คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ - บทที่ 1178
คุณสามี แห่ง ปาฏิหาริย์ บทที่ 1178
ชื่อเสียงและความมั่งคั่งไม่มีความหมายสำหรับเจ้าศักดินาเคนนี่อีกต่อไป เมื่อเขามีชีวิตรอดมาได้ เขาได้ตัดสินใจแล้วว่าเขาจะผจญภัยไปยังทวีปอื่น
…
ที่ในพื้นที่ชนบทในทวีปโลกใหม่ มีวิหารเก่าแก่ตั้งอยู่ที่นั่น อีเวตต์และแอมโบรสหนีมาจนสุดหนทาง จนพวกเขามาหยุดอยู่ที่วิหารเก่าแก่ในที่สุด
ในเวลานั้น แอมโบรสนั่งอยู่บนกองฟางและมองดูอีเวตต์ที่กำลังยุ่งกับการทำอาหาร
อีเวตต์กำลังจุดไฟย่างกระต่าย!
พวกเขาหนีออกมาตัวเปล่า ดังนั้นอีเวตต์จึงไม่ได้นำอะไรติดตัวมาด้วย แต่ด้วยทักษะการทำอาหารที่ยอดเยี่ยมของเธอ ทั้งวิหารเก่าแก่จึงตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอันโอชะ
“หอมมากเลย! อาหารของคุณน่ากินที่สุดในโลก!” แอมโบรสกล่าวชมเชยอีเวตต์พร้อมปรบมือ เด็กชายเลียริมฝีปากอย่างหิวโหย
“เจ้าตัวเล็กคงหิวแล้วสินะ!”
อีเวตต์รู้สึกยินดีที่ได้ฟังคำชมเชยจากแอมโบรส จากนั้นเธอก็ยืนกระต่ายย่างให้เขา
หลังจากที่พวกเขาต้องวิ่งหนีมาทั้งคืน แอมโบรสจึงดูเหนื่อยล้า แต่ในที่สุดเขาก็ตื่นตัวเมื่อเขาได้รับกระต่ายย่างจากอีเวตต์
อีเวตต์มองดูแอมโบรสอย่างเงียบ ๆ ด้วยหัวใจที่รู้สึกเจ็บปวด เขาเป็นเด็กดีจนใคร ๆ ก็ต้องรู้สึกสงสารเขา
ในขณะที่พวกเขากำลังกินกระต่ายย่างอยู่นั้น แอมโบรสก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจ้องหน้าอีเวตต์ด้วยดวงตาสีดำกลมโตและพูดขึ้นว่า “แล้วพวกเราจะไปไหนกันต่อเหรอครับ?”
อีเวตต์ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง เธอไม่รู้จะตอบเขาว่าอย่างไร
หลังจากที่พวกเขาหนีออกมาจากเมืองหลวง อีเวตต์ก็พาแอมโบรสไปยังกระท่อมของนิกายจ้าวสวรรค์ เพราะเธอต้องการให้เขาได้พบกับโมนิก้าแม่ของเขา
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากก่อนหน้านี้จักรพรรดิแห่งโลกใหม่ได้ส่งกองทัพทหารบุกไปโจมตีนิกายจ้าวสวรรค์ ดังนั้นสถานที่ทั้งหมดจึงกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่า
อีเวตต์เองก็ไม่รู้ว่าโมนิก้าและนิกายจ้าวสวรรค์ย้ายถิ่นฐานไปยังที่ใด
อีเวตต์เงียบไปครู่หนึ่ง ในตอนแรกเธอต้องการบอกแอมโบรสว่าเธอเองก็ยังไม่รู้ แต่เมื่อเธอได้เห็นใบหน้าที่ไร้เดียงสาของแอมโบรส เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบเขาอย่างอ่อนโยนว่า “เราจะไปตามหาแม่ของเธอไง! ไม่ต้องเป็นห่วงนะแอมโบรส เธอมีฉันอยู่ทั้งคน ฉันจะต้องช่วยเธอตามหาแม่ของเธอให้เจอ!”
“ตกลง!” แอมโบรสพยักหน้าอย่างยินดี จากนั้นเขาก็กินเนื้อกระต่ายต่ออย่างเอร็ดอร่อย
เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วทั้งสองก็เตรียมตัวออกเดินทางต่อ
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว และฝนที่หยุดตกไปก่อนหน้านี้ก็เริ่มตกหนักขึ้นอีกครั้ง
“ฝนตกอีกแล้ว!” แอมโบรสมองออกไปยังสายฝนที่โปรยลงมาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
เขาไม่สามารถซ่อนความคิดถึงที่เขามีต่อโมนิก้าได้เลย แม่ของเขามักจะพาเขาเล่นน้ำฝนทุก ๆ ครั้งที่ฝนตก
‘คุณแม่ คุณอยู่ที่ไหน? ผมคิดถึงคุณแม่มาก!’ แอมโบรสครุ่นคิด
“ทำไมฝนตกอีกแล้วนะ?” อีเวตต์พึมพำเบา ๆ ขณะที่เธอจัดแจงที่นอนให้แอมโบรสและกวักมือเรียกเขา “ดูเหมือนว่าคืนนี้เราจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ เราคงจะต้องนอนพักที่นี่ไปก่อน”
แอมโบรสพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ตกลง!”
ถึงแม้ว่าแอมโบรสจะมีอายุเพียงแค่สองขวบเท่านั้น แต่เนื่องจากว่าเขาผ่านอะไรมามากมาย ดังนั้น เขาจึงมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กคนอื่น ๆ ในวัยเดียวกัน
และถึงแม้ว่าภายในใจของเขาจะคิดถึงโมนิก้ามากเพียงใด แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวออกมาเลย เขาเป็นเด็กดีมากจนใคร ๆ ก็รู้สึกรักใคร่เอ็นดูเขา
แอมโบรส เดินเข้าไปหาอีเวตต์และนอนลงบนกองฟางข้าง ๆ เธอ เขานอนลงและลืมตามองดูค่ำคืนอันแสนมืดมิด
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นหัวใจของอีเวตต์ก็เจ็บปวด เธอยิ้มให้เขาและพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “แอมโบรสหนาวไหม? มาให้ฉันกอดเธอ!”
อีเวตต์พูดกับเขาโดยไม่ได้คิดอะไรมาก อย่างไรก็ตาม แอมโบรสรีบลุกขึ้นทันทีและถามเธอด้วยใบหน้าที่งุนงงว่า “มันจะดีเหรอครับ?”
จากนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “คุณพ่อเคยบอกผมว่าเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมีความแตกต่างกัน ดังนั้น เราจะต้องไม่อยู่ใกล้กันจนเกินไป คุณเป็นผู้หญิงส่วนผมเป็นผู้ชาย ดังนั้นเราจึงไม่สามารถทำแบบนั้นได้…”
ในขณะที่พูดเช่นนั้น แอมโบรสก็ส่ายหน้าปฏิเสธเธออย่างหนักแน่น
เมื่อได้เห็นว่าเขาทำตัวเหมือนผู้ใหญ่มากแค่ไหน อีเวตต์ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน “ฮ่าฮ่า! เธอพูดถูก แต่ว่าเธอยังเป็นเด็กมาก และฉันก็เป็นเหมือนป้าของเธอแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นข้อยกเว้น”
ในขณะที่กล่าวเช่นนั้นอีเวตต์ก็รู้สึกขบขัน ‘นี่เขามีความเป็นผู้ใหญ่มากขนาดนี้เลยเหรอ?’
โชคดีที่เขาอายุเพียงแค่สองขวบเท่านั้น เพราะเมื่อ แอมโบรสโตขึ้น เธอคงจะไม่ได้กอดเขาและกล่อมให้เขานอนเช่นนี้อีกแล้ว
ในขณะที่อีเวตต์กำลังครุ่นคิดกับตัวเอง เธอก็ได้ยินแอมโบรสพูดว่า “คุณพ่อบอกว่าผมจะต้องปกป้องคุณแม่เมื่อตอนที่เขาไม่อยู่ ผมจะต้องแข็งแกร่งขึ้นและไม่สามารถทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว”