คุณเป็นผู้หญิงของผมและผมก็จะต้องปกป้องคุณอย่างแน่นอน” เจ้าศักดินาเคนนี่พูดด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โมนิก้าก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าที่อ่อนแอของเธอ
ผ่านไปครู่หนึ่ง บรรยากาศภายในห้องก็เงียบสงัด เขาและเธอจ้องมองกันอย่างใกล้ชิด
“แม่…” ทันใดนั้น เสียงของเด็กเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นจากที่ด้านนอกนอกประตูก่อนที่พวกเขาจะเห็นแอมโบรสวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้แอมโบรสหมดสติลงในขบวนรถคุมขัง จากนั้นเด็กชายก็ฟื้นขึ้นมาภายใต้การรักษาทันท่วงทีของหมอประจำพระราชวัง
“คุณแม่ครับ…” แอมโบรสวิ่งเข้าไปในอ้อมแขนของโมนิก้าอย่างไร้เดียงสา เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองดูแม่ของเขาและพูดขึ้นว่า “เมื่อไหร่เราจะไปจักรวาลโลกกันสักทีครับ? ผมไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ที่นี่มีแต่คนใจร้าย…”
จากนั้นแอมโบรสก็หันมองเจ้าศักดินาเคนนี่และพูดอย่างไรเดียงสาว่า “คุณพ่อเจ้าศักดินาครับ ไปที่จักรวาลโลกด้วยกันเถอะ”
โมนิก้าเคยบอกกับแอมโบรสว่า เธอจะพาเขาไปยังจักรวาลโลกเพื่อตามหาใครบางคน ดังนั้นแอมโบรสจึงจำคำพูดของเธอได้
‘ไปจักรวาลโลกเหรอ?’ เจ้าศักดินาเคนนี่ตกตะลึงทันที
โมนิก้ากัดริมฝีปากแน่น เธอหันมองลูกชายของเธออย่างอ่อนโยน จากนั้นเธอก็หันมองเจ้าศักดินาเคนนี่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เจ้าศักดินาเคนนี่ ฉันรู้แล้วว่าแดร์ริลยังมีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้ ฉันเคยบอกกับแอมโบรสว่าฉันจะพาเขาไปที่จักรวาลโลก…”
ในเวลานั้น จิตใจของเจ้าศักดินาเคนนี่ว่างเปล่า “ยอดรัก คุณรู้แล้วว่าเขายังไม่ตาย…คุณโกรธหรือเปล่าที่ผมปิดบังเรื่องนี้กับคุณ?”
โมนิก้าหัวเราะเบา ๆ และพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ฉันจะโกรธคุณได้ยังไง? ที่คุณปิดบังฉันก็เพราะคุณกลัวว่าฉันจะจากไปใช่หรือเปล่า?”
“ใช่!” ดวงตาของเจ้าศักดินาเคนนี่เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เขายื่นมือไปจับมือของโมนิก้าด้วยร่างที่สั่นเทา “ผมไม่อยากให้คุณจากไป…”
โมนิก้ามองดูการแสดงออกของเจ้าศักดินาเคนนี่ เมื่อเธอเห็นว่าชายร่างสูงสง่าตรงหน้าของเธอกำลังมีน้ำตาคลอเบ้า หัวใจของเธอก็ปวดร้าวในทันที “คุณรู้ไหมว่าฉันโชคดีแค่ไหนที่ได้พบคุณ? ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันยังจำได้ชัดเจนว่าคุณดูแลฉันดีแค่ไหน แล้ววันนี้คุณก็ยังปกป้องฉันจากคนพวกนั้น คุณรู้ไหมว่าฉันรู้สึกประทับใจมากแค่ไหน? ฉันเป็นหนี้บุญคุณคุณมากจริง ๆ…”
เจ้าศักดินาเคนนี่จับมือของโมนิก้าเอาไว้แน่นและมองเธออย่างคาดหวัง “ยอดรัก คุณยังอยากจากไปอยู่หรือเปล่า? คุณยังอยากตามหาเขาอยู่หรือเปล่า?”